คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประกอบโรคศิลปะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4978/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยมิได้รับอนุญาตและการทำให้แท้งลูกเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลต้องลงโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะฯ กับความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอมตามประมวลกฎหมายอาญา มีลักษณะแห่งการกระทำความผิดแตกต่างกัน ทั้งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดไว้คนละฉบับ การกระทำความผิดของจำเลยในความผิดฐานดังกล่าวจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4978/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ขึ้นทะเบียน และทำให้แท้งลูกเป็นความผิดต่างกรรมกัน
ความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ. การประกอบโรคศิลปะ ฯ กับความผิดฐานทำให้แท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอมตามประมวลกฎหมายอาญา มีลักษณะแห่งการกระทำความผิดแตกต่างกัน โดยการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. การประกอบโรคศิลปะ ฯ ต้องเป็นการประกอบวิชาชีพ... แต่มิได้ขึ้นทะเบียนและไม่ได้รับใบอนุญาต ส่วนการกระทำความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอมเป็นการกระทำโดยเจตนาทำให้หญิงแท้งลูก ทั้งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดไว้คนละฉบับ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6444/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาเกี่ยวกับความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยกฎหมายที่ถูกยกเลิกแล้ว ศาลฎีกายกฟ้องในส่วนดังกล่าว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานประกอบโรคศิลปะ สาขาเวชกรรม โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 มาตรา 11 ซึ่งความผิดดังกล่าวมีบัญญัติไว้แล้วใน พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2511 มาตรา 21 จึงถือว่าความผิดตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 ในส่วนที่เกี่ยวกับสาขาเวชกรรมถูกยกเลิกโดย พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2511 เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2544 เวลากลางวัน จำเลยได้กระทำความผิดฐานประกอบโรคศิลปะ สาขาเวชกรรม โดยไม่ได้รับใบอนุญาต และขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 มาตรา 4 , 11 , 21 ที่แก้ไขแล้ว เท่ากับเป็นการขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายที่ถูกยกเลิกแล้ว ซึ่งมีผลเท่ากับโจทก์ไม่ได้อ้างกฎหมายอันใดมาเลย ไม่ใช่เรื่องอ้างกฎหมายผิด ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 ไม่ได้ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8299/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้รับอนุญาต และการแสดงตนเท็จว่าเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ เป็นกรรมเดียวผิดหลายบท
การที่จำเลยซึ่งมิได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะนำใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะของบุคคลอื่น และหนังสือรับรองของโรงพยาบาลซึ่งรับรองว่าจำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่พยาบาลมาแสดงเพื่อให้บุคคลอื่นและประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะ โดยกระทำการตรวจโรค วินิจฉัยโรค และบำบัดโรคให้แก่ประชาชนตาม พ.ร.บ. การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 มาตรา 30, 57 เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียว คือ เพื่อจะทำการประกอบโรคศิลปะเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตาม ป.อ. มาตรา 90
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานทำการประกอบโรคศิลปะอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำคุก 6 เดือน ฐานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะ จำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 2 ปี 10 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 5 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เป็นว่าความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตและความผิดฐานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่า ตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต เป็นกรรมเดียวให้ลงโทษตามความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดให้จำคุก 6 เดือน รวมจำเลยจำคุก 1 ปี 3 เดือน เป็นกรณีแก้ไขเล็กน้อยและยังคงจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8299/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้รับอนุญาต และการแสดงตนเป็นผู้มีสิทธิฯ เป็นกรรมเดียว
การที่จำเลยซึ่งมิได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะนำใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะของบุคคลอื่นและหนังสือรับรองของโรงพยาบาล ส. ซึ่งรับรองว่าจำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่พยาบาลมาแสดงเพื่อให้บุคคลอื่นและประชาชนทั่วไป เข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะ โดยกระทำการตรวจโรค วินิจฉัยโรค และบำบัดโรคให้แก่ประชาชน การกระทำดังกล่าวนี้เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียวคือเพื่อจะทำการประกอบโรคศิลปะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กฎหมายเวชกรรม: พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม 2511 ยกเลิก พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะเดิม
พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ ฯ ในส่วนที่เกี่ยวกับเวชกรรม ได้ถูกยกเลิกโดย พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2511 แล้ว ดังนั้นที่ศาลล่างพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ ฯ ตามคำขอของโจทก์จึงไม่ถูกต้องปัญหานี้แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคิดหักค่าใช้จ่ายเงินได้ออกจากงาน และประเภทเงินได้จากการประกอบโรคศิลปะ/ธุรกิจ
การคิดหักค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้พึงประเมินซึ่งเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานนั้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 42 ทวิ วรรคสาม บัญญัติว่าจะต้องเป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด ดังนั้น การที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดระเบียบโดยวิธีแยกเงินได้ซึ่งนายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวออกเป็นสองประเภทตาม ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรว่าด้วยภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 2) เรื่องกำหนดระเบียบการคำนวณเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ฯ จึงชอบด้วยเหตุผลแล้ว เพราะวิธีคำนวณหรือจ่ายเงินได้ไม่เหมือนกัน
เงินได้ของโจทก์ที่ได้รับจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ฯ เป็นรายเดือนอันเป็นค่าตอบแทนที่โจทก์ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำในการรักษาผู้ป่วยซึ่งเป็นพนักงานและลูกจ้าง ณ สถานพยาบาลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ฯ นั้นเป็นเงินได้ที่เข้าลักษณะเป็นเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือการรับทำงานให้ ไม่ว่าหน้าที่หรือตำแหน่งงานหรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นการประจำหรือชั่วคราว ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (2) จึงเป็นเงินได้พึงประเมินที่ให้หักค่าใช้จ่ายตามมาตรา 42 ทวิ วรรคหนึ่ง (ความในวรรคนี้วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2526)
เงินได้จากคลีนิคซึ่งโจทก์เป็นเจ้าของและดำเนินการรับรักษาผู้ป่วยแต่เพียงผู้เดียว ถือเป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระ การประกอบโรคศิลปะ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(6) หาใช่เป็นเงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ ตามมาตรา 40(8) ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยมิได้รับอนุญาตภายหลังกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ ศาลไม่อาจลงโทษตามกฎหมายเดิม
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2512 จำเลยซึ่งไม่มีความรู้ในวิชาชีพที่จะประกอบโรคศิลปะทุกสาขา ได้บังอาจประกอบโรคศิลปะในสาขาเวชกรรม โดยรับจ้างรักษาโรคทั่วไป และฉีดยาให้แก่บุคคลทั่วไปทั้งนี้ โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะจากคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะพ.ศ.2479 มาตรา 11, 21 ตามที่มีแก้ไข ข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องแต่เวลาที่จำเลยกระทำผิด พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะในส่วนที่เกี่ยวกับเวชกรรมได้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรมพ.ศ.2511 แล้ว ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะตามที่โจทก์ขอมาท้ายฟ้องหาได้ไม่ และจะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรค 4 มาปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรมพ.ศ.2511 หาได้ไม่ เพราะการที่โจทก์อ้างกฎหมายที่ยกเลิกแล้วมาขอให้ลงโทษจำเลยนั้น เท่ากับไม่ได้อ้างกฎหมายอันใดมาเลยจึงไม่ใช่เรื่องอ้างฐานความผิดหรือบทกฎหมายผิด
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2516)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความไม่ชัดเจนในการบรรยายฟ้องข้อหาประกอบโรคศิลปะเวชกรรม ทำให้ฟ้องไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ 2479 แก้ไขโดย พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 5) 2490 มาตรา 3 แสดงว่า ในการประกอบโรคศิลปะสาขาเวชชกรรมนั้น มีการกระทำซึ่งเป็นข้อเท็จจริงต่างกันและแยกกันหลายประการ เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจประกอบโรคศิลปะสาขาเวชชกรรม มิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้เห็นว่า จำเลยได้กระทำการอย่างไรอันเป็นการประกอบโรคศิลปะสาขาเวชชกรรม จึงไม่ชัดเจนพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้จะบรรยายว่าจับได้ยาต่าง ๆ หลายอย่างรวมทั้งเข็มและหลอดฉีดยา เลื่อยตัด ก็ไม่อาจทำให้เข้าใจได้ว่าการกระทำผิดของจำเลยได้กระทำการอย่างไร จึงเป็นฟ้องไม่ถูกต้องตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความไม่ชัดเจนในการบรรยายฟ้องการประกอบโรคศิลปะสาขาเวชกรรม ทำให้ฟ้องไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ 2479แก้ไขโดยพ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 5)2490มาตรา 3แสดงว่า ในการประกอบโรคศิลปะสาขาเวชกรรมนั้นมีการกระทำซึ่งเป็นข้อเท็จจริงต่างกันและแยกกันหลายประการเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้บังอาจประกอบโรคศิลปะสาขาเวชกรรมมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้เห็นว่า จำเลยได้กระทำการอย่างไรอันเป็นการประกอบโรคศิลปะสาขาเวชกรรมจึงไม่ชัดเจนพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแม้จะบรรยายว่าจับได้ยาต่างๆหลายอย่างรวมทั้งเข็มและหลอดฉีดยา เลื่อยตัดก็ไม่อาจทำให้เข้าใจได้ว่าการกระทำผิดของจำเลยได้กระทำการอย่างไร จึงเป็นฟ้องไม่ถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
of 2