คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทิ้งอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 42 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1192/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล การไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลย
คดีแพ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ และกำหนดเวลาให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยในวันที่ยื่นอุทธรณ์ โจทก์ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นโดยชอบแล้ว แต่โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ จึงเป็นการทิ้งอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า โจทก์มีโอกาสชนะคดีก็ดี ทนายจำเลยทราบว่าโจทก์ยื่นอุทธรณ์แล้วแต่ไม่ยอมรับสำเนาอุทธรณ์ไปจากศาลก็ดี เจ้าพนักงานศาลและทนายจำเลยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์ยังไม่ได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยตามคำสั่งศาลชั้นต้นก็ดี หาใช่ข้ออ้างให้การกระทำของโจทก์ไม่เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1192/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล แม้จำเลยไม่รับสำเนาอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์และกำหนดเวลาให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยในวันที่ยื่นอุทธรณ์จึงต้องถือว่าโจทก์ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นโดยชอบแล้ว เมื่อโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นการทิ้งอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า โจทก์มีโอกาสชนะคดีก็ดี ทนายจำเลยทราบว่าโจทก์ยื่นอุทธรณ์แล้ว แต่ไม่ยอมรับสำเนาอุทธรณ์ไปจากศาลก็ดีเจ้าพนักงานศาลและทนายจำเลยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์ยังไม่ได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยตามคำสั่งศาลชั้นต้นก็ดีมิใช่อ้างอันจะทำให้การกระทำของโจทก์ไม่เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5475/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์: อำนาจสั่งและหน้าที่ของโจทก์ในการดำเนินการส่งหมาย
คดีแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์แล้วต้องถือว่าคดีอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ การที่จะสั่งว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ต้องเป็นผู้สั่ง
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วันเพื่อดำเนินการต่อไป มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ โจทก์เซ็นชื่อรับทราบคำสั่งในตรายางประทับซึ่งมีข้อความว่า ให้มาทราบคำสั่งในวันที่ 6 มิถุนายน 2542 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว พนักงานเดินหมายรายงานเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2542 ว่านำสำเนาอุทธรณ์เพื่อส่งให้แก่จำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2542 ไม่พบจำเลยทั้งสองจึงส่งไม่ได้ ต่อมาวันที่ 2 มิถุนายน 2542 เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่า โจทก์มิได้ยื่นคำแถลงภายในเวลาที่ศาลกำหนด ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้แถลงขอให้ปิดหมายและเสียค่าธรรมเนียมในการปิดหมายให้แก่เจ้าหน้าที่แล้วไม่อาจรับฟังได้ เมื่อโจทก์ยอมรับในฎีกาว่า โจทก์เป็นผู้นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยด้วยตนเองแต่ส่งให้จำเลยไม่ได้ การที่โจทก์ไม่แถลงต่อศาลภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบ ตามป.วิ.พ.มาตรา 174 (2) ประกอบด้วยมาตรา 246 ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์และสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5475/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์และการส่งสำเนาคำฟ้อง/อุทธรณ์ที่ไม่สำเร็จ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีได้
คดีแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์แล้วต้องถือว่าคดีอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ การที่จะสั่งว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ต้องเป็นผู้สั่ง
