คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บันทึก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3507/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องอาญาในศาลแขวงไม่ต้องเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หากศาลบันทึกใจความได้ความชัดเจน
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ กำหนดวิธีการดำเนินกระบวนพิจารณา เพื่อความสะดวกรวดเร็วไว้เป็นพิเศษนอกเหนือจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว บัญญัติให้โจทก์ฟ้องด้วยวาจาได้และให้ศาลบันทึกใจความแห่งคำฟ้องไว้เป็นหลักฐาน การฟ้องคดีอาญาในศาลแขวงจึงไม่ต้องปฏิบัติเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 โดยเฉพาะในอนุมาตรา 5 คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเป็นบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและศาลชั้นต้นได้บันทึกไว้แล้วว่าโจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ช่วยเหลือ ช่วยซ่อนเร้น พ. ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย บาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหายอันมิใช่ความผิดลหุโทษโดยรับขึ้นรถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับจากที่เกิดเหตุไปส่งยังที่อื่น เพื่อไม่ให้ พ. ถูกจับกุม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 คำฟ้องดังกล่าวแม้จะไม่ได้บรรยายว่า จำเลยมีเจตนากระทำเพื่อไม่ให้ พ. ต้องโทษ แต่การที่จำเลยรับ พ. ขึ้นรถแล้วขับรถไปส่งยังที่อื่นเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ก็เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่าจำเลยกระทำเพื่อไม่ให้ พ. ต้องรับโทษ ซึ่งจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วจึงให้การรับสารภาพต่อศาลชั้นต้น คำฟ้องที่โจทก์ฟ้องด้วยวาจาตามบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและตามที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้นั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5868/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารบันทึกการรับเงินเป็นหลักฐานการกู้ยืม การคิดดอกเบี้ยเมื่อผิดนัดชำระหนี้
จำเลยได้รับเงินจำนวน 40,000 บาท ไปจากโจทก์และได้ทำบันทึกไว้ให้แก่โจทก์ ระบุไว้ทำนองว่าเงิน 40,000 บาท ที่จำเลยเอาไป ถ้า ป. (หมายถึงพี่สาวจำเลย) ไม่สามารถส่งให้ทันสิ้นเดือนธันวาคม 2537จำเลยจะค้ำประกันรับผิดชอบให้ ลงชื่อจำเลยผู้ยืมและโจทก์ผู้ให้ยืมสำหรับคำว่า จำเลยจะค้ำประกันรับผิดชอบให้ หมายถึงว่า จำเลยรับรองจะคืนเงินให้นั่นเอง หากพิจารณาข้อความในเอกสารดังกล่าวทั้งหมดรวมกันแล้วก็จะได้ความว่าจำเลยเป็นผู้กู้ยืมเงินไปจากโจทก์และปรากฏข้อความว่าจำเลยได้รับเงิน 40,000 บาท ไปจากโจทก์แล้วหากภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2537 ถ้าพี่สาวจำเลยไม่ใช้ให้จำเลยรับรองและรับผิดชอบจะคืนให้ กรณีจึงมีความหมายเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่งแล้ว
หลักฐานการกู้ยืมเงินกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ในวันสิ้นเดือนธันวาคม 2537 ซึ่งก็คือวันที่ 31 ธันวาคม 2537 เมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าว จำเลยไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์จึงถือว่าจำเลยเป็นผู้ผิดนัดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2538 และโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9347/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งกรรมสิทธิ์ที่ดิน: บันทึกแบ่งที่ดินหลังจดทะเบียนใช้ได้ ยึดเจตนาการแบ่งตามที่ตกลง
ช.ได้จดทะเบียนให้โจทก์ซึ่งเป็นหลานและจำเลยซึ่งเป็นบุตรเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทซึ่งมีเนื้อที่ 19 ไร่ 26 ตารางวา แต่ได้ทำบันทึกแบ่งที่ดินพิพาทให้โจทก์เพียง 4 ไร่ ด้านหน้าติดคลองภาษีเจริญ กว้างประมาณ10 วา โดยวัดเป็นเส้นตรงขึ้นไป โดยโจทก์จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้รับให้ไว้โดยชอบ แม้ ช.จะไม่ได้พิมพ์ลายพิมพ์นิ้วมือไว้เป็นผู้ให้ในบันทึกเช่นที่พิมพ์ไว้ในหนังสือสัญญาให้ที่ดินด้วยก็ตาม แต่ ช.ก็ลงลายมือชื่อไว้ในบันทึกนั้น หรือแม้จะไม่ได้ลงวันเดือนปีที่ทำบันทึกไว้ในบันทึก แต่ก็ทำในวันเดียวกับที่ ช.จดทะเบียนการให้ ทั้งก็ระบุถึงวันเดือนปีที่จดทะเบียนการให้ลงในบันทึกด้วยแล้ว ทั้งสองประการนี้จึงไม่เป็นเหตุที่จะทำให้การรับฟังบันทึกดังกล่าวเสียไป บันทึกดังกล่าวก็หาใช่คำมั่นจะให้ของ ช.