พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4498/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดเจ็บป่วยก่อนทำประกันชีวิตไม่ถือเป็นเหตุบอกล้างสัญญา หากไม่ชัดเจนว่าเป็นโรคเฉพาะเจาะจง
แม้ตรวจพบว่ามีการอักเสบของตับ แต่ตามรายงานการตรวจของแพทย์ได้แนะนำให้รับการวินิจฉัยต่อไป แสดงว่ายังไม่แน่ชัดว่าผู้ตายป่วยเป็นโรคตับอักเสบหรือไม่จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ตายทราบว่าตนป่วยเป็นโรคตับอักเสบ ดังนั้น การที่ผู้ตายมิได้แจ้งผลการตรวจโรคดังกล่าวในแบบสอบถามของจำเลย จึงมิใช่กรณีผู้ตายรู้อยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจจำเลยให้เรียกเบี้ยประกันสูงขึ้น หรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 วรรคแรก สัญญาประกันชีวิตไม่เป็นโมฆียะจำเลยไม่มีสิทธิบอกล้าง โจทก์ทั้งสี่ฟ้องว่า ผู้ตายประสบอุบัติเหตุหกล้มศีรษะกระแทกพื้นและเสียชีวิตจำเลยให้การเพียงว่า ผู้ตายปกปิดข้อเท็จจริงที่ตนทราบมาก่อนว่าเป็นโรคตับ สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะ โดยไม่ได้ให้การปฏิเสธหรือโต้แย้งเรื่องผู้ตายประสบอุบัติเหตุแต่อย่างใด จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6032/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างสัญญาประกันชีวิตเนื่องจากปกปิดการเจ็บป่วยเกิน 1 เดือน ทำให้จำเลยแพ้คดี
โรงพยาบาลอุดรธานีได้ถ่ายสำเนาประวัติการรักษาตัวของบ.มอบให้ก.และก.ได้รายงานแจ้งไปยังสำนักงานใหญ่ของจำเลยที่1เมื่อวันที่16พฤศจิกายน2533ซึ่งตามรายงานดังกล่าวระบุว่าจากการตรวจสอบเชื่อได้ว่าบ.มีสุขภาพไม่สมบูรณ์ก่อนทำประกันอย่างแน่นอนและป่วยเป็นมะเร็งทั้งตามหนังสือบอกล้างสัญญาประกันชีวิตจำเลยที่1ก็อ้างว่าแพทย์เคยวินิจฉัยว่าบ. ป่วยเป็นโรคมะเร็งของท่อน้ำดีจำเลยที่1ย่อมมีเหตุควรรู้ได้แล้วว่าบ. เคยป่วยเป็นโรคมะเร็งและเคยได้รับการตรวจรักษามาแล้วแต่บ. ปกปิดความจริงดังกล่าวฉะนั้นจึงฟังได้ว่าจำเลยที่1ได้รู้มูลเหตุที่จะบอกล้างสัญญาประกันชีวิตตั้งแต่วันที่16พฤศจิกายน2533ที่จำเลยที่1ได้รับรายงานของก. แล้วการที่จำเลยที่1บอกล้างสัญญาประกันชีวิตในวันที่19มิถุนายน2534จึงเกิน1เดือนนับแต่วันที่จำเลยที่1รู้มูลเหตุที่จะบอกล้างได้จำเลยที่1จึงต้องแก้คดีตามคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดเจ็บป่วยก่อนทำประกันชีวิต ทำให้สัญญาตกเป็นโมฆียะ หากจำเลยบอกล้างสัญญาแล้วไม่ต้องรับผิด
ป. รู้อยู่ก่อนแล้วว่าตนเป็นโรคความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นโรคร้ายแรงรักษาไม่หาย ได้ขอเอาประกันชีวิตต่อจำเลยโดยปกปิดข้อเท็จจริงไม่กรอกข้อความในคำขอเอาประกันภัยว่าตนเป็นโรคดังกล่าวซึ่งถ้าจำเลยทราบความจริงข้างต้นนี้แล้วอาจไม่ยอมทำสัญญาประกันชีวิตด้วย ดังนั้น สัญญาประกันชีวิตจึงตกเป็นโมฆียะ เมื่อจำเลยบอกล้างแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิต ตัวแทนในการขายประกันมีหน้าที่เพียงชักชวนให้ผู้อื่นมาทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลยเท่านั้น มิใช่ตัวแทนในการทำกรมธรรม์ประกันชีวิต การที่ตัวแทนในการขายประกันจะได้รู้ถึงข้อความจริงที่ผู้เอาประกันชีวิตไม่เปิดเผยหรือไม่ ก็หาอาจจะยกเป็นข้อยันจำเลยได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดเจ็บป่วยในสัญญาประกันชีวิตทำให้สัญญามีโมฆียะ และตัวแทนขายไม่มีอำนาจผูกพันจำเลย