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน เพื่อดำเนินการต่อไป มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์โจทก์เซ็นชื่อรับทราบคำสั่งในตรายางประทับซึ่งมีข้อความว่าให้มาทราบคำสั่งในวันที่ 6 มิถุนายน 2542 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว พนักงานเดินหมายรายงานเมื่อวันที่ 29 มีนาคม2542 ว่านำสำเนาอุทธรณ์เพื่อส่งให้แก่จำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 2มีนาคม 2542 ไม่พบจำเลยทั้งสองจึงส่งไม่ได้ ต่อมาวันที่ 2 มิถุนายน2542 เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่า โจทก์มิได้ยื่นคำแถลงภายในเวลาที่ศาลกำหนด ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้แถลงขอให้ปิดหมายและเสียค่าธรรมเนียมในการปิดหมายให้แก่เจ้าหน้าที่แล้วไม่อาจรับฟังได้เมื่อโจทก์ยอมรับในฎีกาว่า โจทก์เป็นผู้นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยด้วยตนเอง แต่ส่งให้จำเลยไม่ได้ การที่โจทก์ไม่แถลงต่อศาลภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์และสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5475/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์และการดำเนินคดีไม่ชอบตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีแพ่ง ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์แล้วต้องถือว่าคดีอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ การที่จะสั่งว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ต้องเป็นผู้สั่ง
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน15 วัน เพื่อดำเนินการต่อไป มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ โจทก์เซ็นชื่อรับทราบคำสั่งแล้ว และโจทก์ยอมรับในฎีกาว่า โจทก์เป็นผู้นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองด้วยตนเองแต่ส่งให้จำเลยทั้งสองไม่ได้การที่โจทก์ไม่แถลงต่อศาลภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์และสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9605/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่จำเลยอนาถาในการส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ หากเพิกเฉยถือเป็นการทิ้งอุทธรณ์
กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นในชั้นที่มีคู่ความขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ และการมีคำสั่งให้รับหรือไม่รับอุทธรณ์ของคู่ความผู้อุทธรณ์นั้น เป็นคนละส่วนกัน จำเลยผู้อุทธรณ์ที่ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถามีหน้าที่นำส่งหมายนัดไต่สวนชั้นขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาให้แก่โจทก์และหากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยก็มีหน้าที่นำส่งหมายนัดสำเนาอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยด้วย การที่จำเลยวางเงินนำหมายตามแบบคำขอวางเงินนำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเท่านั้น โดยยังมิได้มีการนำส่งหมายนัดสำเนาอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยให้โจทก์แก้ เมื่อศาลชั้นต้นได้ออกหมายส่งสำเนาอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับให้แก่จำเลยเพื่อนำส่งให้แก่โจทก์ไว้แล้ว จำเลยเพิกเฉยไม่นำส่งตามเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จนเวลาล่วงเลยมานานเกินสมควร พฤติการณ์ของจำเลยย่อมเป็นการทิ้งอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ประกอบด้วย มาตรา 246

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8391/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกเฉยต่อคำสั่งให้นำค่าธรรมเนียมมาวางศาล ถือเป็นการทิ้งอุทธรณ์ตามกฎหมาย
