พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตและในเขตป่าสงวน ถือเป็นความผิดฐานทำไม้ แม้ไม้จะตกเป็นของแผ่นดิน
พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4 (5) ประกอบมาตรา11 วรรคหนึ่ง การชักลากไม้ถือเป็นการทำไม้ ดังนั้น การชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือระเบียบในการชักลากไม้ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย จึงเป็นการทำไม้โดยไม่รับอนุญาตตามมาตรา 11 ซึ่งผู้กระทำต้องรับโทษตามมาตรา 73
จำเลยชักลากไม้โดยยังไม่ได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการตรวจวัดคำนวณค่าภาคหลวงตามระเบียบกรมป่าไม้ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไขและระยะเวลาในการชักลาก และนำไม้เคลื่อนที่ภายหลังสัมปทานสิ้นสุดลงพ.ศ.2532 ซึ่งออกตามความในมาตรา 68 เบญจ วรรคท้าย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตรวม 2 กระทง
พ.ร.บ.ป่าไม้ ฯ มาตรา 68 เบญจ วรรคสาม ที่บัญญัติว่าผู้รับสัมปทานผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาตามที่อธิบดีกรมป่าไม้กำหนดดังกล่าวให้หมดสิทธิในไม้นั้น และให้ไม้นั้นตกเป็นของแผ่นดินเป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดให้ผู้รับสัมปทานหมดสิทธิในไม้โดยให้ไม้ตกเป็นของแผ่นดิน มิใช่หมายความว่าเมื่อไม้ตกเป็นของแผ่นดินแล้วการกระทำไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติมาตราอื่นอีก และเมื่อการกระทำความผิดของจำเลยเป็นการทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำเลยจึงมีความผิดฐานทำไม้ในเขตป่าสงวนอีกด้วย
จำเลยชักลากไม้โดยยังไม่ได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการตรวจวัดคำนวณค่าภาคหลวงตามระเบียบกรมป่าไม้ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไขและระยะเวลาในการชักลาก และนำไม้เคลื่อนที่ภายหลังสัมปทานสิ้นสุดลงพ.ศ.2532 ซึ่งออกตามความในมาตรา 68 เบญจ วรรคท้าย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตรวม 2 กระทง
พ.ร.บ.ป่าไม้ ฯ มาตรา 68 เบญจ วรรคสาม ที่บัญญัติว่าผู้รับสัมปทานผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาตามที่อธิบดีกรมป่าไม้กำหนดดังกล่าวให้หมดสิทธิในไม้นั้น และให้ไม้นั้นตกเป็นของแผ่นดินเป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดให้ผู้รับสัมปทานหมดสิทธิในไม้โดยให้ไม้ตกเป็นของแผ่นดิน มิใช่หมายความว่าเมื่อไม้ตกเป็นของแผ่นดินแล้วการกระทำไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติมาตราอื่นอีก และเมื่อการกระทำความผิดของจำเลยเป็นการทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำเลยจึงมีความผิดฐานทำไม้ในเขตป่าสงวนอีกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชักลากไม้โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบกรมป่าไม้ และความผิดฐานทำไม้ในเขตป่าสงวน
พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4(5) ประกอบมาตรา 11 วรรคหนึ่ง การชักลากไม้ถือเป็นการทำไม้ ดังนั้นการชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือระเบียบในการชักลากไม้ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย จึงเป็นการทำไม้โดยไม่รับอนุญาตตามมาตรา 11 ซึ่งผู้กระทำ ต้องรับโทษตามมาตรา 73 จำเลยชักลากไม้โดยยังไม่ได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการตรวจวัดคำนวณค่าภาคหลวงตามระเบียบกรมป่าไม้ว่าด้วยการกำหนด หลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไขและระยะเวลาในการชักลาก และนำ ไม้เคลื่อนที่ภายหลังสัมปทานสิ้นสุดลง พ.ศ. 2532 ซึ่งออกตามความในมาตรา 68 เบญจ วรรคท้าย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตรวม 2 กระทง พระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 68 เบญจ วรรคสาม ที่บัญญัติว่าผู้รับสัมปทานผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการเงื่อนไข และระยะเวลาตามที่อธิบดีกรมป่าไม้กำหนดดังกล่าวให้หมดสิทธิในไม้นั้น และให้ไม้นั้นตกเป็นของแผ่นดินเป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดให้ผู้รับสัมปทานหมดสิทธิในไม้โดยให้ไม้ตกเป็นของแผ่นดิน มิใช่หมายความว่าเมื่อไม้ตกเป็นของแผ่นดินแล้วการกระทำไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติมาตราอื่นอีก และเมื่อการกระทำความผิดของจำเลยเป็นการทำไม้ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำเลยจึงมีความผิดฐานทำไม้ในเขตป่าสงวนอีกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การประทับตราอนุญาตชักลากไม้เท็จ และการทำบัญชีขนาดไม้เป็นเท็จ
