พบผลลัพธ์ทั้งหมด 47 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9543/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าหากพิจารณาใหม่แล้วจะชนะคดีได้อย่างไร มิฉะนั้นไม่ชอบตามกฎหมาย
คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยทั้งสองมีข้อความว่าฟ้องโจทก์ไม่เป็นความจริง คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ถูกต้อง จำเลยทั้งสองมิได้กู้เงินจำนวน 9,040,000 บาท จากโจทก์ และมิได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องนั้นเป็นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินของศาลชั้นต้น เพื่อแสดงว่าตนเองจะชนะคดีได้อย่างไรเมื่อศาลอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ จึงไม่ชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคสอง ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบ 246 และ 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7413/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่: จำเลยปฏิเสธหนี้ค้ำประกัน และมีเหตุผลที่อาจชนะคดีได้ ศาลต้องพิจารณา
ตามคำร้องขอของจำเลยที่ขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่นั้นระบุว่า จำเลยเคยกู้เงินโจทก์เป็นการส่วนตัว และวางหนังสือรับรองการทำประโยชน์เพื่อประกันการชำระหนี้ของจำเลยต่อโจทก์ เมื่อจำเลยชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์แล้ว โจทก์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่จำเลย จำเลยไม่เคยเกี่ยวข้องผูกพันเข้ารับภาระหนี้ใด ๆ ซึ่ง ม. จะมีต่อโจทก์หรือไม่ จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย ตามคำร้องขอของจำเลยแสดงให้เห็นแล้วว่า จำเลยได้ปฏิเสธว่ามิได้เป็นหนี้โจทก์ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ ม. ดังคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและตามคำร้องขอของจำเลยนี้ก็แสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยมีทางชนะคดีในเมื่อมีการพิจารณาคดีใหม่ กรณีจึงถือได้ว่าคำร้องขอของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง ในอันที่ศาลจะสั่งให้มีการพิจารณาคดีใหม่ได้ ส่วนในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่นั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ศาลไต่สวนพิจารณาต่อไปเพียงว่า มีเหตุสมควรเชื่อว่า คู่ความฝ่ายที่ขาดนัดนั้นมาศาลไม่ได้หรือไม่เท่านั้น จำเลยจึงไม่ต้องนำสืบเกี่ยวกับข้อคัดค้านคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นเพื่อให้เห็นว่าตนจะชนะคดีอย่างไรอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9680/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดหลักฐานหักล้างการครอบครอง ทำให้โจทก์ไม่มีทางชนะคดี
โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานใดหักล้างการครอบครองของจำเลยว่าจำเลยขอ ส.ปลูกบ้านเพื่อสนับสนุนคำฟ้อง โจทก์จึงไม่มีทางชนะคดี ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าได้มีการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือและได้มีการฟ้องคดีภายใน 1 ปีหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความที่มีเงื่อนไขผูกพันกับการชนะคดี เป็นโมฆะเพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อย
จำเลยว่าจ้างโจทก์เป็นทนายความฟ้องคดีขับไล่ ตกลงให้ค่าจ้างโจทก์ 250,000 บาท มีข้อสัญญาว่าจำเลยจะชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์เมื่อคดีถึงที่สุดและจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี กับให้โจทก์ออกเงินทดรองเป็นค่าขึ้นศาลจำนวน 20,400 บาท ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆในระหว่างดำเนินคดีไปก่อนจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ถ้าจำเลยไม่ได้รับที่ดินพิพาทคืน โจทก์จะไม่ได้รับค่าจ้าง เช่นนี้ข้อตกลงตามสัญญาดังกล่าวมีลักษณะเป็นการหาประโยชน์จากการที่ผู้อื่นเป็นความหรือยุยงให้ผู้อื่นเป็นความกัน จึงเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนย่อมตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 133(เดิม)(มาตรา 150 ที่แก้ไขใหม่) ปัญหาข้อนี้แม้คู่ความจะมิได้อุทธรณ์ฎีกาแต่ก็เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบด้วยมาตรา 246,247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7747/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าคำพิพากษาไม่ถูกต้องอย่างไร การกล่าวอ้างว่าหากสืบพยานแล้วจะชนะคดีไม่เพียงพอ
คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยไม่ได้แสดงเหตุโดยละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องอย่างไรไม่มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไรคงกล่าวแต่เพียงว่าถ้ามีการสืบพยานจำเลยแล้วจำเลยมีทางชนะคดีไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208วรรคสองที่ศาลจะสั่งให้มีการพิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3793/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต ไม่เป็นละเมิด แม้จะมีการฟ้องขับไล่และชนะคดี
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรวมคนหนึ่งได้ฟ้องขับไล่โจทก์ให้รื้อถอนบ้านพิพาทและขนย้ายออกไปจากที่ดินส่วนที่โจทก์ขายฝากให้แก่จำเลย การกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นการใช้สิทธิทางศาลและได้กระทำโดยสุจริตซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะและคดีถึงที่สุดแล้ว จึงไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าหากสืบพยานแล้วจำเลยมีทางชนะคดีได้
จำเลยกล่าวในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เพียงว่า ถ้ามีการสืบพยานแล้ว จำเลยมีทางชนะคดีได้ มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำชี้ขาดตัดสินของศาล เพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไร คำขอพิจารณาใหม่จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง ศาลชอบที่จะยกคำขอให้พิจารณาของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3909/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทุเลาการชำระค่าปรับของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย: ศาลไม่เห็นเหตุผลเพียงพอเนื่องจากสามารถขอคืนเงินได้หากชนะคดี
กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายตั้งขึ้นโดยกฎหมายมีฐานะเป็นนิติบุคคล และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการบริหารกองทุนตั้งขึ้นและมีหน้าที่ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 23,24 และ 25 แห่ง พ.ร.บ. อ้อยและน้ำตาลทรายฯ หากโจทก์ชนะคดีย่อมไม่เป็นการยากที่จะขอคืนเงินค่าปรับที่โจทก์ชำระไว้กับกองทุนดังกล่าวได้จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้โจทก์ได้ทุเลาการที่จะต้องชำระเงินค่าปรับตามคำสั่ง ของจำเลยที่ 5 ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนอ้อยและ น้ำตาลทรายตาม พ.ร.บ. อ้อยและน้ำตาลทรายฯ มาตรา 58 ไว้ก่อนพิพากษา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3908/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอทุเลาการชำระค่าปรับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย: ศาลไม่อนุญาตเนื่องจากสามารถขอคืนเงินได้หากชนะคดี
โจทก์ขอทุเลาการชำระค่าปรับตามคำสั่งของจำเลยที่ 5ในฐานะคณะกรรมการบริหารกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายซึ่งสั่งให้โจทก์ชำระค่าปรับแก่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกองทุนดังกล่าวตั้งขึ้นโดยกฎหมาย มีฐานะเป็นนิติบุคคล และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายกระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการบริหารกองทุนตั้งขึ้นและมีหน้าที่ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 23,24 และ 25 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 หากโจทก์ชนะคดีก็ไม่เป็นการยากที่จะขอคืนเงินค่าปรับที่โจทก์ชำระได้จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้โจทก์ได้ทุเลาการที่จะต้องชำระเงินค่าปรับตามคำสั่งของจำเลยที่ 5 ก่อนพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2553/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าคำพิพากษาไม่ชอบอย่างไร และมีเหตุผลที่หากพิจารณาใหม่แล้วอาจชนะคดีได้
คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของโจทก์กล่าวอ้างแต่เพียงว่า หากโจทก์ได้นำพยานบุคคลและพยานเอกสารมาสืบ โจทก์มีทางชนะคดีได้เพราะโจทก์ได้เตรียมคดี พยานหลักฐานไว้พร้อมแล้วเท่านั้นข้อความดังกล่าวไม่ได้แสดงเหตุโดยละเอียดชัดแจ้งว่า คำพิพากษาไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องอย่างไร ทั้งยังไม่มีเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาคดีใหม่แล้ว โจทก์อาจชนะคดีอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคท้าย.