ป. ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและได้รับการรักษาเกี่ยวกับโรคดังกล่าวเป็นเวลานาน แต่มิได้แจ้งข้อความจริงดังกล่าวให้จำเลยทราบเมื่อขอเอาประกันชีวิต ทั้งที่ในคำขอเอาประกันมีข้อความระบุถามโดยชัดเจนถึงโรคดังกล่าว โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคร้ายแรงและไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ สัญญาประกันชีวิตระหว่าง ป.และจำเลย จึงตกเป็นโมฆียะ ตัวแทนในการขายประกันของจำเลยมีหน้าที่เพียงชักชวนให้ผู้อื่นมาทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลย มิใช่ตัวแทนในการทำกรมธรรม์ประกันชีวิต การที่ตัวแทนจะได้รู้ข้อเท็จจริงหรือไม่ หาอาจยกเป็นข้อยันจำเลยได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2397/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างสัญญาประกันชีวิตเนื่องจากผู้เอาประกันภัยปกปิดเจ็บป่วย สัญญาเป็นโมฆียะ
น. ผู้เอาประกันชีวิตกับจำเลยในขณะทำสัญญาประกันชีวิตมีสุขภาพไม่สมบูรณ์โดยป่วยเป็นโรคเบาหวานและโรคตับแข็ง และละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงให้จำเลยทราบ ซึ่งหากจำเลยทราบจะบอกปัดไม่ตกลงทำสัญญาประกันชีวิตกับ น.การปกปิดข้อเท็จจริงดังกล่าวทำให้จำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง สัญญาประกันชีวิตระหว่างจำเลยกับ น.จึงตกเป็นโมฆียะ เมื่อจำเลยได้บอกล้างสัญญาแล้ว จึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญาต่อโจทก์ ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่ต้องเปิดเผยข้อความจริงให้ผู้รับประกันภัยทราบจะถือว่าการไม่ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันภัยก่อนเป็นการละเว้นหาได้ไม่ แม้การประกันชีวิตในทุนประกันต่ำตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพผู้เอาประกันภัยก็ยังถือไม่ได้ว่าผู้รับประกันภัยไม่ถือเอาเรื่องสุขภาพของผู้เอาประกันภัยเป็นสำคัญ สัญญาประกันชีวิตที่กระทำโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 วรรคแรก เป็นโมฆียะผู้รับประกันภัยย่อมใช้สิทธิบอกล้างได้ หากไม่ใช้สิทธิบอกล้างสัญญาดังกล่าวย่อมใช้บังคับได้ จึงเป็นสิทธิของผู้รับประกันภัยจะบอกล้างหรือไม่ก็ได้ ดังนั้น แม้ผู้รับประกันภัยจะใช้สิทธิบอกล้างแต่เพียงเฉพาะสัญญารายใดก็หาเป็นการไม่ชอบไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5268/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดเจ็บป่วยก่อนทำประกันชีวิตทำให้สัญญาเป็นโมฆียะ จำเลยมีสิทธิบอกล้างสัญญาได้
ช. ป่วยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังอยู่ในขณะที่ทำคำขอเอาประกันชีวิตแต่ ช. กลับระบุในคำขอดังกล่าวว่าตนสุขภาพสมบูรณ์ดี ในระหว่างสองปีที่แล้วมาไม่เคยเข้าสถานพยาบาลทำการรักษาตัวความจริงเกี่ยวกับสุขภาพของ ช. ดังกล่าวเป็นข้อสำคัญสำหรับประกอบการวินิจฉัยของจำเลยผู้รับประกันภัยว่าจะรับประกันชีวิตหรือไม่ เมื่อ ช. ปกปิดข้อความจริงดังกล่าว สัญญาประกันชีวิตช. จึงเป็นโมฆียะ และข้อความจริงดังกล่าวมิใช่เรื่องที่ตัวแทนของจำเลยจะรู้ได้เอง จึงถือไม่ได้ว่าตัวแทนของจำเลยรู้หรือจำเลยควรจะรู้หากใช้ความระมัดระวัง จำเลยได้บอกล้างสัญญาประกันชีวิตดังกล่าวต่อโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาภายในกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 แล้ว สัญญาประกันชีวิตจึงตกเป็นโมฆะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3820/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดเจ็บป่วยก่อนทำประกันภัย สัญญาประกันเป็นโมฆียะ
