พบผลลัพธ์ทั้งหมด 43 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5437/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำทรัพย์สินเพื่อไถ่ถอนจากการขายฝาก และความแตกต่างระหว่างการจำนำกับตัวการตัวแทน
โจทก์มีอาชีพขายเครื่องประดับอัญมณี โจทก์นำเครื่องประดับอัญมณีไปขายฝากหรือจำนำที่ห้างทอง พ. เป็นเงิน 3 ล้านบาทเศษ ต่อมาโจทก์ขอให้จำเลยที่ 1 ช่วยเหลือโดยการไถ่ทรัพย์สินดังกล่าวให้ ซึ่งแน่นอนว่าโจทก์ต้องมีหลักประกันที่น่าเชื่อถือให้แก่จำเลยที่ 1 เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษถึงขนาดที่จำเลยที่ 1 จะนำเงินจำนวนมากไปไถ่ทรัพย์สินให้โจทก์โดยไม่มีค่าตอบแทนหรือหลักประกัน เมื่อจำเลยที่ 1 ไถ่ทรัพย์สินมาแล้วโจทก์ได้ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่จำเลยที่ 1 ทันทีเพื่อเป็นหลักประกันหนี้ ย่อมเข้าลักษณะเป็นการจำนำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 747 จำเลยที่ 1 ผู้รับจำนำชอบที่จะยึดของจำนำไว้ได้ทั้งหมดจนกว่าจะได้รับชำระหนี้และค่าอุปกรณ์ครบถ้วนตามมาตรา 758ส่วนการที่โจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 นำทรัพย์สินไปขายให้แก่บุคคลอื่นโดยโจทก์กำหนดราคาขายให้นั้น ก็เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ผู้รับจำนำจะช่วยขายทรัพย์สินที่จำนำให้แก่โจทก์เพื่อนำเงินมาชำระหนี้คืนแก่จำเลยที่ 1 เท่านั้น มิใช่เรื่องตัวการตัวแทนทั้งข้อเท็จจริงก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ขายทรัพย์สินจำนำให้แก่จำเลยที่ 2 แล้วหรือไม่ แต่กลับได้ความจากโจทก์เองว่า จำเลยที่ 2 มีหนังสือทวงถามให้โจทก์ชำระเงินเพื่อชำระหนี้จำนำทรัพย์สินดังกล่าวให้เสร็จภายใน 30 วัน อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มิใช่ผู้ซื้อทรัพย์สินของโจทก์จากจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด ดังนั้น แม้หากจะฟังว่าจำเลยที่ 1 ได้ขายทรัพย์สินไปแล้วและยังไม่ได้ชำระเงินค่าทรัพย์สินส่วนที่เหลือจากการหักชำระหนี้จำนำคืนให้แก่โจทก์ก็ตาม ก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งที่โจทก์ต้องฟ้องร้องขอชำระหนี้ที่จำนำหรือเรียกราคาทรัพย์สินคืนจากจำเลยทั้งสองเท่านั้น จำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3781/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ซ้ำในคดีแพ่ง: การระงับหนี้จากการซื้อขายทรัพย์สินคืนและการผูกพันของตัวการต่อตัวแทน
จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินของจำเลย 1 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง แล้วมีการขายทอดตลาดโดยโจทก์เป็นผู้ซื้อได้จากนั้นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย แต่มีการยอมความกันโดยให้จำเลยเช่า อยู่ต่อไป ต่อมาส. ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ให้จำเลยซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวกลับคืนไปโดยบอกว่าถ้าซื้อก็จะไม่มีหนี้สินต่อกันจำเลยจึงรับซื้อคืน ทำให้หนี้ตามคำพิพากษาระหว่างโจทก์กับจำเลยระงับไป ซึ่งโจทก์ในฐานะตัวการต้องผูกพันต่อจำเลย ส่วนความรับผิดระหว่างโจทก์กับ ส. จะเป็นประการใดเป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากล่าวกันเองหามีผลกระทบต่อจำเลยไม่ เมื่อหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยหมดสิ้นต่อกันแล้ว การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินแปลงดังกล่าวอีกเป็นครั้งที่ 2 จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3199/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ห้างหุ้นส่วนสามัญ-ความรับผิดชอบของผู้รับประกันภัย-การขนส่งสินค้าทางเรือ-ตัวการตัวแทน
การที่โจทก์และผู้รับประกันภัยรายอื่นรวม 12 ราย ตกลงเข้ารับประกันภัยการขนส่งร่วมกัน โดยระบุชื่อและกำหนดสัดส่วนความรับผิดชอบของแต่ละคนไว้แน่นอน โดยมุ่งหวังแบ่งปันกำไรอันพึงได้ตามสัดส่วนดังกล่าว ย่อมเข้าลักษณะเป็นสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญ โจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมดเพื่อประโยชน์แก่ผู้รับประกันภัยรายอื่นซึ่งเป็นหุ้นส่วนทุกคนด้วย โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้รับประกันภัยรายอื่นจะทำหนังสือมอบสิทธิของตนให้แก่โจทก์หรือไม่
