คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปรปักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 62 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4000/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ทางเป็นภาระจำยอมโดยอายุความต้องเป็นการใช้ในลักษณะปรปักษ์ มิใช่ด้วยความยินยอมหรือความสัมพันธ์ทางเครือญาติ
การใช้ทางที่จะเป็นทางภาระจำยอมโดยอายุความนั้น โจทก์ต้องได้ใช้ทางพิพาทในลักษณะปรปักษ์ต่อเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 เมื่อโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทเข้าออกสู่ทางสาธารณะโดยได้รับความยินยอมจาก พ. เจ้าของเดิม การที่โจทก์เอาหินกรวดมาทำถนนบนทางพิพาทเท่ากับเป็นการถือวิสาสะที่อาศัยความเกี่ยวพันในฐานะที่จำเลยจะเข้ามาเป็นเครือญาติของโจทก์เป็นสำคัญ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทในลักษณะปรปักษ์ต่อจำเลยตามมาตรา 1382 แม้โจทก์จะใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยมากว่า 10 ปี ทางพิพาทก็หาตกเป็นทางภาระจำยอมตาม ป.พ.พ. มาตรา 1401 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้ภารจำยอมต้องมีการใช้สิทธิโดยเปิดเผย ต่อเนื่อง และโดยปรปักษ์ หากเจ้าของที่ดินอนุญาตให้ใช้ ย่อมไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์
โรงเรียน ศ. ไม่มีรั้วล้อมรอบ ชาวบ้านกับโจทก์เดินผ่านสนามของโรงเรียนมานานถึง 40 ปีเศษ หากมีนักเรียนใช้สนามอยู่ก็จะเดินไปตามขอบสนามโดยไม่มีการทำไว้เป็นทางเดิน แต่การที่โจทก์และชาวบ้านเดินผ่านสนามได้เพราะเจ้าของโรงเรียนอนุญาตให้เดิน โจทก์จึงมิได้เดินอย่างปรปักษ์ ดังนั้น แม้โจทก์จะเดินผ่านทางดังกล่าวมานานถึง 40 ปีเศษ ก็ไม่ได้ภารจำยอม กรณีไม่อาจนับอายุความการเดินผ่านสนามไปต่อกับทางอื่นซึ่งโจทก์ใช้มาไม่ถึง 10 ปีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ทางในที่ดินของผู้อื่น: ไม่เป็นภาระจำยอมหรือสิทธิโดยปรปักษ์
สภาพของทางพิพาทผ่านที่สวนของจำเลยไปสิ้นสุดที่ที่ดินของโจทก์และเป็นทางตัน มีบ้านปลูกอยู่ปลายทางเพียง 2 หลัง คือบ้านของโจทก์และบ้านของผ. นอกจาก ผ.ใช้ทางพิพาทแล้วยังมีบุคคลภายนอกใช้ทางพิพาทด้วยเพราะเดินทางเข้าไปในสวน ไม่ปรากฏว่าสาธารณชนทั่วไปใช้ทางพิพาทแต่อย่างใด เส้นทางดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก ส.ได้ขายที่ดินให้จำเลยแล้ว และจำเลยได้ปลูกยางพาราและสวนมะพร้าว ต่อมา ส.ได้ปักเสาไฟฟ้าโดยได้รับอนุญาตจากจำเลย จึงเกิดเป็นถนนสายเล็ก ๆ ขึ้นโดยปริยายประมาณ 10 ปีเศษ ทางพิพาทจึงไม่ใช่ทางสาธารณะ หากแต่เป็นที่ดินของจำเลย ซึ่งโจทก์และบุคคลอื่นอาศัยสัญจรโดยการถือวิสาสะ หาเข้าลักษณะเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382 ไม่ ฉะนั้น แม้โจทก์จะใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยมากว่า 10 ปี ทางพิพาทก็ไม่ตกเป็นภาระจำยอมตามป.พ.พ.มาตรา 1401 แม้ ป.พ.พ.