คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ต่างจังหวัด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา: จำเลยไม่ทราบการฟ้องเนื่องจากเดินทางค้าขายต่างจังหวัด
ระหว่างจำเลยถูกฟ้องจำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านตามฟ้องได้เดินทางไปค้าขายต่างจังหวัดไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องกลับจากต่างจังหวัดหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว จึงทราบว่าถูกฟ้อง ดังนั้น การที่จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การและไม่ได้มาศาลในวันนัดพิจารณา จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2763/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดไม่ถือเป็นค่าทำงานวันหยุด หากจำเลยไม่ได้สั่งให้ทำงานในวันหยุด
การที่จำเลยอนุมัติให้จ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงให้โจทก์ตามจำนวนวันที่ออกไปปฏิบัติงานที่ต่างจังหวัด เป็นการให้เงินตอบแทนการทำงานในช่วงเวลาที่ทำงานในต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นวันทำงานปกติหรือวันหยุดประจำสัปดาห์มีลักษณะเช่นเดียวกับเงินเดือน และจำเลยก็มิได้มีคำสั่งหรือระบุเจาะจงว่า โจทก์จะต้องทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์ แต่เป็นดุลพินิจของโจทก์ที่จะเลือกปฏิบัติงานในวันใดเวลาใดก็ได้ในระหว่างช่วงเวลานั้น จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยสั่งให้โจทก์ทำงานในวันหยุด โจทก์ไม่มีสิทธิได้ค่าทำงานในวันหยุดในช่วงเวลาดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2763/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดไม่ถือเป็นค่าทำงานวันหยุด หากจำเลยไม่ได้สั่งให้ทำงานในวันหยุด
การที่จำเลยอนุมัติให้จ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงให้โจทก์ตามจำนวนวันที่ออกไป ปฏิบัติงานที่ต่างจังหวัด เป็นการให้เงินตอบแทนการทำงานในช่วงเวลา ที่ทำงานในต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นวันทำงานปกติหรือวันหยุดประจำสัปดาห์ มีลักษณะเช่นเดียวกับเงินเดือน และจำเลยก็มิได้มีคำสั่งหรือระบุเจาะจงว่า โจทก์จะต้องทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์ แต่เป็นดุลพินิจของโจทก์ที่จะเลือกปฏิบัติงานในวันใดเวลาใดก็ได้ในระหว่างช่วงเวลานั้น จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยสั่งให้โจทก์ทำงานในวันหยุด โจทก์ไม่มีสิทธิได้ ค่าทำงานในวันหยุดในช่วงเวลาดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2763/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดไม่ถือเป็นค่าทำงานวันหยุด หากจำเลยไม่ได้สั่งให้ทำงานในวันหยุด
การที่จำเลยอนุมัติให้จ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงให้โจทก์ตามจำนวนวันที่ออกไปปฏิบัติงานที่ต่างจังหวัดเป็นการให้เงินตอบแทนการทำงานในช่วงเวลาที่ทำงานในต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็นวันทำงานปกติหรือวันหยุดประจำสัปดาห์มีลักษณะเช่นเดียวกับเงินเดือนและจำเลยก็มิได้มีคำสั่งหรือระบุเจาะจงว่าโจทก์จะต้องทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์แต่เป็นดุลพินิจของโจทก์ที่จะเลือกปฏิบัติงานในวันใดเวลาใดก็ได้ในระหว่างช่วงเวลาน้นจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยสั่งให้โจทก์ทำงานในวันหยุดโจทก์ไม่มีสิทธิได้ค่าทำงานในวันหยุดในช่วงเวลาดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2526/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยเลี้ยงและค่ารับรองของพนักงานขายต่างจังหวัด: พิจารณาว่าเป็นค่าจ้างเพื่อคำนวณค่าชดเชย
ตามลักษณะงานของลูกจ้างลูกจ้างต้องออกไปปฏิบัติงานที่ต่างจังหวัดทุกเดือนเดือนละประมาณ25วันระหว่างออกไปปฏิบัติงานนั้นนายจ้างจะจ่ายเบี้ยเลี้ยงอันได้แก่ค่าที่พักและค่าอาหารแก่โจทก์วันละ230บาทและมีลักษณะเป็นการเหมาจ่ายเพราะโจทก์ไม่ต้องแสดงใบเสร็จรับเงินเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวจึงเป็นการจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันทำงานของลูกจ้างถือได้ว่าเป็นค่าจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานส่วนเงินค่ารับรองวันละ15บาทที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างในระหว่างที่ออกไปปฏิบัติงานในต่างจังหวัดนั้นแม้จะมีจำนวนแน่นอนและเป็นการเหมาจ่ายแต่โดยลักษณะของเงินดังกล่าวเป็นการจ่ายให้แก่ลูกจ้างเพื่อเป็นค่ารับรองลูกค้าของนายจ้างที่ลูกจ้างไปติดต่อด้วยจึงเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายในการทำงานของลูกจ้างมิใช่จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานของลูกจ้างถือไม่ได้ว่าเป็นค่าจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอส่งประเด็นสืบพยานต่างจังหวัดของจำเลย และการงดสืบพยานเมื่อจำเลยไม่ได้ติดใจสืบพยาน
