คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ดุลยพินิจศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3572-3583/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมโทษจำคุกหลายกระทงตาม ป.อ. มาตรา 91 ต้องพิจารณาอัตราโทษจำคุกสูงสุดตามกฎหมาย ไม่ใช่โทษที่ศาลใช้ดุลยพินิจ
บทบัญญัติตาม ป.อ. มาตรา 91 (1) ที่ว่า กรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน 3 ปี นั้น หมายความถึงอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่ลงโทษจำเลย หาใช่โทษจำคุกที่ศาลใช้ดุลยพินิจกำหนดในการลงโทษไม่ คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามความผิดซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี โทษจำคุกอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดในกรณีนี้จึงเกินกว่า 3 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี กรณีต้องเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 91 (2) แม้ศาลจะใช้ดุลยพินิจกำหนดโทษจำคุกจำเลยเพียงกระทงละ 3 ปี ก็หาทำให้เป็นกรณีตามบทบัญญัติมาตรา 91 (1) ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7164/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุผู้กระทำความผิดและดุลยพินิจศาลในการลงโทษ การลดโทษและการรอการลงโทษ
จำเลยจะมิได้ฎีกาขอให้รอการลงโทษ แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยไม่เหมาะสม ย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดโดยรอการลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย เหตุโต้แย้งข้อเท็จจริงที่รับสารภาพแล้ว และฎีกาโต้เถียงดุลยพินิจศาล
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานรับของโจรสามกรรม ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีความผิดเพียงกรรมเดียว เมื่อพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่ว่าจำเลยรับทรัพย์ ของผู้เสียหายไว้คราวเดียวเท่านั้น เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยได้ให้การรับสารภาพแล้ว และเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย แต่จำเลยกลับฎีกาในปัญหาข้อนี้ว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานใดมาแสดงให้เห็นว่า จำเลยได้รับทรัพย์ ของกลางดังกล่าวไปแต่ละคราวอย่างไร จึงถือได้ว่าทรัพย์ของกลาง นั้นจำเลยได้รับไว้ในคราวเดียวกัน และความผิดฐานรับของโจรสำเร็จทันทีตั้งแต่เวลาที่จำเลยได้รับทรัพย์นั้นไว้ในครอบครอง หลังจากนั้นจำเลยจะได้แยกทรัพย์ที่ได้รับมาออกใช้หรือจำหน่าย ประการใดก็ตาม ก็หาเป็นความผิดฐานรับของโจรขึ้นอีกไม่จำเลยจึงมีความผิดเพียงกรรมเดียวนั้น เป็นฎีกาที่หาได้โต้แย้ง คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องอย่างไร จึงเป็นฎีกา ที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 849/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รอการลงโทษแม้มีกระทงความผิดหลายกระทง หากโทษแต่ละกระทงไม่สูง และมีการชดใช้ค่าเสียหายบางส่วน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาเรียงกระทงลงโทษจำเลยทุกกระทงความผิดให้จำคุกรวม 96 ปี แต่เมื่อโทษจำคุกในแต่ละกระทงความผิดที่วางมานั้นมีกำหนดไม่เกิน 2 ปี คดีจึงอยู่ในเกณฑ์ที่ศาลจะใช้ดุลพินิจรอการลงโทษไว้ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341,343และให้คืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 48 คน เป็นเงิน 1,910,500 บาทเมื่อความปรากฏในสำนวนต่อศาลอุทธรณ์ว่าระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นผู้เสียหายจำนวน 43 คนได้รับการชดใช้จากจำเลยบางส่วนแล้วและไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยในทางแพ่งอีกต่อไป และระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยก็ได้ชดใช้เงินให้แก่ผู้เสียหายอีก 4 คนเป็นที่พอใจแล้วคงเหลือเพียงผู้เสียหายรายที่ 20 เท่านั้น ดังนี้แม้จำเลยจะไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายทั้งหมดรวม 48 คน ก็ตามแต่เมื่อความรับผิดในทางแพ่งของจำเลยเป็นอันระงับไปแล้วการที่จะยังให้จำเลยต้องรับผิดชอบซ้ำซ้อนอีกจึงหาเป็นการชอบและเป็นธรรมไม่ ปัญหาข้อนี้จึงเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์จึงหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองแล้วพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายที่ 20 เพียงรายเดียวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเช่าอสังหาริมทรัพย์และประวิงคดี: หลักฐานสัญญาเช่า, ดุลยพินิจศาล, เจตนาประวิงคดี
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บังคับแต่เพียงว่าในการเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ อย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้เท่านั้น มิได้บังคับว่าจะต้องแนบสัญญาเช่าหรือหลักฐานการเช่ามาพร้อมกับคำฟ้องด้วย จึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ทั้งไม่มีกฎหมายบทใดบังคับไว้เช่นนั้นด้วย