ตามระเบียบการตรวจวัดประทับตราอนุญาตชักลากไม้ และตามคำสั่งของป่าไม้เขต ที่ให้จำเลยออกไปตรวจวัด ประทับตราอนุญาตชักลากไม้ จำเลยจะต้องทำบัญชีอนุญาต ชักลากไม้ด้วย ดังนั้น การที่จำเลยทำบัญชีอนุญาตชักลากไม้ เป็นเท็จก็เพื่อให้การประทับตราอนุญาตชักลากไม้ไม่ถูกต้อง ตามระเบียบเสร็จสิ้นไปโดยบริบูรณ์ การทำบัญชีอนุญาต ชักลากไม้เป็นเท็จกับการประทับตราอนุญาตชักลากไม้ไม่ถูกต้อง ตามระเบียบจึงเป็นกรรมเดียวกันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้ขั้นตอนที่จะต้องกระทำ จำเลยต้องประทับตราอนุญาต ชักลากไม้ก่อนแล้วจึงทำบัญชีอนุญาตชักลากไม้ ก็หาทำให้ การกระทำของจำเลยเป็นสองกรรมต่างกันไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 160,162 แต่ละกรรมเป็นความผิดตามมาตรา 157ด้วย ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนักทั้งสองกระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี ข้อหาทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษ จำเลยฐานทำไม้ใน เขตป่าสงวนแห่งชาติด้วย ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยว่าการกระทำ ของจำเลยตามมาตรา 160,162 เป็นความผิดกรรมเดียวกัน พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมี ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 160,162 และ 157 ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่ง เป็นบทหนักที่สุด จำคุก 10 ปี ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลย หนักขึ้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ลงโทษ จำคุกจำเลย กระทงเดียว 10 ปี เป็นการพิพากษา เพิ่มเติม โทษจำเลยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 160,162 แต่ละกรรมเป็นความผิดตามมาตรา 157ด้วย ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนักทั้งสองกระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี ข้อหาทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษ จำเลยฐานทำไม้ใน เขตป่าสงวนแห่งชาติด้วย ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยว่าการกระทำ ของจำเลยตามมาตรา 160,162 เป็นความผิดกรรมเดียวกัน พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมี ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 160,162 และ 157 ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่ง เป็นบทหนักที่สุด จำคุก 10 ปี ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลย หนักขึ้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ลงโทษ จำคุกจำเลย กระทงเดียว 10 ปี เป็นการพิพากษา เพิ่มเติม โทษจำเลยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชักลากไม้ผิดกฎหมาย แม้ไม่ได้ครอบครองไม้เอง ก็มีความผิดฐานชักลากโดยไม่ได้รับอนุญาต
ไม้ของกลางเป็นของแม่ยายจำเลย จำเลยเพียงรับจ้างหรือช่วยเหลือชักลาก ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แต่การที่จำเลยทำการชักลากไม้ของกลางโดยรู้อยู่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ผิดกฎหมายและไม่ได้รับอนุญาตให้ชักลาย จำเลยต้องมีความผิดฐานชักลายไม้ของกลางโดยไม่รับอนุญาต
แม้ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ 2 ตำบลแต่โจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลหนึ่งใน 2 ตำบลนั้นเพียงตำบลเดียว แันเป็นตำบลที่เจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำผิดของจำเลยและจับจำเลยได้ เช่นนี้ ฟ้องก็สมบูรณ์ และเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์.