พยานที่จำเลยอ้างอันดับ 1 ถึง 4 อยู่จังหวัด น. อันดับ 5 ถึง 7อยู่จังหวัด ก. อันดับ 8 อยู่จังหวัด ต. ครั้งแรกจำเลยขอให้ศาลเดิมส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลจังหวัด น. และศาลจังหวัด ก. ศาลเดิมอนุญาต ในการสืบที่ศาลจังหวัด น. จำเลยได้นำพยานอันดับ 5 ซึ่งอยู่ที่จังหวัด ก. มาสืบด้วย เสร็จแล้วจำเลยขอให้ส่งประเด็นคืนศาลเดิม ในระหว่างที่ศาลเดิมนัดฟังประเด็นอยู่นั้น จำเลยยื่นคำแถลงขอให้ส่งประเด็นไปสืบตามบัญชีพยานอันดับ 6-7 ที่ศาลจังหวัด ก. และพยานอันดับ 8 ที่ศาลจังหวัด ต. ดังนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แถลง ไม่ติดใจสืบพยานตามบัญชีพยานอันดับ 6-7 และคำแถลงของจำเลย ที่คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานก็อ้างถึงเหตุที่ไม่ได้ขอให้ส่งประเด็นต่อไปยังศาลจังหวัด ก. หลังจากเสร็จการสืบพยานที่ศาลจังหวัดน. ว่าเป็นเพราะขณะนั้นจำเลยยังติดต่อพยานไม่ได้กรณีจึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานดังกล่าว ส่วนพยานอันดับ 8 ซึ่งอยู่ ที่จังหวัด ต.นั้นแม้จำเลยจะมิได้ขอให้ส่งประเด็นไปสืบในตอนแรกแต่ก็เป็นสิทธิของจำเลยที่จะขอให้ส่งประเด็นไปสืบภายหลังได้ เพราะถ้าจำเลยพอใจการสืบพยานอื่นแล้ว ก็อาจไม่ส่งประเด็นไปสืบพยานปากนี้ก็ได้ ตามพฤติการณ์ไม่พอฟังว่าจำเลยประวิงคดี ยังไม่มีเหตุอันสมควรที่จะสั่งงดสืบพยานจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2921/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิมพ์และจำหน่ายหนังสือพิมพ์ต่างจังหวัด การเปลี่ยนแปลงชื่อหนังสือพิมพ์โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เป็นความผิดฐานพิมพ์โดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานการพิมพ์ให้ออกหนังสือพิมพ์ชื่อ "เสียงพิมพ์ไทย" สำหรับกรุงเทพมหานครการที่จำเลยส่งหนังสือพิมพ์ดังกล่าวไปจำหน่ายที่จังหวัดระยองจึงหาจำต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานการพิมพ์สำหรับจังหวัดระยองอีกไม่ส่วนการที่จำเลยใช้ชื่อหนังสือพิมพ์ดังกล่าวว่า"เสียงพิมพ์ไทย" ซึ่งพิมพ์ด้วยตัวอักษรขนาดเล็กแล้วพิมพ์ คำว่า "เสียงระยอง" ไว้ด้วยโดยมีตัวอักษรโตกว่ากันหลายเท่านั้นแม้จะเป็นความผิดก็เป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงชื่อหนังสือพิมพ์โดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษเท่านั้นไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้พิมพ์ผู้โฆษณาบรรณาธิการ เจ้าของหนังสือพิมพ์ "เสียงพิมพ์ไทยเสียงระยอง" โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานการพิมพ์ ตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 23,24,60

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า เมื่อผู้เช่าย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ต่างจังหวัดเป็นเวลานาน
เช่าบ้านอยู่ในจังหวัดธนบุรี แล้วย้ายไปรับราชการและไปมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเสียถึง 3 ปี คงมีบริวารอยู่บ้านเช่าเท่านั้น ดังนี้ ผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ เพราะไปมีภูมิลำเนาอยู่ทีอื่นเสียหลายปีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการสอบสวนนอกเขตพื้นที่: เจ้าพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนคดีได้ ณ ที่ใดก็ได้ แม้ต่างจังหวัด
เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนจะทำการสอบสวน ณ ที่ใดก็ได้แล้วแต่จะเห็นสมควร แม้จะต่างจังหวัดก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องขอส่งตัวไปอยู่ต่างจังหวัดสำหรับผู้กระทำผิดซ้ำ
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ส่งตัวจำเลยไปอยู่ต่างจังหวัดเพราะได้ทำผิดหลายครั้งนั้นโจทก์ต้องฟ้องเสียภายใน 1 ปีนับแต่วันพันโทษครั้งสุดท้าย มิฉะนั้นคดีขาดอายุความตาม ม.78(4) อ้างฎีกา 376/2469 โทษปรับจะนับรวมเข้าในเรื่องต้องโทษหลายครั้งตาม พ.ร.บ.ดัดสันดานคนจรจัดไม่ได้
of 2