พบผลลัพธ์ทั้งหมด 97 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3591/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายอสังหาริมทรัพย์ภายใน 5 ปี เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ แม้มิได้มีชื่อในทะเบียนบ้าน
พ.ร.ฏ.ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) พ.ศ.2534 มีผลใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์ขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่นาย พ. จึงต้องนำพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาใช้บังคับกับกรณีของโจทก์ เมื่อโจทก์ขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไปภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ได้มา และกรณีของโจทก์ไม่เข้าข้อยกเว้นว่าโจทก์ใช้เป็นสถานที่อยู่อาศัยอันเป็นแหล่งสำคัญที่โจทก์มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรและได้อาศัยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี จึงต้องถือว่าโจทก์ขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรตาม มาตรา 3 (6) แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว โจทก์จึงต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตาม ป.รัษฎรกร มาตรา 91/2(6)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการแสดงอำนาจพิเศษ: ข้อจำกัดในการฎีกาคดีครอบครัวและที่อยู่อาศัย
คดีของผู้ร้องเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติทั้งหลายและบริวารของจำเลยผู้ถูกฟ้องขับไล่ซึ่งอยู่บนอสังหาริมทรัพย์และคดีระหว่างโจทก์จำเลยเป็นคดีที่ฟ้องขับไล่บุคคลใดๆออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาทซึ่งคู่ความในคดีฟ้องขับไล่นั้นต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสองเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ว่าศาลจะฟังว่าบุคคลดังกล่าวสามารถแสดงอำนาจวิเศษให้ศาลเห็นได้หรือไม่คดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติทั้งหลายและบริวารของจำเลยจึงห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสาม ฎีกาผู้ร้องที่ว่าแม้ผู้ร้องจะเข้ามาอยู่ในบ้านพิพาทในฐานะบุตรสะใภ้จำเลยแต่จากการนำสืบผู้ร้องได้หย่าขาดกับบุตรจำเลยและอาศัยในบ้านพิพาทในลักษณะแยกครอบครัวจากครอบครัวจำเลยไม่เกี่ยวข้องกันมาเป็นเวลา20ปีแล้วโดยผู้ร้องไม่ได้แยกทะเบียนบ้านใหม่สำเนาทะเบียนบ้านไม่อาจนำมาวินิจฉัยว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยได้เมื่อผู้ร้องได้รับสิทธิให้เข้าอยู่ในแฟลตก็เป็นการยืนยันว่าผู้ร้องมีครอบครัวแยกต่างหากมิได้อยู่อาศัยสิทธิของจำเลยและฎีกาผู้ร้องต่อมาที่ว่าเมื่อโจทก์หรือทางราชการยังมิได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงโดยหาที่อยู่ชั่วคราวให้แก่ผู้ร้องก่อนซึ่งเป็นการต่างตอบแทนตามข้อตกลงและผู้ร้องยังไม่ถูกตัดสิทธิและมีสิทธิได้รับการพิจารณาถึงสิทธิตามบัตรสิทธิผู้ร้องจึงมีอำนาจพิเศษที่จะอยู่อาศัยในบ้านพิพาทต่อไปได้ล้วนเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาที่ว่าผู้ร้องสามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้นั่นเองจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2193/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์ในร้านค้าเปิดเผย ไม่เป็นลักทรัพย์ในเคหสถาน แม้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย
ที่เกิดเหตุเป็นร้านค้าซึ่งประชาชนย่อมจะเข้าไปได้แม้จะเป็นเคหสถานที่ผู้เสียหายใช้อยู่อาศัยด้วย แต่ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันร้านค้ายังคงเปิดขายสินค้าอยู่ การที่จำเลยเข้าไปลักสุราและบุหรี่จึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2193/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์ในสถานที่ไม่ใช่ 'เคหสถาน' แม้ผู้เสียหายอยู่อาศัยด้วย
ที่เกิดเหตุเป็นร้านค้าซึ่งประชาชนย่อมจะเข้าไปได้แม้จะเป็นเคหสถานที่ผู้เสียหายใช้อยู่อาศัยด้วย แต่ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันร้านค้ายังคงเปิดขายสินค้าอยู่ การที่จำเลยเข้าไปลักสุราและบุหรี่จึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดเว้นภาษีโรงเรือน เจ้าของอยู่อาศัยเอง แม้ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน
พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช 2475 มาตรา 10 แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2475 มาตรา 3 ไม่ได้วางหลักเกณฑ์ว่าโรงเรือนที่เจ้าของอยู่เอง เจ้าของจะต้องมีชื่อในทะเบียนด้วยจึงจะได้รับงดเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนตามกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โรงเรือนพิพาทเป็นของโจทก์และโจทก์อยู่เอง แม้โจทก์จะไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน โจทก์ก็ย่อมได้รับงดเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือน
จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีในฐานะผู้ชี้ขาดคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ของโจทก์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1แกล้งชี้ขาดและรับชำระภาษีไว้ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องร่วมกับกรุงเทพมหานครจำเลยที่ 2 คืนภาษีที่จำเลยที่ 2 รับชำระไว้ให้โจทก์
จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีในฐานะผู้ชี้ขาดคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ของโจทก์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1แกล้งชี้ขาดและรับชำระภาษีไว้ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องร่วมกับกรุงเทพมหานครจำเลยที่ 2 คืนภาษีที่จำเลยที่ 2 รับชำระไว้ให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4706/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินเช่าเพื่อทำนา แม้มีส่วนปลูกบ้านก็ยังคงเป็นที่นาตามกฎหมายเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ที่ดินส่วนที่จำเลยใช้ในการปลูกบ้านนั้น เป็นส่วนหนึ่งของที่ดิน แปลงที่จำเลยเช่าเพื่อทำนา ดังนั้นที่ดินที่จำเลยใช้ในการปลูกบ้าน จึงยังคงเป็นที่นาอยู่หาได้เปลี่ยนสภาพจากที่นามาเป็นที่อยู่อาศัยไม่ ที่ดินที่เช่าเพื่อการทำนานั้นถือได้ว่าเป็นที่นาทั้งแปลงไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใด ของที่ดินจะใช้เป็นที่ปลูกบ้านหรือไม่
ตามคำนิยาม 'นา' ในพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524 มาตรา 21 ก็ให้หมายความว่า'ที่ดินที่เช่าเพื่อทำนาทั้งหมด หรือเป็นส่วนใหญ่' ซึ่งแสดงว่าที่นานั้นไม่จำเป็นต้องใช้ในการทำนา ทั้งแปลงที่ดินส่วนที่ไม่ได้ใช้ทำนาก็ยังคงเป็นที่นาอยู่
ตามคำนิยาม 'นา' ในพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524 มาตรา 21 ก็ให้หมายความว่า'ที่ดินที่เช่าเพื่อทำนาทั้งหมด หรือเป็นส่วนใหญ่' ซึ่งแสดงว่าที่นานั้นไม่จำเป็นต้องใช้ในการทำนา ทั้งแปลงที่ดินส่วนที่ไม่ได้ใช้ทำนาก็ยังคงเป็นที่นาอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4706/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินเช่าเพื่อทำนา แม้ส่วนหนึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัย ยังคงเป็นที่นาตามกฎหมายเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ที่ดินส่วนที่จำเลยใช้ในการปลูกบ้านนั้นเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงที่จำเลยเช่าเพื่อทำนาดังนั้นที่ดินที่จำเลยใช้ในการปลูกบ้านจึงยังคงเป็นที่นาอยู่หาได้เปลี่ยนสภาพจากที่นามาเป็นที่อยู่อาศัยไม่ที่ดินที่เช่าเพื่อการทำนานั้นถือได้ว่าเป็นที่นาทั้งแปลงไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดของที่ดินจะใช้เป็นที่ปลูกบ้านหรือไม่ ตามคำนิยาม'นา'ในพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา21ก็ให้หมายความว่า'ที่ดินที่เช่าเพื่อทำนาทั้งหมดหรือเป็นส่วนใหญ่'ซึ่งแสดงว่าที่นานั้นไม่จำเป็นต้องใช้ในการทำนาทั้งแปลงที่ดินส่วนที่ไม่ได้ใช้ทำนาก็ยังคงเป็นที่นาอยู่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3485/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาและการมีอำนาจฟ้องคดี การย้ายถิ่นฐานชั่วคราวไม่ทำให้เกิดภูมิลำเนาใหม่
จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ได้ไปทำงานร่วมกับโจทก์โดยเป็นหุ้นส่วนและเป็นผู้จัดการสำนักงานชั่วคราวของโจทก์ที่จังหวัดพะเยาแต่มิได้ย้ายทะเบียนบ้านไปด้วย ต่อมางานเสร็จและก่อนฟ้องคดีจำเลยกลับมาอยู่ที่กรุงเทพมหานครดังนี้ จำเลยมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดพะเยา การที่โจทก์จำเลยยังไม่ได้ชำระบัญชีหุ้นส่วนกัน และจำเลยยังไม่พ้นจากตำแหน่งผู้จัดการสำนักงานนั้นถือไม่ได้ว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาอยู่ที่สำนักงานชั่วคราวของโจทก์ที่จังหวัดพะเยา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพะเยาเพื่อเรียกเงินตามเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2186/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุก: การเข้าไปในบ้านโดยได้รับอนุญาตโดยปริยาย ไม่ถือเป็นความผิด
จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย โดยถามหาสามีของผู้เสียหายก่อนแล้วไปนั่งคุยกับผู้เสียหายบนเตียงนอนโดยผู้เสียหายมิได้ห้ามปรามหรือขอร้องให้จำเลยออกไปจากบ้านนั้น เป็นการแสดงว่าผู้เสียหายอนุญาตให้จำเลยเข้าไปได้โดยปริยาย ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรและมีเจตนารบกวนการครอบครองที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ถิ่นที่อยู่ปกติของเด็กและเยาวชนเพื่อการพิจารณาคดี: การพิจารณาจากที่อยู่อาศัยและการประกอบอาชีพ
จำเลยเป็นเยาวชนย้ายจากเขตจังหวัดธนบุรีมาอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีตั้งแต่ยังเล็ก แต่ไม่ได้แจ้งย้ายทะเบียนบ้าน ต่อมาจำเลยทำงานรับจ้างเป็นเด็กกระเป๋ารถยนต์สองแถวและกินอยู่หลับนอนกับนายจ้างที่จังหวัดนนทบุรี ดังนี้ถิ่นที่อยู่ปกติของจำเลยจึงอยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี แม้มารดาของจำเลยกับจำเลยแจ้งย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ถิ่นที่อยู่ปกติของจำเลยหาใช่เป็นแห่งเดียวกับภูมิลำเนาจำเลยไม่ โจทก์ฟ้องจำเลย ต่อศาลจังหวัดนนทบุรี จึงชอบแล้ว กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 28 แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ2494.