คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทะเบียน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 33 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8797/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ประกอบการไนท์คลับไม่มีรายได้ ไม่ต้องเสียภาษีการค้า แม้ชื่อยังอยู่ในทะเบียน
โจทก์ประกอบกิจการค้าประเภทไนท์คลับ ตามบัญชีการค้าประเภท 7 โรงแรมและภัตตาคาร ชนิด (ก) โจทก์ได้ให้ ณ.เช่ากิจการของโจทก์ไปตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2533 ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2535 ผู้ที่ประกอบกิจการไนท์คลับและมีรายรับจากการทำกิจการไนท์คลับดังกล่าวต่อจากโจทก์คือ ณ. ดังนั้นแม้ทะเบียนการค้าระหว่างเดือนมิถุนายน 2533 ถึงเดือนธันวาคม 2533 จะยังมีชื่อโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้า โดยโจทก์มิได้แจ้งเลิกประกอบการค้าหรือโอนกิจการค้าตามมาตรา 82 ทวิ ซึ่งเป็นความผิดอาญาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 90 แห่งประมวลรัษฎากรที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มิได้เป็นผู้ประกอบกิจการไนท์คลับและไม่มีรายรับจากการประกอบการค้าดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีหน้าที่เสียภาษีการค้าประเภทการค้า 7 โรงแรมและภัตตาคารชนิด (ก) ตามการประเมินของเจ้าพนักงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8293/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินตามคำสั่งนายกฯ การพิสูจน์สิทธิในทรัพย์สิน และการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน
คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ สลร.40/2516 และคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ สลร.39/2517 ต่างออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515ที่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีที่จะออกคำสั่งหรือกระทำการใด ๆโดยมติของคณะรัฐมนตรีได้และให้ถือว่าคำสั่งหรือการกระทำเช่นว่านั้นรวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งหรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายด้วย นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งที่ สลร.40/2516ให้อายัดทรัพย์ของจอมพลถ. และภริยากับพวกรวม 6 คน รวมทั้งที่ดินโฉนดเลขที่ 2361 ซึ่งเป็นที่ดินพิพาท มีชื่อโจทก์และท่านผู้หญิงจ. ภริยาจอมพล ถ.ร่วมกันในโฉนดที่ดิน คณะกรรมการซึ่งดำเนินการตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ สลร.40/2516 ได้อายัดที่ดินพิพาทไว้ต่อมามีคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ สลร.39/2517 ให้ทรัพย์สินของจอมพล ถ. และภริยา กับพวกรวม 6 คน ซึ่งอายัดไว้ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ สลร.40/2516 ตกเป็นของรัฐ ให้กระทรวงการคลังจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ใน ทรัพย์สินบรรดาที่ตกเป็นของรัฐ และให้ดำเนินการตามควร ทุกประการในฐานะที่เป็นเจ้าของทรัพย์สิน โดยให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งเพื่อปฏิบัติการตามคำสั่งนี้ การที่ปรากฏชื่อของโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอยู่ด้วยนั้นเป็นเพียงข้อสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอยู่ด้วยเท่านั้นเมื่อโจทก์ใช้สิทธิตามคำสั่งที่ สลร.39/2517 ข้อ 5 แล้วและต่อมาคณะกรรมการวินิจฉัยตามข้อ 6 ว่า โจทก์มิได้พิสูจน์ให้เป็นที่พอใจว่าที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับพันตรีหลวงจ.เมื่อพันตรีหลวง จ. ได้ทำพินัยกรรม ยกให้ท่านผู้หญิง จ.แล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิในที่ดินดังกล่าว ดังนี้เท่ากับคณะกรรมการวินิจฉัยแล้วว่าที่ดินพิพาท เป็นของท่านผู้หญิง จ. และในชั้นพิจารณาของศาลเมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบหักล้างข้อวินิจฉัยดังกล่าวของคณะกรรมการได้ ที่ดินพิพาทก็ย่อมตกเป็นของรัฐตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ สลร.39/2517 คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ สลร.39/2517 ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515ระบุไว้ชัดว่าต้องการให้การสอบสวนเรื่องทรัพย์สินที่อายัดไว้แล้วนั้นเสร็จสิ้นโดยเร็ว ดังนั้น คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นจึงมีหน้าที่ทำการสอบสวนให้เสร็จไปโดยเร็ว การที่คณะกรรมการไม่แจ้งให้โจทก์นำพยานบุคคลหรือพยานเอกสารใดเข้าสืบประกอบเอกสารซึ่งคณะกรรมการรับพิจารณาอยู่แล้วก็ดีหรือนำพยานหลักฐานใดมาพิจารณาเป็นข้อวินิจฉัยก็ดี ย่อมอยู่ ในดุลพินิจของคณะกรรมการตามที่เห็นสมควร อันจักพึงชี้ ให้เห็นได้ว่าทรัพย์สินนั้นเป็นของโจทก์ซึ่งได้มาโดยสุจริตและโดยชอบหรือไม่ หาใช่จำกัดไว้เฉพาะข้อเท็จจริงตามคำร้องของโจทก์เท่านั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าคณะกรรมการพิจารณาโดยมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย และได้ปฏิบัติ ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ที่ สลร.39/2517 การพิจารณาของ คณะกรรมการดังกล่าวจึงเป็นการชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น การพิพากษาไม่ถูกต้อง ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไข
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจมีอาวุธปืนพกกระสุนปืน และแม็กกาซีนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย โดยไม่ได้บรรยายฟ้องว่า มีอาวุธปืนไม่ปรากฏหลักฐานใบอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การรับสารภาพ คดีจึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่า อาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯพ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 7, 72 วรรคแรก และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้นจึงไม่ชอบ ปัญหาข้อนี้แม้จำเลยจะไม่ได้อุทธรณ์และฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตอาวุธปืนและการตอกหมายเลขทะเบียน การกระทำไม่ถึงขั้นปลอมแปลงเอกสาร
จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย จำเลยนำอาวุธปืนของกลางไปให้ผู้ที่นายทะเบียนอาวุธปืนมอบหมายตอกหมายเลขทะเบียนตามที่จำเลยได้รับอนุญาตดังนั้นหมายเลขทะเบียนที่ตอกลงที่อาวุธปืนของกลางจึงไม่ใช่หมายเลขทะเบียนปลอม การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม และถือได้ว่าอาวุธปืนของกลางมีหมายเลขทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมายประทับอยู่ตามใบอนุญาตที่จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2475/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพในคดีอาวุธปืนและการตีความว่าอาวุธปืนมีทะเบียนหรือไม่ ศาลฎีกาพิจารณาจากคำให้การและหลักฐานที่ปรากฏ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่ปรากฏหลักฐานใบอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยยื่นคำให้การมีใจความว่า จำเลยขอให้การรับสารภาพ ความจริงอาวุธปืนตามฟ้องมีหมายเลขทะเบียน แต่เมื่อพนักงานสอบสวนส่งไปตรวจพิสูจน์ ปรากฏว่าไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากทะเบียนอาวุธปืนชำรุด หากสามารถตรวจสอบได้ก็จะเป็นประโยชน์แก่จำเลย ขอให้ศาลรอการลงโทษด้วย ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า จำเลยยื่นคำให้การรับสารภาพศาลสอบ แล้วจำเลยยืนยันให้การตามนี้ โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน เช่นนี้ คำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นการปฏิเสธว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนมีทะเบียน เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน ต้องฟังข้อเท็จจริงว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นจำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 วรรคสาม และมาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ วรรคสอง เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์: คู่มือทะเบียนเป็นหลักฐานแสดงการครอบครอง แต่ต้องมีการโอนทางทะเบียนเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ
แม้ทะเบียนรถจักรยานยนต์จะมิใช่เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ และเป็นเพียงหลักฐานที่กำหนดขึ้นด้วยระเบียบพิธีการเพื่อสะดวกแก่การควบคุมรถ แต่ยังเป็นเอกสารที่มีรายการระบุชื่อผู้เป็นเจ้าของรถและมีรายการเปลี่ยนแปลงการโอนทางทะเบียนอันเป็นพยานหลักฐานแสดงว่าผู้ใดเป็นเจ้าของอย่างหนึ่ง เมื่อคู่มือทะเบียนการเสียภาษีรถมีชื่อบริษัท ฮ. เป็นเจ้าของและผู้ร้องไม่ได้นำผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท ฮ. มานำสืบถึงการขายรถจักรยานยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง ตลอดทั้งเหตุแห่งการที่ไม่มีการโอนทางทะเบียนจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลาง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์: การเปลี่ยนแปลงทะเบียนเป็นพยานหลักฐานสำคัญ
แม้ทะเบียนรถจักรยานยนต์จะมิใช่เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ และเป็นเพียงหลักฐานที่กำหนดขึ้นด้วยระเบียบพิธีการเพื่อสะดวกแก่การควบคุมรถ แต่ยังเป็นเอกสารที่มีรายการระบุชื่อผู้เป็นเจ้าของรถและมีรายการเปลี่ยนแปลงการโอนทางทะเบียนอันเป็นพยานหลักฐานแสดงว่าผู้ใดเป็นเจ้าของอย่างหนึ่ง เมื่อคู่มือทะเบียนการเสียภาษีรถมีชื่อบริษัท ฮ. เป็นเจ้าของและผู้ร้องไม่ได้นำผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท ฮ. มานำสืบถึงการขายรถจักรยานยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง ตลอดทั้งเหตุแห่งการที่ไม่มีการโอนทางทะเบียนจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลาง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2951/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนที่ไม่สามารถพิสูจน์สถานะทะเบียนได้ ศาลฎีกาพิจารณาว่าเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นที่มีใบอนุญาต
ข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่มีทะเบียนหรือไม่ทั้งเจ้าพนักงานตำรวจก็มิได้ยึดอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของกลาง กรณีจึงต้องฟังให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีได้ตามกฎหมายอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 วรรคสามเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้ออาวุธปืนที่มีทะเบียนโดยไม่โอนทะเบียน การริบของกลาง
จำเลยซื้ออาวุธปืนลูกซองยาวของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่มีทะเบียนมาจากผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนโดยมิได้มีการโอนทางทะเบียนให้ถูกต้องความผิดของจำเลยเป็นความผิดในส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนจากนายทะเบียนทอ้งที่เท่านั้นอาวุธปืนดังกล่าวจึงมิใช่ทรัพย์สินที่มีไว้เป็นความผิดอันจะพึงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา32.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2853/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นที่ยื่นต่อทะเบียนมีน้ำหนักเป็นพยานหลักฐานตามกฎหมาย
สำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นในวันประชุมสามัญของบริษัทจำเลยที่ยื่นต่อ นายทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทตามบทบัญญัติของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1139 วรรคสองเมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งว่า ไม่ถูกต้องตรงกับสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น อย่างไร จำเลย เพียงแต่อ้างว่าสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นดังกล่าว อาจผิดพลาดเพราะ กรรมการผู้จัดการคนก่อนเป็นผู้ทำโดยไม่รู้ ภาษาไทยซึ่งก็เป็นแต่ คำกล่าวอ้างลอยๆหาได้มี พยานหลักฐานสนับสนุนไม่ จึงต้องฟังว่า เป็นสำเนาอันถูกต้องของสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลย ย่อมได้รับ การ สันนิษฐานว่าเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1141 เช่นเดียวกับสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น
of 4