แม้ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ 2 ตำบลแต่โจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลหนึ่งใน 2 ตำบลนั้นเพียงตำบลเดียว แันเป็นตำบลที่เจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำผิดของจำเลยและจับจำเลยได้ เช่นนี้ ฟ้องก็สมบูรณ์ และเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชักลากไม้ผิดกฎหมาย แม้รับจ้างแต่รู้ว่าเป็นไม้ผิดกฎหมาย มีความผิดฐานชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ไม้ของกลางเป็นของแม่ยายจำเลย จำเลยเพียงรับจ้างหรือช่วยเหลือชักลากยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แต่การที่จำเลยทำการชักลากไม้ของกลางโดยรู้อยู่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ผิดกฎหมายและไม่ได้รับอนุญาตให้ชักลากจำเลยต้องมีความผิดฐานชักลากไม้ของกลางโดยไม่รับอนุญาต
แม้ทางพิจารณาได้ความว่า เป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ 2 ตำบล แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดที่ตำบลหนึ่งใน 2 ตำบลนั้นเพียงตำบลเดียว อันเป็นตำบลที่เจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำของจำเลยและจับจำเลยได้เช่นนี้ ฟ้องก็สมบูรณ์และเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์
แม้ทางพิจารณาได้ความว่า เป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ 2 ตำบล แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดที่ตำบลหนึ่งใน 2 ตำบลนั้นเพียงตำบลเดียว อันเป็นตำบลที่เจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำของจำเลยและจับจำเลยได้เช่นนี้ ฟ้องก็สมบูรณ์และเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบไม้ของกลาง: ไม้ที่ชักลากโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ใช่ไม้ที่ได้มาจากการกระทำผิด จึงไม่ถูกริบ
ไม้ที่จำเลยทำการชักลากโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานไม่ใช่ไม้ที่ได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ จึงไม่ต้องถูกริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74(อ้างฎีกาที่ 354/2488)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิป่าไม้และการชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต การซื้อขายที่ดินไม่ครอบคลุมสิทธิในป่า
มีผู้ยกคันนาทั้ง 3 ด้านล้อมนาและป่าที่มีต้นสักขึ้นอยู่ไว้เพียงเท่านี้ ยังหาทำให้ผู้นั้นเป็นเจ้าของป่าและไม้สักได้ตามกฎหมายไม่ ฉะนั้นแม้ผู้นั้นจะขายที่ดินทั้งหมดให้แก่ผู้อื่น โดยมีเจ้าพนักงานไปรังวัดและไม่มีผู้คัดค้านก็ดีการซื้อขายนั้นก็ไม่ทำให้ผู้รับซื้อมีกรรมสิทธิในที่ป่าและต้นสักนั้น ฉะนั้นผู้ใดตัดต้นสักในที่นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ จึงย่อมมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ฟ้องของโจทก์หาว่าจำเลยชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต อ้าง พ.ร.บ. ป่าไม้ 2484 มาตรา 39 ซึ่งบัญญัติถึงการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต้องมีใบอนุญาตเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วยและจำเลยก็เข้าใจข้อหาข้อนี้ดีแล้ว ถือว่าไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องของโจทก์หาว่าจำเลยชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต อ้าง พ.ร.บ. ป่าไม้ 2484 มาตรา 39 ซึ่งบัญญัติถึงการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต้องมีใบอนุญาตเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วยและจำเลยก็เข้าใจข้อหาข้อนี้ดีแล้ว ถือว่าไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ป่าไม้และการชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต
มีผู้ยกคันนาทั้ง 3 ด้านล้อมนาและป่าที่มีต้นสักขึ้นอยู่ไว้ เพียงเท่านี้ ยังหาทำให้ผู้นั้นเป็นเจ้าของป่าและต้นสักได้ตามกฎหมายไม่ ฉะนั้นแม้ผู้นั้นจะขายที่ดินทั้งหมดให้แก่ผู้อื่น โดยมีเจ้าพนักงานไปรังวัดและไม่มีผู้คัดค้านก็ดี การซื้อขายนั้นก็ไม่ทำให้ผู้รับซื้อมีกรรมสิทธิ์ในที่ป่าและต้นสักนั้นฉะนั้นผู้ใดตัดต้นสักในที่นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ จึงย่อมมีความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้
ฟ้องของโจทก์หาว่าจำเลยชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตอ้างพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 39 ซึ่งบัญญัติถึงการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต้องมีใบอนุญาตเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วย และจำเลยก็เข้าใจข้อหาข้อนี้ดีแล้ว ถือว่าไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2492)
ฟ้องของโจทก์หาว่าจำเลยชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตอ้างพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 39 ซึ่งบัญญัติถึงการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต้องมีใบอนุญาตเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วย และจำเลยก็เข้าใจข้อหาข้อนี้ดีแล้ว ถือว่าไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 354/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชักลากไม้โดยไม่ขออนุญาต: ไม้ที่ได้รับอนุญาตไม่เข้าข่ายริบ
จำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ทำไม้ยาง ได้ชักลากไม้ยางออกจากป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนี้จำเลยมีความผิดเพียงไม่ขออนุญาตชักลาก ส่วนไม้ของกลางจำเลยได้รับอนุญาตให้มีและทำได้แล้วจึงไม่ใช่ของที่พึงริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา74
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชักลากไม้โดยได้รับอนุญาตทางวาจาและการกระทำโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดอาญา
จำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ทำไม้ได้ จำเลยได้ทำการชักลากไม้มาก่อนที่เจ้าพนักงานป่าไม้ได้ตีตราอนุญาต โดยจำเลยได้รับคำสั่งอนุญาตด้วยวาจาจากเจ้าพนักงานให้ชักลากไม้มาก่อนแล้วจะตีตราให้ภายหลังซึ่งเป็นวิธีการที่เคยปฏิบัติกันมา ถือว่าจำเลยได้กระทำการไปโดยสุจริต ไม่เป็นบังอาจหรือเจตนาที่จะกระทำความผิดทางอาญา จำเลยจึงไม่ควรรับอาญา ไม้ของกลางไม่ริบ