มาตรา 1389 จะบัญญัติให้ผู้มีสิทธิใช้ทางจำเป็นมีหน้าที่ต้องใช้ค่าทดแทนแก่ผู้เปิดทางให้ก็ตาม แต่ก็มิได้บังคับให้ใช้ค่าทดแทนก่อนจึงจะใช้สิทธิได้ ในทางตรงกันข้ามเจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่มีหน้าที่ต้องเปิดทางให้ผ่านและมีสิทธิเรียกค่าทดแทนเช่นเดียวกัน คดีนี้โจทก์ไม่ได้เสนอค่าทดแทนแก่จำเลยและจำเลยมิได้ฟ้องแย้งเรียกค่าทดแทนจากโจทก์ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะวินิจฉัยในเรื่องค่าทดแทนว่าควรจะเป็นจำนวนเท่าใด จำเลยชอบที่จะว่ากล่าวเอาแก่โจทก์ในเรื่องนี้เป็นคดีหนึ่งต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5003/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งสิทธิครอบครองที่ดินมรดก: การครอบครองปรปักษ์หลังเจ้ามรดกเสียชีวิต
พ.เจ้ามรดกมิได้ยกที่ดินพิพาทให้จำเลยตั้งแต่ก่อนตาย เมื่อ พ.ตาย ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์มรดกของ พ.และตกทอดแก่ทายาทตามกฎหมาย แต่โจทก์ฟ้องคดีโดยอ้างประเด็นแห่งคดีมาในคำฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของพ.ผู้ตาย โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ พ.ไม่สามารถขอรับโอนมรดกได้ เพราะจำเลยไปขอออก น.ส.3 ในชื่อจำเลยเสียก่อน ดังนี้ คดีจึงไม่มีประเด็นว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทหรือไม่
การที่โจทก์เพิ่งมาขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดกของ พ.เจ้ามรดกและฟ้องเป็นคดีนี้เพื่อเรียกที่ดินคืนจากจำเลยโดยอ้างว่าเป็นมรดกของ พ.หลังจาก พ.ตายนานถึง 8 ปีเศษ ทั้งการที่ที่ฝ่ายโจทก์เข้าไปเก็บมะพร้าวในที่ดินพิพาทโดยถือวิสาสะในฐานะญาติมากกว่าเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินพิพาท โดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตน เมื่อปรากฏว่าจำเลยเป็นฝ่ายยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทแต่ฝ่ายเดียวตั้งแต่ พ.ตายตลอดมาโดยมีเจตนาจะยึดถือเพื่อตนจนไปขอออก น.ส.3โดยโจทก์ไม่ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินพิพาทหรือโต้แย้งแต่ประการใด ดังนี้จำเลยย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1367 และ 1369

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3932/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมโดยอายุความ: การใช้ทางเกินขอบเขตที่จดทะเบียน ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์
แม้ตามคำฟ้องจะไม่ได้กล่าวถึงที่ดินโฉนดเลขที่ 11114 ถึง11117 รวม 4 โฉนด แต่โจทก์ก็ได้กล่าวในคำฟ้องว่า เมื่อปี 2511 จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 7496 ได้จดทะเบียนเป็นทางภาระจำยอมแก่ที่ดินของ ป. เพื่อให้รถบรรทุกเข้าออกจากโรงสีสู่ถนนสรรประศาสน์มากว่า 10 ปีป.ได้ทำทางภาระจำยอมเป็นถนนมีความกว้าง 5 ถึง 6 เมตร ต่อมาที่ดินโฉนดเลขที่ 7496 ได้ถูกแบ่งแยกออกเป็น 4 โฉนด โดยมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นผู้รับโอนมา ครั้นต่อมาเดือนพฤษภาคม 2531 จำเลยทั้งห้าร่วมกันปักเสาปูนเข้าไปในทาง ทำให้ทางแคบลงเหลือความกว้างเพียง 3 เมตร โจทก์ไม่สามารถนำรถบรรทุกขนข้าวเปลือกได้ จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าถอนเสาปูนออกไป ห้ามมิให้จำเลยทั้งห้ากระทำการใด ๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์ของภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 7496มีเนื้อที่ 2 ไร่ ต่อมาได้ทำการแบ่งเป็นแปลงย่อยอีก 4 แปลง คือแปลงโฉนดเลขที่ 11114 