พบผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7063/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินที่ได้มาจากการอยู่กินฉันสามีภริยา แม้จดทะเบียนซื้อด้วยชื่อฝ่ายเดียว
ขณะที่ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทจำเลยกับผู้ร้องยังอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา ร่วมกันประกอบกิจการค้าขายเสื้อผ้าจนกระทั่งจดทะเบียนตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดในเวลาต่อมา ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทจึงเป็นทรัพย์ที่ได้มาระหว่างอยู่กินด้วยกัน แม้จะมีชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว ก็ต้องถือว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยและผู้ร้องทำมาหาได้ร่วมกันและมีเจตนาเป็นเจ้าของในทรัพย์ที่ทำมาหาได้ร่วมกัน จำเลยและผู้ร้องจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน
เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมไม่มีสิทธิ์ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินพิพาทคงมีสิทธิเฉพาะที่จะร้องขอกันส่วนในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม
เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมไม่มีสิทธิ์ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินพิพาทคงมีสิทธิเฉพาะที่จะร้องขอกันส่วนในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2290/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ที่ดินพิพาทที่จำเลยอ้างสิทธิเช่าและซื้อตามพ.ร.บ.เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องคดีส่วนแพ่งขอให้ห้ามจำเลยเข้าไปในที่ดินพิพาทของโจทก์ถือได้ว่าเป็นประเภทเดียวกับฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ เมื่อที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท คดีส่วนแพ่งจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาในคดีส่วนแพ่งว่าจำเลยที่ 1 ได้เช่าที่ดินพิพาทจาก ม. และ บ.เจ้าของที่ดินพิพาทเดิม เมื่อโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโจทก์ต้องรับโอนทั้งสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องให้จำเลยที่ 1 เช่าหรือจำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะซื้อที่ดินพิพาทจาก บ. หรือโจทก์ ตามพระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 จำเลยที่ 1จึงมีสิทธิอยู่ในที่ดินพิพาทได้นั้น เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่ฟังว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เช่าที่ดินพิพาทจาก ม. หรือบ. เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทรัพย์สินเพื่อหากำไร: การพิจารณาเจตนาในการซื้อและการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42 (9) ที่ใช้บังคับในขณะพิพาทที่บัญญัติว่า การขายทรัพย์สินซึ่งทรัพย์สินนั้นได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไรอันจะได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ หมายความว่า การได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยผู้ได้มาไม่มีเจตนาจะมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร ตรงกันข้ามถ้าผู้ได้มาซึ่งทรัพย์สินมีเจตนาจะมุ่งในการค้าหรือหากำไรแล้ว ต่อมาได้ขายทรัพย์สินนั้นก็จะไม่ได้รับยกเว้นการเสียภาษีเงินได้
ข้อเท็จจริงที่โจทก์ซื้อที่ดินและตึกแถวมาแล้วเกิดความจำเป็นต้องกู้ยืมเงิน จึงนำที่ดินไปจำนองค้ำประกันหนี้ที่ธนาคารเพื่อนำเงินไปใช้ในทางการค้าหรือการใด ๆ ก็ดี และซื้อแล้วได้ใช้ตึกแถวเป็นที่เก็บสินค้าของห้างหุ้นส่วนก็ดี ย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่พึงใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้นกระทำกันทั่วไป ส่วนที่ว่าที่ดินและตึกแถวตั้งอยู่ในย่านทำเลการค้าก็หาแสดงว่า ผู้ซื้อได้ซื้อมาโดยเจตนามุ่งในทางการค้าหรือหากำไรไม่ เพราะผู้ซื้ออาจซื้อมาให้เป็นสถานประกอบการค้าหรือเพื่ออาศัยในอนาคตก็ได้
การขายที่ดินและตึกแถวไปในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมาหาแสดงว่าเป็นการขายโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร เพราะที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอาจมีราคาสูงขึ้นตามสภาพและค่าของเงิน
ข้อเท็จจริงที่โจทก์ซื้อที่ดินและตึกแถวมาแล้วเกิดความจำเป็นต้องกู้ยืมเงิน จึงนำที่ดินไปจำนองค้ำประกันหนี้ที่ธนาคารเพื่อนำเงินไปใช้ในทางการค้าหรือการใด ๆ ก็ดี และซื้อแล้วได้ใช้ตึกแถวเป็นที่เก็บสินค้าของห้างหุ้นส่วนก็ดี ย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่พึงใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้นกระทำกันทั่วไป ส่วนที่ว่าที่ดินและตึกแถวตั้งอยู่ในย่านทำเลการค้าก็หาแสดงว่า ผู้ซื้อได้ซื้อมาโดยเจตนามุ่งในทางการค้าหรือหากำไรไม่ เพราะผู้ซื้ออาจซื้อมาให้เป็นสถานประกอบการค้าหรือเพื่ออาศัยในอนาคตก็ได้
การขายที่ดินและตึกแถวไปในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมาหาแสดงว่าเป็นการขายโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร เพราะที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอาจมีราคาสูงขึ้นตามสภาพและค่าของเงิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3262/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้ออาวุธปืน การมีอาวุธปืน และการใช้อาวุธปืน เป็นความผิดกรรมเดียว
จำเลยซื้ออาวุธปืนก็เพื่อมีอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนนั้น การมีอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนจึงเป็นผลหรือการกระทำต่อเนื่องจากการซื้ออาวุธปืนอันเป็นเจตนาเดิม จำเลยจึงมีความผิดฐานซื้ออาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่เพียงกรรมเดียว หาใช่เป็นความผิดแยกออกเป็น 3 กระทงไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2068/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดฐานซื้อและมีอาวุธปืน การกระทำต่อเนื่องกันถือเป็นกรรมเดียว
ซื้ออาวุธปืนแล้วมีอาวุธปืนนั้นไว้ในครอบครอง เป็นความผิดกรรมเดียว ไม่ใช่หลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การซื้อและมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ความผิดในเรื่องมีอาวุธปืนไม่รับอนุญาตเกิดขึ้นในตัวทันใดที่กรรมเรื่องซื้ออาวุธปืนได้สำเร็จลงแล้วนั่นเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท เพราะจำเลยมีเจตนาที่จะมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองอยู่ขณะซื้อแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: ความผิดฐานซื้อและมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ความผิดในเรื่องมีอาวุธปืนไม่รับอนุญาตเกิดขึ้นในตัวทันใดที่กรรมเรื่องซื้ออาวุธปืนได้สำเร็จลงแล้วนั่นเองการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทเพราะจำเลยมีเจตนาที่จะมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองอยู่ขณะซื้อแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1919/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: แม้การได้มาจะโดยซื้อหรือรับไว้ ก็เป็นความผิดตามฟ้อง
คดีความผิดฐานรับของโจร โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยรับรถจักรยานที่ถูกลักไว้จาก บ.โดย บ.มอบให้ไปขาย แม้นำสืบว่าจำเลยซื้อรถจักรยานของกลางไว้จาก บ. แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยรับรถจักรยานของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิด ก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง อันจะต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 เพราะเหตุที่จำเลยได้รถจักรยานของกลางมาจะโดยซื้อหรือรับไว้ด้วยประการใด ก็ย่อมเป็นความผิดฐานรับของโจรตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินซื้อด้วยเงินสินเดิมระหว่างสมรส ถือเป็นสินสมรส
ที่ดินที่ภริยาซื้อมาระหว่างสมรส ถือว่าเป็นสินสมรส แม้ว่าภริยาจะเอาเงินสินเดิมของตนมาซื้อก็ตาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินซื้อระหว่างสมรสด้วยเงินสินเดิม ถือเป็นสินสมรส
ที่ดินที่ภริยาซื้อมาระหว่างสมรส ถือว่าเป็นสินสมรสแม้ว่าภริยาจะเอาเงินสินเดิมของตนมาซื้อก็ตาม