การที่ศาลชั้นต้นมีหมายนัดถึงจำเลยให้นำค่าธรรมเนียมที่จะชดใช้ให้แก่โจทก์มาวางต่อศาลภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหมาย หากไม่ยื่นภายในกำหนดให้ถือว่าไม่ติดใจที่จะวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมให้กับทางฝ่ายโจทก์ และมิได้ระบุว่าหากไม่นำเงินมาวางถือว่าทิ้งอุทธรณ์ก็ตาม แต่ผลตามกฎหมายของการที่จำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลถือว่าเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ประกอบด้วยมาตรา 246 จึงมีผลให้ถือว่าจำเลยทิ้งอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6986/2541 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์และการใช้ดุลพินิจของศาลในการจำหน่ายคดีล้มละลาย การวางค่าธรรมเนียมยังไม่ปลดหน้าที่นำส่งสำเนา
ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ ผู้ร้องวางเงินค่าธรรมเนียมการนำหมาย แต่มิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ตามคำสั่งศาล ดังนี้ การที่ผู้ร้องได้วางเงินค่านำหมายหาทำให้ผู้ร้องหมดหน้าที่ที่จะต้องจัดการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่จึงต้องถือว่าผู้ร้องทิ้งอุทธรณ์ แต่แม้จะถือว่าผู้ร้องทิ้งอุทธรณ์ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ก็ไม่ใช่บทบังคับเด็ดขาดว่าศาลต้องจำหน่ายคดีเสมอไป เพียงแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจว่าจะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่ก็ได้ โดยคำนึงถึงเหตุผลอันสมควรและยุติธรรม เมื่อคดีนี้ปรากฏว่า ผู้ร้องได้วางเงินค่าธรรมเนียมการส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์แล้วแต่เกิดขัดข้องทางฝ่ายเจ้าพนักงานศาลเองที่ไม่ส่งเงินไปให้เจ้าพนักงานเดินหมายเช่นนี้กรณีจึงไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6986/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์และการใช้ดุลพินิจศาลในการจำหน่ายคดี โดยคำนึงถึงความผิดพลาดจากเจ้าหน้าที่
ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ ผู้ร้องวางเงินค่าธรรมเนียมการนำหมาย แต่มิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ตามคำสั่งศาล ดังนี้ การที่ผู้ร้องได้วางเงินค่านำหมายหาทำให้ผู้ร้องหมดหน้าที่ที่จะต้องจัดการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่จึงต้องถือว่าผู้ร้องทิ้งอุทธรณ์ แต่แม้จะถือว่าผู้ร้องทิ้งอุทธรณ์ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ก็ไม่ใช่บทบังคับเด็ดขาดว่าศาลต้องจำหน่ายคดีเสมอไป เพียงแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจว่าจะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่ก็ได้ โดยคำนึงถึงเหตุผลอันสมควรและยุติธรรม เมื่อคดีนี้ปรากฏว่า ผู้ร้องได้วางเงินค่าธรรมเนียมการส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์แล้วแต่เกิดขัดข้องทางฝ่ายเจ้าพนักงานศาลเองที่ไม่ส่งเงินไปให้เจ้าพนักงานเดินหมายเช่นนี้กรณีจึงไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4417/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายและการแจ้งคำสั่งศาล: โจทก์ยังไม่ทิ้งอุทธรณ์ แม้ไม่ได้รับแจ้งโดยตรงจากความล่าช้าของเจ้าหน้าที่
พนักงานเดินหมายได้นำหมายและสำเนาอุทธรณ์คำสั่งไปส่งแก่จำเลย และพบภูมิลำเนาที่อยู่ของจำเลย ทั้งปรากฏตามหมายนัดของศาลชั้นต้นประทับตรายางไว้ชัดเจนว่า ไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย ตามคำสั่งศาลชั้นต้นแต่พนักงานเดินหมายไม่ทำการปิดหมาย การที่เจ้าหน้าที่งานอุทธรณ์ฎีกาประทับตรายางในอุทธรณ์คำสั่งในวันที่ ท.ผู้รับมอบฉันทะโจทก์นำอุทธรณ์มายื่น โดย ท.ลงชื่อรับทราบไว้ว่าให้ ท.มาทราบคำสั่งในวันที่ 14 มีนาคม 2540 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว คงมีผลว่าโจทก์ได้รับทราบคำสั่งที่ศาลชั้นต้นสั่งไว้ว่าการส่งหมายหากไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วันเท่านั้น แต่คดีนี้ทนายโจทก์ได้ติดตามผลการส่งหมายอยู่ตลอดเวลา ทั้งโจทก์ได้ชำระค่าส่งรายงานการส่งหมายมาให้ทนายโจทก์ทราบทางไปรษณีย์แก่พนักงานเดินหมายเมื่อปรากฏด้วยว่าระยะเวลาตั้งแต่ส่งถึงวันที่พนักงานเดินหมายรายงานถึงศาลชั้นต้นเป็นเวลานานถึง 3 เดือนเศษ ย่อมเป็นการยากที่โจทก์จะติดตามรับทราบผลการส่งหมายได้ ทั้งพนักงานเดินหมายมิได้ปฏิบัติในการส่งหมายด้วยวิธีปิดหมายตามคำสั่งศาลชั้นต้นตามที่ถือว่าโจทก์รับทราบ กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์คำสั่ง
of 5