ถึง 11117 รวม 4 โฉนด และตกมาเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2ถึงที่ 5 คนละแปลง ส่วนโฉนดเดิมคงเหลือเนื้อที่ 91 ตารางวา โดยมีความกว้าง3 เมตร ยาว 125 เมตร และได้จดทะเบียนเป็นทางภาระจำยอมแก่ที่ดินของป. ทั้งตามคำขอของโจทก์ขอบังคับมิให้จำเลยทั้งห้ากระทำการใด ๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์ของภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ดังนี้ ตามคำฟ้องพอเข้าใจได้ว่าโจทก์มุ่งประสงค์ให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 11114 ถึง 11117 รวม 4 โฉนด ซึ่งถูกแบ่งแยกมาจากโฉนดเลขที่ 7496 และมีชื่อจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นเจ้าของตกเป็นทางภาระจำยอมโดยมีความกว้าง 5 ถึง 6 เมตร ยาว 125 เมตร ซึ่งมีความกว้างเกินกว่าที่จดทะเบียนไว้ 2 ถึง 3 เมตร ตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โดยอายุความด้วย
การได้สิทธิในทางภาระจำยอมโดยอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา 1401 ประกอบมาตรา 1382 นั้น จะต้องเป็นกรณีที่โจทก์ได้ใช้ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยทั้งห้าโดยปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดินเพื่อให้ได้ทางภาระจำยอมแต่การที่โจทก์ใช้ทางล้ำออกไปมากกว่าที่ได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินนั้นถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิโดยความยินยอมของเจ้าของที่ดินโดยปริยาย มิใช่เป็นการใช้สิทธิในทางพิพาทโดยการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อจำเลยทั้งห้า แม้โจทก์จะใช้ทางพิพาทมานานเพียงใด โจทก์ก็ไม่อาจอ้างว่าได้สิทธิภาระจำยอมในทางพิพาทตามบทกฎหมายดังกล่าว ประกอบกับโจทก์ใช้ทางพิพาทเป็นทางสำหรับรถบรรทุกขนาดเล็กและขนาดใหญ่บรรทุกข้าวจากโรงสีของโจทก์อันเป็นการใช้ทางพิพาทเพื่อประโยชน์แก่การค้าของโจทก์ มิใช่เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยตรง เมื่อจำเลยที่ 1 จดทะเบียนทางภาระจำยอมมีความกว้างเพียง 3 เมตรโจทก์จะใช้ทางพิพาทเพื่อประโยชน์แก่การค้าของโจทก์มากกว่า 3 เมตร ผิดไปจากที่จดทะเบียนไว้โดยจำเลยที่ 1 มิได้ยินยอมด้วยไม่ได้ อีกทั้งการที่จำเลยทั้งห้าร่วมกันปักเสาปูนลงในทางพิพาทด้านที่ติดกับที่ดินของโจทก์ ทำให้ทางภาระจำยอมเหลือความกว้างอยู่เพียง 3 เมตร นั้น แสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งห้ามิได้กระทำการใดอันเป็นเหตุให้ประโยชน์ของภาระจำยอมที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนไว้ลดหรือเสื่อมความสะดวกไป โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งห้ารื้อถอนเสาปูนที่ปักไว้และเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งห้าไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3932/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภารจำยอมโดยอายุความต้องเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์และเพื่อประโยชน์แก่การใช้สิทธิในทรัพย์สิน มิใช่เพื่อประโยชน์ทางการค้า