ผู้เอาประกันชีวิตรู้อยู่ก่อนแล้วว่าตนป่วยเป็นโรคตับโตและดีซ่านกับทั้งยังเคยเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่แถลงถ้อยคำในคำขอเอาประกันชีวิตและต่อนายแพทย์ผู้ตรวจสุขภาพก่อนทำสัญญาประกันชีวิตว่าไม่เคยเป็นหรือเคยถูกรักษาโรคตับ ลำไส้ ไตหรือกระเพาะปัสสาวะ และไม่เคยเจ็บไข้หรือบาดเจ็บนอกเหนือจากข้อซักถามเกี่ยวกับโรคในข้ออื่น ๆ เช่นนี้ เป็นการละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงแห่งโรคที่ตนรู้ว่าเคยเป็นและเคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาแล้วอันเป็นสาระสำคัญในการรับประกันชีวิต สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะเมื่อจำเลยบอกล้างแล้วสัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะ จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะจากการปกปิดเจ็บป่วยเรื้อรังของผู้ขอเอาประกัน
โรคถุงลมพองเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หายขาดและอาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ความตายได้ โรคถุงลมพองจึงเป็นโรคที่มีความสำคัญอันอาจถือเป็นเหตุให้จำเลยบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาประกันชีวิตผู้ขอเอาประกันได้ถ้าจำเลยผู้รับประกันได้ทราบข้อความจริงนี้มาก่อน การที่ผู้เอาประกันรู้ตัวดีว่าป่วยเป็นโรคถุงลมพองเรื้อรังมานานปี เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลายแห่ง และเคยรับการฉายเอ็กซเรย์มาแล้ว แต่ตอบคำถามแพทย์ผู้ตรวจสุขภาพว่า ไม่เคยเจ็บป่วยเป็นโรคใดๆ ไม่เคยรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงเป็นการละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริง ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีความสำคัญที่จำเลยต้องการทราบเพื่อจะนำไปประกอบการวินิจฉัยว่าจะรับประกันชีวิตผู้ขอเอาประกันหรือไม่สัญญาประกันชีวิตที่ผู้เอาประกันทำไว้กับจำเลยจึงตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 วรรคแรก
การตรวจโรคถุงลมพองโดยวิธีธรรมดาจะพบได้ยาก นอกจากฉายเอ็กซเรย์หรือใช้สีฉีดเข้าไปในปอดแล้วฉายเอ็กซเรย์ แต่เมื่อผู้ขอเอาประกันปกปิดมิได้แจ้งเรื่องที่เจ็บป่วยให้แพทย์ผู้ตรวจสุขภาพทราบก็ไม่มีเหตุที่แพทย์จะต้องฉายเอ็กซเรย์ตรวจดูถุงลมของผู้เอาประกันเพราะไม่อาจรู้ได้ว่าผู้เอาประกันเป็นโรคถุงลมพอง นายแพทย์ได้ตรวจร่างกายผู้เอาประกันแล้วเห็นว่าสุขภาพปกติจึงรายงานเสนอความเห็นควรรับประกัน และการรับประกันชีวิตของจำเลยก็พิจารณาจากรายงานของแพทย์ประกอบกับคำขอเอาประกัน เช่นนี้ จะฟังว่าจำเลยผู้รับประกันประมาทเลินเล่อมิได้ กรณีไม่ต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 866