จำเลยที่ 4 มีหน้าที่ตามกฎหมายจะต้องดูแลและรับผิดชอบสินค้าที่ถูกขนส่งทางเรือและถูกขนถ่ายลงจากเรือมาที่หน้าท่า การขนถ่ายเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้าจากบริเวณหน้าท่าไปยังโรงพักสินค้า ย่อมเป็นกระบวนการซึ่งอยู่ในหน้าที่และความรับผิดชอบของจำเลยที่ 4 ด้วย แม้การขนย้ายตู้สินค้ารายนี้จะกระทำโดยรถบรรทุกที่จำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดหามา แต่ก็โดยการอนุญาตของจำเลยที่ 4 การดำเนินการของจำเลยที่ 3 จึงเท่ากับเป็นการกระทำแทนจำเลยที่ 4 จำเลยที่ 4 ในฐานะตัวการจึงต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกับการกระทำของตนเอง
จำเลยที่ 4 มีหน้าที่ตามกฎหมายจะต้องดูแลและรับผิดชอบสินค้าที่ถูกขนส่งทางเรือและถูกขนถ่ายลงจากเรือมาที่หน้าท่า การขนถ่ายเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้าจากบริเวณหน้าท่าไปยังโรงพักสินค้า ย่อมเป็นกระบวนการซึ่งอยู่ในหน้าที่และความรับผิดชอบของจำเลยที่ 4 ด้วย แม้การขนย้ายตู้สินค้ารายนี้จะกระทำโดยรถบรรทุกที่จำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดหามา แต่ก็โดยการอนุญาตของจำเลยที่ 4 การดำเนินการของจำเลยที่ 3 จึงเท่ากับเป็นการกระทำแทนจำเลยที่ 4 จำเลยที่ 4 ในฐานะตัวการจึงต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกับการกระทำของตนเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2553/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวการต่อการกระทำของตัวแทน และผลของการไม่ชำระค่าขึ้นศาลตามกำหนด
โจทก์อ้างว่า โจทก์ได้นำเงินค่าขึ้นศาลที่จะต้องชำระเพิ่มไปมอบให้แก่ทนายโจทก์ ทนายโจทก์ยืนยันว่าจะนำไปชำระต่อศาลภายในกำหนด แต่ทนายโจทก์กลับฉ้อฉลไม่นำเงินดังกล่าวไปชำระต่อศาลชั้นต้นโดยโจทก์ไม่ทราบข้ออ้างของโจทก์ แม้เป็นความจริงก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับทนายโจทก์ซึ่งมีความเกี่ยวพันกันในลักษณะของตัวการตัวแทน การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในศาลของทนายโจทก์ย่อมผูกพันโจทก์ในฐานะตัวการ หากมีข้อผิดพลาดประการใดชอบที่โจทก์จะไปว่ากล่าวแก่ทนายโจทก์กันเอง กรณีหาเป็นเหตุสุดวิสัยแต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงไม่อาจขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 เมื่อโจทก์ไม่วางเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มภายในกำหนด ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องในส่วนคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4999/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความสัมพันธ์ตัวการตัวแทน แม้มิได้กล่าวอ้างในฟ้อง ก็สามารถนำสืบได้หากเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง
แม้โจทก์จะฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันซื้อคอนกรีตผสมเสร็จจากโจทก์ แต่การสั่งซื้อคอนกรีตผสมเสร็จของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 3 ได้สั่งซื้อเพื่อใช้ในการสร้างบ้านเรือนแถวให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 นำรายจ่ายค่าวัสดุนี้ไปหักจากบัญชีของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการสั่งซื้อคอนกรีตผสมเสร็จของโจทก์โดยตรง แม้จำเลยที่ 2 และที่ 3 จะเป็นผู้สั่งซื้อจากโจทก์ แต่ตามพฤติการณ์แล้วจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 3 ได้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์เพื่อจำเลยที่ 1 นั่นเอง จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1 แม้โจทก์จะมิได้กล่าวในฟ้องเกี่ยวกับการเป็นตัวแทน โจทก์ก็นำสืบในเรื่องนี้ได้เพราะเป็นการนำสืบข้อเท็จจริงในรายละเอียดเนื่องจากในการติดต่อทำสัญญาซื้อขายกันอาจทำโดยตนเองหรือมีตัวแทนไปติดต่อทำสัญญาซื้อขายแทนก็ได้ และศาลวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบความเป็นมาของกรรมสิทธิ์ที่ดิน: ไม่เป็นการแก้ไขเอกสาร, ข้อตกลงไม่จดทะเบียน
สัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระบุว่าจำเลยเป็นผู้ซื้อ การที่โจทก์จะนำสืบว่า จำเลยทำแทนหรือถือกรรมสิทธิ์แทนก็เพื่อแสดงถึงความเป็นมาอันแท้จริงว่า ที่ดินพิพาทเป็นของ ส. จำเลยมีชื่อในโฉนดที่ดินแทน ส. การนำสืบเช่นนี้เป็นการนำสืบถึงการเป็นตัวการตัวแทนอีกส่วนหนึ่ง หาใช่เป็นการนำสืบพยานบุคคลแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารไม่ กรณีจึงไม่ต้องด้วยข้อห้ามตามป.วิ.พ.มาตรา 94 (ข)
ที่จำเลยฎีกาว่า บันทึกข้อตกลงตามเอกสารหมาย จ.4เป็นคำมั่นจะให้ ต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงจะบังคับได้นั้น จำเลยมิได้ให้การไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยฎีกาว่า บันทึกข้อตกลงตามเอกสารหมาย จ.4เป็นคำมั่นจะให้ ต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงจะบังคับได้นั้น จำเลยมิได้ให้การไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1795/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายหลักทรัพย์ ตัวแทนชำระหนี้ และอายุความคดีตัวการตัวแทน
พยานบุคคลของโจทก์ได้เบิกความรับรองพยานเอกสารว่ามีอยู่จริงและถูกต้อง แม้พยานโจทก์ที่เบิกความมาจะมิได้รู้เห็นขณะทำพยานเอกสาร แต่พยานเหล่านั้นเป็นผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับพยานเอกสาร และเมื่อได้ตรวจสอบเอกสารต่าง ๆแล้ว ก็สามารถรับรองความถูกต้องแท้จริงได้ การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับฟังพยานบุคคลของโจทก์ดังกล่าวจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95(2) ข้อตกลงในหนังสือแต่งตั้งตัวแทนมีสาระสำคัญว่าเมื่อโจทก์ซื้อหลักทรัพย์ตามคำสั่งของจำเลยและออกเงินทดรองจ่ายแทนจำเลยภายใน 4 วัน นับแต่วันซื้อจำเลยจะต้องชำระเงินที่โจทก์ทดรองจ่ายจนครบพร้อมค่าใช้จ่ายและบำเหน็จ มี ส. เบิกความยืนยันว่า จำเลยเป็นผู้ลงชื่อออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระหนี้ให้โจทก์ แม้ ส. จะมิได้รู้เห็นขณะจำเลยลงชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงิน แต่ ส. เป็นผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและปฏิบัติการของโจทก์ และได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ ทั้งยังปรากฏว่าจำเลยเคยออกตั๋วสัญญาใช้เงินแลกเปลี่ยนกับฉบับเดิมที่ไม่ได้มีการชำระมาหลายครั้ง ลายมือชื่อของจำเลยในตั๋วสัญญาใช้เงินย่อมอยู่ในความรู้เห็นของ ส.ดังนั้นส. จึงอยู่ในฐานะที่จะรับรองความถูกต้องแท้จริงของเอกสารดังกล่าวได้คำเบิกความของพยานจึงไม่ใช่พยานบอกเล่าที่จะต้องห้ามมิให้รับฟัง การที่ ก. พยานโจทก์เบิกความว่าตามหลักฐานที่โจทก์ส่งศาลในวันเบิกความไม่มีฉบับใดยืนยันว่าโจทก์ซื้อหุ้นบริษัท ส.และบริษัทฟ. แต่เมื่อ ก. ได้เบิกความไว้ด้วยว่า เอกสารที่ศาลขอหมายเรียกไปก่อนมาเบิกความนั้นได้จัดส่งมาให้แล้ว แต่ส่งผิดไปที่ศาลอื่น จึงไม่มีเอกสารดังกล่าวให้พยานตรวจดู จะฟังว่าโจทก์มิได้ซื้อหลักทรัพย์ของ 2 บริษัทดังกล่าวและมิได้ออกเงินทดรองแทนจำเลยหาได้ไม่ เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ที่ค้าง โจทก์จึงนำหุ้นของจำเลย5 รายการ ออกขายในตลาดหลักทรัพย์นำเงินมาหักชำระหนี้ที่ค้าง และจำเลยยอมรับว่ามีการขายหุ้นของจำเลยไปจริงดังนี้ เมื่อปรากฏตามหนังสือตั้งตัวแทนซึ่งมีข้อความว่าหากจำเลยผิดนัดในการชำระเงิน ยอมให้โจทก์เลือกปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง และยอมให้โอนขายหลักทรัพย์ดังกล่าวแก่บุคคลใด ๆ ในราคาที่เห็นสมควร ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าวนี้ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงใช้บังคับกันได้ เมื่อจำเลยผิดนัดโจทก์ย่อมนำหุ้นที่ซื้อแทนจำเลยไว้ออกขายได้โดยไม่จำต้องมีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบล่วงหน้า แม้ในคำฟ้องจะใช้คำว่า ขอเรียกค่านายหน้า แต่กรณีนี้ความจริงเป็นเรื่องที่โจทก์เรียกร้องเอาเงินที่ได้ทดรองจ่ายแทนจำเลยในกิจการที่ได้รับมอบหมายจากจำเลยเข้าลักษณะตัวการตัวแทน ซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งมีกำหนด10 ปี มิใช่ 2 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการตัวแทน การจำนองเพื่อประกันหนี้ที่ไม่มีมูล และความรับผิดของธนาคารต่อบุคคลภายนอก