แม้ตามคำฟ้องจะไม่ได้กล่าวถึงที่ดินโฉนดเลขที่11114ถึง11117รวม4โฉนดแต่โจทก์ก็ได้กล่าวในคำฟ้องว่าเมื่อปี2511จำเลยที่1ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่7496ได้จดทะเบียนเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของป. เพื่อให้รถบรรทุกเข้าออกจากโรงสีสู่ถนนสรรประศาสน์มากว่า10ปีป. ได้ทำทางภารจำยอมเป็นถนนมีความกว้าง5ถึง6เมตรต่อมาที่ดินโฉนดเลขที่7496ได้ถูกแบ่งแยกออกเป็น4โฉนดโดยมีจำเลยที่2ถึงที่5เป็นผู้รับโอนมาครั้นต่อมาเดือนพฤษภาคม2531จำเลยทั้งห้าร่วมกันปักเสาปูนเข้าไปในทางทำให้ทางแคบลงเหลือความกว้างเพียง3เมตรโจทก์ไม่สามารถนำรถบรรทุกขนข้าวเปลือกได้จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าถอนเสาปูนออกไปห้ามมิให้จำเลยทั้งห้ากระทำการใดๆอันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์ของภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเดิมที่ดินโฉนดเลขที่7496มีเนื้อที่2ไร่ต่อมาได้ทำการแบ่งเป็นแปลงย่อยอีก4แปลงคือแปลงโฉนดเลขที่11114ถึง11117รวม4โฉนดและตกมาเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่2ถึงที่5คนละแปลงส่วนโฉนดเดิมคงเหลือเนื้อที่91ตารางวาโดยมีความกว้าง3เมตรยาว125เมตรและได้จดทะเบียนเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของป. ทั้งตามคำขอของโจทก์ขอบังคับมิให้จำเลยทั้งห้ากระทำการใดๆอันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์ของภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกดังนี้ตามคำฟ้องพอเข้าใจได้ว่าโจทก์มุ่งประสงค์ให้ที่ดินโฉนดเลขที่11114ถึง11117รวม4โฉนดซึ่งถูกแบ่งแยกมาจากโฉนดเลขที่7496และมีชื่อจำเลยที่2ถึงที่4เป็นเจ้าของตกเป็นทางภารจำยอมโดยมีความกว้าง5ถึง6เมตรยาว125เมตรซึ่งมีความกว้างเกินกว่าที่จดทะเบียนไว้2ถึง3เมตรตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โดยอายุความด้วย การได้สิทธิในทางภารจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1401ประกอบมาตรา1382นั้นจะต้องเป็นกรณีที่โจทก์ได้ใช้ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยทั้งห้าโดยปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดินเพื่อให้ได้ทางภารจำยอมแต่การที่โจทก์ใช้ทางล้ำออกไปมากกว่าที่ได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินนั้นถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิโดยความยินยอมของเจ้าของที่ดินโดยปริยายมิใช่เป็นการใช้สิทธิในทางพิพาทโดยการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อจำเลยทั้งห้าแม้โจทก์จะใช้ทางพิพาทมานานเพียงใดโจทก์ก็ไม่อาจอ้างว่าได้สิทธิภารจำยอมในทางพิพาทตามบทกฎหมายดังกล่าวประกอบกับโจทก์ใช้ทางพิพาทเป็นทางสำหรับรถบรรทุกขนาดเล็กและขนาดใหญ่บรรทุกข้าวจากโรงสีของโจทก์อันเป็นการใช้ทางพิพาทเพื่อประโยชน์แก่การค้าของโจทก์มิใช่เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยตรงเมื่อจำเลยที่1จดทะเบียนภารจำยอมมีความกว้างเพียง3เมตรโจทก์จะใช้ทางพิพาทเพื่อประโยชน์แก่การค้าของโจทก์มากกว่า3เมตรผิดไปจากที่จดทะเบียนไว้โดยจำเลยที่1มิได้ยินยอมด้วยไม่ได้อีกทั้งการที่จำเลยทั้งห้าร่วมกันปักเสาปูนลงในทางพิพาทด้านที่ติดกับที่ดินของโจทก์ทำให้ทางภารจำยอมเหลือความกว้างอยู่เพียง3เมตรนั้นแสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งห้ามิได้กระทำการใดอันเป็นเหตุให้ประโยชน์ของภารจำยอมที่จำเลยที่1จดทะเบียนไว้ลดหรือเสื่อมความสะดวกไปโจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งห้ารื้อถอนเสาปูนที่ปักไว้และเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งห้าไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2538/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม: การใช้ทางร่วมในครอบครัวไม่ก่อให้เกิดสิทธิปรปักษ์ แม้ใช้ทางต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี
การใช้ทางพิพาทของ ส. ผ่านที่ดินของ ถ. ซึ่งเป็นภรรยาเป็นการใช้ในลักษณะที่อาศัยความสัมพันธ์ในครอบครัว ถ. ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านเป็นการยินยอมให้ ส. ใช้ทางพิพาทโดยปริยายการใช้ทางพิพาทของ ส. ไม่มีลักษณะเป็นการ ปรปักษ์อันจะได้สิทธิภารจำยอมไม่ว่าจะใช้ทางพิพาทมานานเท่าใดก็ไม่เกิดสิทธิภารจำยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2327/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมโดยการครอบครองปรปักษ์: การใช้ทางผ่านในที่ดินของผู้อื่นเป็นระยะเวลานาน
โจทก์ใช้เส้นทางพิพาทในที่ดินของจำเลยเป็นทางผ่านไปมาระหว่างบ้านของโจทก์และที่นาของโจทก์ในช่วงฤดูทำนาปีละ 2 ช่วง คือ เพื่อไถหว่านข้าว และปลูกข้าว ก่อนที่จำเลยจะปลูกข้าวในที่พิพาทช่วงหนึ่ง และเพื่อเก็บเกี่ยวขนข้าวในนากลับบ้าน หลังจากจำเลยเก็บเกี่ยวข้าวในนาของจำเลยแปลงที่ทางพิพาทพาดผ่านเสร็จแล้วอีกช่วงหนึ่ง และปฏิบัติเช่นนี้มาเกินกว่าสิบปีโดยลักษณะที่เป็นปรปักษ์ต่อสิทธิของจำเลย ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6055/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินโดยอาศัยสิทธิผู้อื่น ไม่ถือเป็นการครอบครองปรปักษ์ แม้ครอบครองนานก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์
เข้าครอบครองที่ดินโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่อนุญาตให้เข้าไปไม่เป็นการครอบครองโดยมีเจตนาจะเป็นเจ้าของที่ดินหากแต่เป็นการครอบครองแทนเจ้าของเท่านั้น แม้จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ ต่อมาเจ้าของขายที่ดินให้แก่ผู้อื่น การครอบครองต่อมาก็เป็นการครอบครองแทนเจ้าของคนใหม่จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5082/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งภารจำยอมโดยการใช้สิทธิโดยปรปักษ์ต้องมีเจตนาให้เป็นภารจำยอม การใช้เพียงเพื่อความคุ้นเคยหรือเข้าใจผิดไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์
การจะได้สิทธิในทางพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1401ต้องเป็นการใช้โดยความสงบโดยเปิดเผยด้วยเจตนาให้ทางพิพาทนั้นตกเป็นภารจำยอมติดต่อกันเกินกว่า10ปีบิดามารดาโจทก์และโจทก์ถือวิสาสะใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยมาก่อนเพราะนับถือกันเหมือนญาติและโจทก์เองได้ใช้ทางพิพาทต่อมาเพราะเข้าใจว่าเป็นทางสาธารณะถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้สิทธิผ่านทางพิพาทโดยปรปักษ์แม้จะใช้มาเกินกว่า10ปีทางพิพาทก็ไม่ตกเป็นภารจำยอมตามกฎหมายเมื่อจำเลยไม่ประสงค์จะให้ใช้ทางต่อไปจึงมีสิทธิทำรั้วปิดกั้นทางพิพาทได้ไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์
of 7