แต่อย่างใดไม่ แม้จะเป็นการทำขึ้นภายหลังที่มีการจดทะเบียนการให้ แต่ก็เป็นเพียงเอกสารอันเป็นหลักฐานยืนยันถึงเจตนาของการจดทะเบียนการให้ที่ดินพิพาทแก่โจทก์จำเลยนั้น ช.แบ่งส่วนให้โจทก์มีกรรมสิทธิ์ที่ดินเพียง 4 ไร่ตามที่ระบุในบันทึกเท่านั้น ที่ดินส่วนที่เหลือนอกนั้นเป็นของจำเลยซึ่งโจทก์จำเลยก็ลงลายมือชื่อรับรู้แล้ว ย่อมรับฟังประกอบการจดทะเบียนได้โจทก์คงมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทเพียง 4 ไร่ ด้านหน้าติดคลองภาษีเจริญกว้างประมาณ 10 วา โดยวัดเป็นเส้นตรงขึ้นไป โจทก์จึงมีสิทธิขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินตามส่วนดังกล่าวเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุมัติเกษียณอายุ ต้องเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติ การบันทึก 'เพื่อพิจารณาอนุมัติ' ไม่ถือเป็นการอนุมัติ
ศาลแรงงานวินิจฉัยว่าผู้ที่มีอำนาจอนุมัติให้โจทก์เกษียณอายุก่อนครบกำหนดได้คือกรรมการผู้จัดการดังนั้นที่ผู้จัดการโรงงานของจำเลยบันทึกลงในคำขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดของโจทก์ว่าเพื่อพิจารณาอนุมัติจึงเป็นการบันทึกเสนอให้กรรมการผู้จัดการพิจารณาเท่านั้นหาใช่เป็นการอนุมัติให้โจทก์เกษียณอายุก่อนครบกำหนดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6166/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางพิพาทมิใช่ทางสาธารณะ การใช้ทางเป็นเพียงความเอื้อเฟื้อ การลงชื่อในบันทึกไม่ถือเป็นการสละสิทธิ
โจทก์ฟ้องอ้างว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าทางพิพาทไม่ใช่ทางสาธารณะ แต่พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ห้ามจำเลยขัดขวางโจทก์ในการใช้ทางพิพาท จำเลยอุทธรณ์ โจทก์มิได้อุทธรณ์แต่กล่าวแก้ในคำแก้อุทธรณ์ว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ ดังนั้นประเด็นเรื่องทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือไม่จึงยังไม่ยุติ ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยได้ เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าทางพิพาทไม่ใช่ทางสาธารณะ โจทก์ก็ย่อมฎีกาได้
ทางพิพาทมีสภาพเป็นคันดินกว้าง 1.50 เมตร ยาวเพียง160 เมตร และเป็นทางตัน อยู่ในแนวเขตโฉนดที่ดินของจำเลย การที่โจทก์กับญาติหรือบุคคลอื่นใช้ทางพิพาทเข้าออกสู่ทางสาธารณะเป็นเรื่องความเอื้อเฟื้อถ้อยทีถ้อยอาศัยของชาวชนบท หาใช่เป็นการสละสิทธิทางพิพาทให้เป็นทางสาธารณะไม่การที่จำเลยลงชื่อในบันทึกตามคำบอกหรือคำแนะนำของกำนันยอมรับว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ ไม่เป็นผลให้ทางพิพาทกลับเป็นทางสาธารณะและไม่เป็นการสละสิทธิให้เป็นทางสาธารณะ
บันทึกที่จำเลยลงชื่อยอมรับว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะจะไม่กีดขวางโจทก์และราษฎรอีก 4 ครัวเรือนในการใช้เส้นทางร่วมกันเป็นเพียงข้อเท็จจริงประกอบที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยก็ทราบดีว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะเท่านั้น มิใช่ข้ออ้างที่อาศัยเป็นสิทธิบังคับให้จำเลยเปิดทางพิพาทและศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือไม่ หาได้มีประเด็นเรื่องผลบังคับตามข้อตกลงในบันทึกไม่ แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะยกประเด็นข้อตกลงในบันทึกขึ้นวินิจฉัยให้ ก็เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4260/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการร้องทุกข์ การดำเนินคดีต่อจำเลยที่ 2 แม้บันทึกจะระบุเฉพาะจำเลยที่ 1
ตามบันทึกการร้องทุกข์มอบคดีความผิดอันยอมความได้โจทก์ร่วมขอร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 คนเดียว และในบันทึกนั้นได้แจ้งพฤติการณ์แห่งความผิดต่อพนักงานสอบสวนไว้ว่านายโกและจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกระทำความผิดต่อโจทก์ร่วมอย่างไรบ้าง แล้วพนักงานสอบสวนได้สั่งออกหมายจับทั้งนายโกและจำเลยทั้งสองไว้ ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 2 เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนในวันนั้นเองโจทก์ร่วมก็ชี้ตัวจำเลยที่ 2 ยืนยันว่าร่วมกระทำผิดด้วยฟังได้ว่าโจทก์ร่วมร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนโดยมีเจตนาให้จำเลยที่ 2 ได้รับโทษด้วย มิใช่เจตนาที่จะให้จำเลยที่ 1 ได้รับโทษแต่เพียงคนเดียว การที่บันทึกการร้องทุกข์มอบคดีความผิดอันยอมความได้ระบุว่าโจทก์ร่วมขอร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 คนเดียวเป็นความบกพร่องของพนักงานสอบสวนผู้จดบันทึกคำร้องทุกข์เองหาใช่โจทก์ร่วมไม่มีเจตนาจะให้จำเลยที่ 2 ได้รับโทษด้วยไม่การร้องทุกข์และการสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4665/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาโดยบันทึกของศาลแขวง และการลดโทษในคดีพนัน