การที่ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ไปทีเดียว หรือจะรอไว้วินิจฉัยในคำพิพากษานั้น เป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้นและปัญหากฎหมายที่จำเลยขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นนั้น แม้จะวินิจฉัยชี้ขาดก็ไม่เป็นคุณแก่จำเลย เพราะข้ออ้างของจำเลยฟังไม่ขึ้น ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจะพิจารณาวินิจฉัยพร้อมคำพิพากษาให้ดำเนินการสืบพยานไป ดังนี้ชอบด้วยกระบวนพิจารณาความแล้ว
ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะจำเลยไม่มาศาลโดยไม่ทราบเหตุขัดข้อง และทนายจำเลยแถลงด้วยว่านัดหน้าถ้าจำเลยไม่มาศาล ก็จะไม่ขอเลื่อน ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งที่ 2 จำเลยกลับไม่เตรียมพยานมาและขอเลื่อนอีก ศาลชั้นต้นไม่ยอมให้เลื่อนและให้ทนายจำเลยนำจำเลยเข้าเบิกความเป็นพยาน ทนายจำเลยก็ไม่ยอมนำเข้าเบิกความ ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะประวิงคดีเพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีล่าช้า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ให้เลื่อนวันสืบพยาน และถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน และไม่มีพยานมาสืบจึงเป็นการชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเช่าอสังหาริมทรัพย์และประวิงคดี: หลักฐานสัญญาเช่า, ดุลยพินิจศาล, และเจตนาประวิงคดี
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บังคับแต่เพียงว่าในการเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้เท่านั้นมิได้บังคับว่าจะต้องแนบสัญญาเช่าหรือหลักฐานการเช่ามาพร้อมกับคำฟ้องด้วย จึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ทั้งไม่มีกฎหมายบทใดบังคับไว้เช่นนั้นด้วย
การที่ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ไปทีเดียว หรือ จะรอไว้วินิจฉัยในคำพิพากษานั้น เป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้นและปัญหากฎหมายที่จำเลยขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นนั้น แม้จะวินิจฉัยชี้ขาดก็ไม่เป็นคุณแก่จำเลย เพราะข้ออ้างของจำเลยฟังไม่ขึ้น ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจะพิจารณาวินิจฉัยพร้อมคำพิพากษาให้ดำเนินการสืบพยานไป ดังนี้ชอบด้วยกระบวนพิจารณาความแล้ว
ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะจำเลยไม่มาศาลโดยไม่ทราบเหตุขัดข้อง และทนายจำเลยแถลงด้วยว่านัดหน้าถ้าจำเลยไม่มาศาล ก็จะไม่ขอเลื่อนในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งที่ 2 จำเลยกลับไม่เตรียมพยานมาและขอเลื่อนอีกศาลชั้นต้นไม่ยอมให้เลื่อนและให้ทนายจำเลยนำจำเลยเข้าเบิกความเป็นพยาน ทนายจำเลยก็ไม่ยอมนำเข้าเบิกความ ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะประวิงคดีเพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีล่าช้า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ให้เลื่อนวันสืบพยาน และถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน และไม่มีพยานมาสืบจึงเป็นการชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและพยายามฆ่า: การกระทำความผิดร่วมกัน การใช้ดุลยพินิจศาล
คืนเกิดเหตุ ตำรวจกับพวกตามหาเรือของเจ้าทรัพย์ที่ถูกคนร้ายชิงไปพบจำเลยทั้งสองอยู่ในเรือลำหนึ่ง ตำรวจซึ่งอยู่ในเครื่องแบบแสดงตัวและบอกให้จำเลยเข้ามาหา จำเลยทั้งสองรู้ว่าเป็นตำรวจแต่ขัดขืน และได้ยิงปืนมาที่เรือตำรวจ 1 นัดกระสุนปืนถูกผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานที่ขาแล้วจำเลยทั้งสองโดดน้ำหนีพร้อมกัน ดังนี้จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดฐานต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานกับผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานที่กระทำตามหน้าที่
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2514)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดุลยพินิจศาลอนุญาตถอนฟ้อง แม้จำเลยคัดค้าน คดีแพ่ง
โจทก์ขอถอนฟ้องและจำเลยคัดค้านนั้น ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ ย่อมอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลยพินิจศาลในการนับโทษจำคุกต่อจากคดีก่อน โดยเฉพาะเมื่อจำเลยได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว
การจะนับโทษจำคุกจำเลย ต่อจากคดีเรื่องอื่นหรือไม่นั้น เป็นดุลยพินิจของศาล หากปรากฏว่า จำเลยได้รับโทษในคดีเรื่องอื่นถึงจำคุกตลอดชีวิตอยู่แล้ว โดยปกติเมื่อไม่มีเหตุพิเศษ ศาลก็ไม่นับโทษต่อให้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์ การมอบครองทรัพย์ และดุลยพินิจศาลในการพิจารณาคดีอาญา
ฎีกาว่าจำเลยมีเจตนาลักทรัพย์หรือไม่นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาที่ว่า ทรัพย์ในการกระทำผิดนั้นยังอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหาย เพราะเป็นเรื่องมอบให้รักษาเท่าที่จำเป็นเพื่อมิให้ทรัพย์นั้นหายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งศาลล่างเห็นว่าการครอบครองได้มอบให้อยู่กับจำเลยแล้วนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาที่ว่าศาลจะต้องฟังพยานโดยตลอดก่อนวินิจฉัยคดีนั้นเป็นฎีกาเถียงดุลยพินิจ
of 3