การตรวจโรคถุงลมพองโดยวิธีธรรมดาจะพบได้ยาก นอกจากฉายเอ็กซเรย์หรือใช้สีฉีดเข้าไปในปอดแล้วฉายเอ็กซเรย์ แต่เมื่อผู้ขอเอาประกันปกปิดมิได้แจ้งเรื่องที่เจ็บป่วยให้แพทย์ผู้ตรวจสุขภาพทราบก็ไม่มีเหตุที่แพทย์จะต้องฉายเอ็กซเรย์ตรวจดูถุงลมของผู้เอาประกันเพราะไม่อาจรู้ได้ว่าผู้เอาประกันเป็นโรคถุงลมพอง นายแพทย์ได้ตรวจร่างกายผู้เอาประกันแล้วเห็นว่าสุขภาพปกติจึงรายงานเสนอความเห็นควรรับประกัน และการรับประกันชีวิตของจำเลยก็พิจารณาจากรายงานของแพทย์ประกอบกับคำขอเอาประกัน เช่นนี้ จะฟังว่าจำเลยผู้รับประกันประมาทเลินเล่อมิได้ กรณีไม่ต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 866
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดเจ็บป่วยในการทำประกันชีวิตทำให้สัญญาเป็นโมฆียะ
ผู้เอาประกันชีวิตเคยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคมะเร็งในเม็ดโลหิตขาว ไม่มีทางรักษาหาย และอาจตายใน 7 วัน ถึง 6 เดือนหรืออย่างช้า 5 ปี แต่ปกปิดความจริงว่าไม่เคยเจ็บป่วย ไม่เคยรักษาตัวในโรงพยาบาลทำให้สัญญาประกันชีวิต เป็นโมฆียะ เมื่อผู้รับประกันชีวิตบอกล้างภายใน 1 เดือนแล้ว ย่อมตกเป็นโมฆะผู้รับประโยชน์จะฟ้องเรียกเงินประกันชีวิตไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2551 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างสัญญาประกันชีวิตเนื่องจากผู้เอาประกันปกปิดเจ็บป่วย และขอบเขตตัวแทนประกันชีวิต
ตาม พ.ร.บ.ประกันชีวิตฯ มาตรา 5 ได้ให้คำจำกัดความของตัวแทนประกันชีวิตว่าหมายความว่า ผู้ซึ่งบริษัทมอบหมายให้ทำการชักชวนให้บุคคลทำสัญญาประกันชีวิตกับบริษัท และมาตรา 71 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ตัวแทนประกันชีวิตอาจทำสัญญาประกันชีวิตในนามของบริษัทได้เมื่อได้รับมอบอำนาจเป็นหนังสือจากบริษัท แต่โจทก์ไม่ได้นำสืบว่า ช. เป็นตัวแทนประกันชีวิตผู้ได้รับมอบอำนาจเป็นหนังสือจากจำเลยให้ทำสัญญาประกันชีวิตในนามของจำเลยได้ เช่นนี้ ช. จึงเป็นเพียงตัวแทนในการหาผู้เอาประกันมีหน้าที่ชักชวนให้ผู้อื่นมาทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลยเท่านั้นไม่ใช่ตัวแทนในการทำสัญญาประกันชีวิตของจำเลย จึงไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยตาม ป.พ.พ. การที่ ช. ได้ทราบหรือควรทราบข้อเท็จจริงขณะทำหนังสือรับรองสุขภาพว่า ส. เคยป่วยเป็นโรคตับอักเสบและมีอาการแน่นหน้าอกเนื่องจากดื่มสุรามากได้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อ. จะถือว่าจำเลยได้ทราบความจริงดังกล่าวด้วยหาได้ไม่ นอกจากนี้จำเลยยังนำสืบว่าหลังจาก ส. เสียชีวิตจำเลยได้ตรวจสอบหลักฐานและประวัติเกี่ยวกับสุขภาพของ ส. ทราบผลการตรวจสอบเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2540 ว่า ส. ปกปิดข้อความจริงว่าเคยป่วยเป็นโรคตับอักเสบ หากจำเลยทราบความจริงจำเลยจะไม่ต่ออายุกรมธรรม์ประกันชีวิตกับ ส. โดยโจทก์ไม่นำสืบหักล้าง ดังนั้น การที่ ส. รู้อยู่ว่าตนเป็นโรคตับอักเสบแต่ละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงที่อาจจูงใจให้จำเลยปฏิเสธไม่ทำสัญญาหรือเรียกเบี้ยประกันสูงขึ้น ย่อมทำให้สัญญาประกันชีวิตระหว่าง ส. กับจำเลยเป็นโมฆียะตาม ป.พ.พ. มาตรา 865 วรรคหนึ่ง จำเลยบอกล้างสัญญาประกันชีวิตเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2540 จึงเป็นการบอกล้างภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่จำเลยทราบมูลอันจะบอกล้างได้แล้ว