การที่จำเลยที่ 1 ผู้จัดการสาขาธนาคารจำเลยที่ 2 ให้สินเชื่อแก่โจทก์ร่วมอยู่ในกรอบวัตถุประสงค์ของธนาคารจำเลยที่ 2 และการที่จำเลยที่ 1 ให้โจทก์ลงชื่อในใบรับเงินในใบถอนเงิน โดยจำเลยที่ 1ไม่ได้จ่ายเงินนั้น เป็นการกระทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีมูลเหตุควรเชื่อว่าจำเลยที่ 1 มีอำนาจกระทำได้ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามหลักกฎหมายเรื่องตัวการตัวแทน การจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้ แม้จะจดทะเบียนจำนองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบ แต่เมื่อไม่มีมูลหนี้ที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดต่อผู้รับจำนอง ผู้จำนองก็มีสิทธิขอให้ผู้รับจำนองจดทะเบียนปลดจำนองได้ จำเลยที่ 2 อุทธรณ์โดยจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ จึงไม่ชอบที่จะให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าทนายความแทนโจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3125/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบหมายให้ผู้อื่นขายที่ดินแทน และผลผูกพันของสัญญาจะซื้อขายที่ไม่ทำเป็นหนังสือ
จำเลยที่ 2 ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 1 ขายที่ดินแทน ในวันทำสัญญา โจทก์ได้วางมัดจำไว้ 5,000 บาท จึงเป็นสัญญาจะซื้อขายที่ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือหรือต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 การตั้งตัวแทนของจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องทำเป็นหนังสือหรือต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา 798
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีตัดพยาน-หน้าที่นำสืบ: จำเลยอ้างพยานแต่ไม่ขอหมายเรียก-การซื้อสินค้าตัวการตัวแทน
จำเลยระบุอ้างพยานหมายไว้ในบัญชีระบุพยานของตน แต่มิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานปากดังกล่าวมาเบิกความ ครั้นถึงวันนัดจำเลยขอเลื่อนคดีโดยรับรองต่อศาลว่าจะไม่เลื่อนคดีอีก และจะนำพยานทุกปากมาสืบพร้อมกัน ซึ่งศาลชั้นต้นได้กำชับไว้แล้วว่าจะไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีอีก ถึงวันนัดจำเลยขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุผลว่าไม่สามารถนำพยานมาศาลได้โดยจำเลยมิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานปากดังกล่าวมาศาล เช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการประวิงคดี ศาลตัดพยานปากนี้เสียได้
คดีมีประเด็นว่า จำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์หรือไม่ ซึ่งศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ แต่ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประเด็นดังกล่าว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์ ส่วนจำเลยให้การว่า จำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์แทนบริษัท น.ซึ่งเป็นตัวการ อันเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้าง ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานตามหน้าที่นำสืบที่ถูกต้องได้
คดีมีประเด็นว่า จำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์หรือไม่ ซึ่งศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ แต่ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประเด็นดังกล่าว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์ ส่วนจำเลยให้การว่า จำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์แทนบริษัท น.ซึ่งเป็นตัวการ อันเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้าง ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานตามหน้าที่นำสืบที่ถูกต้องได้