คำพิพากษาของศาลแขวงสามารถกระทำได้โดยเพียงบันทึกไว้เท่านั้น แม้คำพิพากษามิได้ตั้งกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยก่อน แต่เมื่ออ่านประกอบกันโดยตลอดแล้ว เป็นที่เข้าใจได้ว่าศาลได้ตั้งกำหนดโทษที่จะลงไว้เท่าใด ทั้งได้อ้างมาตราที่ลดโทษให้จำเลยไว้ด้วยแล้ว ไม่มีทางที่จะเข้าใจหรือแปลความหมายเป็นอย่างอื่นไปได้ การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลแขวงจึงชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน เครื่องเล่นไฟฟ้าจักรกลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ดังนี้จำเลยจะฎีกาเถียงเป็นอย่างอื่น หาได้ไม่เพราะขัดกับคำรับสารภาพ ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือใน การกระทำผิดมีมากถึง 46 ตู้ เงินเหรียญบาทถึง 30,231 เหรียญ ถือได้ว่าเป็นการเล่นการพนันรายใหญ่ อาจเป็นการมอมเมาเยาวชน ให้หลงไหลในการพนัน เป็นผลเสียหายร้ายแรงแก่ประเทศชาติ จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะลดหย่อนโทษและรอการลงโทษให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2285/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันตามบันทึกที่ตัวแทนลงลายมือชื่อแทนจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ว่าบันทึกที่ ส. ทำขึ้นไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะคู่กรณีมิได้ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่ายและไม่มีข้อความแสดงว่าระงับข้อพิพาทที่มีอยู่การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ส. ทำบันทึกดังกล่าวในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงลายมือชื่อก็ต้องผูกพันตามข้อความในบันทึกและใช้บังคับเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความได้ จึงเป็นข้อวินิจฉัยถูกต้องตรงประเด็นตามที่จำเลยอุทธรณ์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2216/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตให้อุทธรณ์/ฎีกา ต้องบันทึกครบถ้วนตามกฎหมาย มิฉะนั้นศาลสูงไม่รับพิจารณา
ข้อความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ตรี และในมาตรา 221 ในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องการรับรองให้คดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลที่สูงกว่านั้นมีบัญญัติไว้เป็นใจความอย่างเดียวกัน จึงย่อมอาจนำเหตุผลในฎีกาที่เกี่ยวกับมาตรา 221 มาเป็นหลักวินิจฉัยประกอบเทียบเคียงกันได้
การที่ผู้พิพากษาศาลล่างผู้มีอำนาจที่จะรับรองให้คดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลที่สูงกว่าได้นั้น จะต้องบันทึกข้อความให้ครบหลักเกณฑ์ทั้งสองประการตามกฎหมาย คือข้อความที่ตัดสินไปเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งจะต้องบันทึกยืนยันว่าตนอนุญาตให้อุทธรณ์หรือฎีกาได้
ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นบันทึกในอุทธรณ์ว่า "่ข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาอันควรสู่ศาลอุทธรณ์ รับอุทธรณ์ สำเนาให้จำเลยที่ 2, 3 แก้ ดังนี้ ถือว่ายังมิได้มีการอนุญาตให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ตรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2261/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองอุทธรณ์ต้องมีบันทึกชัดเจน หากไม่บันทึก ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกอุทธรณ์ได้
การรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงนั้น ผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาคดีนั้นในศาลชั้นต้นจะต้องบันทึกไว้ให้ชัดแจ้งว่ารับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 230 มิใช่เพียงแต่สั่งรับอุทธรณ์เท่านั้น มิฉะนั้นศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจยกอุทธรณ์โดยไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นแห่งอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1)
of 2