พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7256/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ยื่นคำร้องขออุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา แต่จำเลยคัดค้านคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาของโจทก์ กรณีจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้และรับอุทธรณ์โจทก์ส่งไปให้ศาลฎีกาจึงเป็นการขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่อาจจะวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ได้และให้ศาลชั้นต้นสั่งอุทธรณ์ของโจทก์ใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4885/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาเมื่อจำเลยคัดค้าน ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่อจำเลยคัดค้านคำร้องขอของโจทก์ที่ขออนุญาตอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกากรณีจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา223ทวิที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตจึงเป็นการขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลและการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเกี่ยวกับสถานที่ฟ้องคดีมรดก
คำฟ้องของโจทก์เพียงแต่ขอให้บังคับจำเลยไปถอนคำคัดค้านการขอโอนมรดกที่โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองปราจีนบุรีเท่านั้น มิได้บ่งถึงการที่จะบังคับแก่ตัวทรัพย์คือที่ดิน จึงไม่ใช่คำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิหรือประโยชน์ใด ๆอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้น โจทก์จะฟ้องต่อศาลที่อสังหาริมทรัพย์ตั้งอยู่ในเขต ตามประมวล-กฎหมายวีธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (1) เดิม หาได้ไม่ ต้องฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาแต่เนื่องจากขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งใช้บังคับแล้วแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 4 (1) บัญญัติว่าคำฟ้อง ให้เสนอต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล หรือต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลไม่ว่าจำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักรหรือไม่ เช่นนี้จึงทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรีซึ่งเป็นศาลที่มูลคดีเกิดได้ด้วย ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรให้ศาลจังหวัด-ปราจีนบุรีรับคดีของโจทก์ไว้พิจารณาได้
อนึ่ง ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 151 วรรคแรก กำหนดให้ศาลสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมด ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องโดยยังมิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งดดีดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับจึงเป็นการไม่ถูกต้อง แต่เมื่อศาลฎีกาสั่งให้รับคำฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาแล้ว จึงไม่ต้องสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์อีก
อนึ่ง ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 151 วรรคแรก กำหนดให้ศาลสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมด ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องโดยยังมิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งดดีดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับจึงเป็นการไม่ถูกต้อง แต่เมื่อศาลฎีกาสั่งให้รับคำฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาแล้ว จึงไม่ต้องสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษาในคดีล้มละลาย ศาลไม่อาจใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หากมีวิธีพิจารณาเฉพาะใน พ.ร.บ.ล้มละลาย
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ได้บัญญัติวิธีการชั่วคราวไว้โดยเฉพาะแล้วคือการพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 17 ซึ่งจะขอได้ก็แต่ในกรณีก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเท่านั้น ดังนั้น ในกรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์จะขอให้ศาลอุทธรณ์ยึดทรัพย์ของจำเลยก่อนพิพากษาโดยนำบทบัญญัติว่าด้วยการยึดทรัพย์ของจำเลยก่อนพิพากษาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3408/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 กรณีจำเลยไม่มาศาลและศาลไม่สั่งขาดนัด
การที่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ทั้งที่จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 ดังนั้นการที่ศาลมีคำสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งต่อไป และมีคำพิพากษาคดีนี้มา จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการพิจารณา และปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในเรื่องนี้ไว้ จำเลยก็มีสิทธิยกปัญหานี้ขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3578/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ในชั้นบังคับคดี: ทุนทรัพย์และข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การพิจารณาถึงสิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกาไม่ว่าจะเป็นการอุทธรณ์หรือฎีกาในชั้นไหน ต้องถือตามทุนทรัพย์ในคดีเดิม และต้องพิจารณาตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะมีการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา เมื่อทุนทรัพย์ตามคดีเดิมไม่เกินสองหมื่นบาท ในชั้นบังคับคดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์หลังการขายทอดตลาด: กำหนดระยะเวลา 14 วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2519 ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2520 อันเป็นวันภายหลังจากสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับจากวันขายทอดตลาดแล้ว ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคสาม ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่ตามคำสั่งศาล ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน/อาญา
เจ้าพนักงานที่ดินผู้ไปทำแผนที่พิพาทตามคำสั่งศาลในคดีแพ่ง ไม่ใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 67 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพราะมิได้เป็นผู้ปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายที่ดินตามความในมาตรา 1 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และไม่ใช่เจ้าพนักงานของศาลหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจปฏิบัติการตามหน้าที่เพื่อเป็นหลักฐานในการยึดอายัดหรือรักษาสิ่งใด ๆ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 141
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 937/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายเล็กน้อยถึงบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254
บาดแผลที่จำเลยทำร้ายมี 2 แห่ง แห่ง 1. ริมฝีปากบนข้างขวา 2. หางตาซ้ายด้านล่างถูกของแข็งไม่มีคม 2 แห่ง แผลที่ 1 ฟันโยก มีโลหิตออกภายนอกเล็กน้อยแผลที่ 2 บวมเขียวซ้ำ รักษาประมาณ 7 วันหาย ดังนี้เป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.254 ( อ้างฎีกาที่ 22/2475 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ตั๋วปลอมและการจำหน่ายโดยเจตนา การมีความผิดตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา
ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 218 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดบังอาจใช้ตั๋วอย่างใดๆ เช่นว่าในมาตรา 217 ที่มันรู้อยู่ว่าเป็นตั๋วปลอมแปลงก็ดี หรือปรากฎว่ามันมีตั๋วปลอมแปลงเช่นนั้นไว้โดยเจตนาที่จะใช้ก็ดี ท่านว่ามันมีความผิด" นั้นย่อมหมายความถึงทุกคนที่บังอาจใช้ตั๋วปลอมแปลงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 217 โดยไม่จำกัดบุคคลว่าจะต้องไม่ใช่ลูกจ้างของนายจ้างหรือไม่ ก็ย่อมมีความผิดทั้งนั้น และคำว่าใช้นั้น หมายความรวมตลอดถึงการจำหน่ายด้วย
คนขายตั๋วเก็บค่าโดยสารรถยนต์โดยสารทั่วไปของบริษัท ๆ หนึ่งบังอาจมีและใช้ตั๋วรถยนต์โดยสารปลอม โดยนำมาใช้จำหน่ายแก่ผู้โดยสาร โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นตั๋วปลอมนั้น คนขายตั๋วย่อมมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 218
คนขายตั๋วเก็บค่าโดยสารรถยนต์โดยสารทั่วไปของบริษัท ๆ หนึ่งบังอาจมีและใช้ตั๋วรถยนต์โดยสารปลอม โดยนำมาใช้จำหน่ายแก่ผู้โดยสาร โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นตั๋วปลอมนั้น คนขายตั๋วย่อมมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 218