คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปริมาณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 96 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2924/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยในคดียาเสพติดประเภท 2 (โคคาอีน) ต้องพิจารณาปริมาณสารบริสุทธิ์เพื่อใช้บทลงโทษที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้ใดจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 17 ต้องถูกลงโทษตามมาตรา 69 วรรคสอง ยกเว้นยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 เฉพาะมอร์ฟีน ฝิ่น หรือโคคาอีน ต้องถูกลงโทษตามมาตรา 69 วรรคสาม เมื่อโจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีโคคาอีนจำนวน 3 ซอง น้ำหนัก 2.36 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้ไม่ปรากฏว่ามีการคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใดก็ตาม แต่ต้องถือว่าโคคาอีนของกลางมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกินหนึ่งร้อยกรัม จึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 69 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4647/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายและการพิจารณาโทษรอการลงโทษ ศาลฎีกาแก้เป็นไม่รอการลงโทษเนื่องจากปริมาณยาเสพติดไม่น้อย
จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 20 เม็ด ซึ่งมิใช่จำนวนเล็กน้อย ศาลฎีกาจึงไม่เห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ภาค 7 ที่รอการลงโทษให้แก่จำเลย แม้โจทก์จะมิได้ฎีกาโดยตรงว่าไม่สมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลยก็ตาม แต่การที่โจทก์ฎีกาว่าการกระทำความผิดของจำเลยเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ฎีกาในทำนองขอให้เพิ่มเติมโทษแก่จำเลยแล้ว ศาลฎีกาจึงชอบที่จะพิพากษาแก้เป็นไม่รอการลงโทษให้จำเลยได้ ไม่เป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยอันจะต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4215/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความบทลงโทษ พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ มาตรา 69 วรรคสาม กรณีปริมาณฝิ่นไม่เกิน 100 กรัม
การมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายซึ่งฝิ่นอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 แม้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องหรือนำสืบว่ามีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้จำนวนเท่าใดก็ต้องปรับบทลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 วรรคสาม เนื่องจากบทบัญญัติในมาตรา 69 วรรคสาม เป็นบทลงโทษที่ขยายความมาจากบทบัญญัติในมาตรา 69 วรรคสอง โดยแยกความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 เฉพาะมอร์ฟีน ฝิ่น หรือโคคาอีน ที่มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกินหนึ่งร้อยกรัม ต้องลงโทษตามวรรคสาม แต่หากเป็นกรณีมอร์ฟีน ฝิ่น หรือโคคาอีน ที่มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินกว่าหนึ่งร้อยกรัมขึ้นไป ต้องลงโทษตามวรรคสี่ ดังนั้น การจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 เฉพาะมอร์ฟีน ฝิ่น หรือโคคาอีน จึงต้องได้รับโทษตามมาตรา 69 วรรคสาม หรือวรรคสี่ แล้วแต่กรณี
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2548)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4849/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปริมาณยาเสพติดกับข้อสันนิษฐานการมีไว้เพื่อจำหน่าย: โจทก์ต้องพิสูจน์เจตนา แม้ปริมาณต่ำกว่าเกณฑ์
ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) ฯ มาตรา 15 วรรคสาม ได้กำหนดข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาดของกฎหมายว่าผู้ที่ครอบครองยาเสพติดให้โทษเกินปริมาณที่กำหนดไว้ให้ถือว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย หาได้มีความหมายในทางกลับกันว่าผู้ที่มียาเสพติดให้โทษในปริมาณที่ต่ำกว่าข้อสันนิษฐานแล้วจะฟังว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ได้แต่ประการใด โดยโจทก์มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ความผิดให้ศาลเชื่อได้ว่ามีไว้ในครอบครองนั้นเพื่อจำหน่าย โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 9 เม็ด จำเลยให้การรับสารภาพ โจทก์สืบพยานประกอบคำให้การรับสารภาพว่าจำเลยมีพฤติการณ์จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจริง การที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้องโจทก์จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3555/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์เจตนา 'มีไว้เพื่อจำหน่าย' ยาเสพติด โจทก์ต้องพิสูจน์ชัดเจน ไม่สามารถสันนิษฐานจากปริมาณได้
การที่จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีน 101 เม็ด แล้วจะสันนิษฐานว่าจำเลยที่ 1 มีไว้เพื่อจำหน่ายนั้น ย่อมเป็นข้อสันนิษฐานอันเป็นผลร้ายกับจำเลยที่ 1 โจทก์มีภาระการพิสูจน์ให้ได้ความแจ้งชัดโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคสอง เดิม บัญญัติว่า "การมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไป ให้ถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย" ซึ่งตามฟ้องโจทก์ก็ได้ความว่าเมทแอมเฟตามีน 101 เม็ดดังกล่าวมีน้ำหนัก 9.019 กรัม เท่านั้น จึงไม่เข้าข้อสันนิษฐานของบทบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อสันนิษฐานการครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: ปริมาณเกิน 10 กก. ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
ข้อสันนิษฐานของมาตรา 26 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่ให้ถือว่า ถ้ามีกัญชาไว้ในครอบครองปริมาณตั้งแต่สิบกิโลกรัมขึ้นไป ให้ถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มิได้หมายความว่า ถ้ามีไว้ในครอบครองปริมาณไม่ถึงสิบกิโลกรัม แม้จะจำหน่ายก็จะถือว่ามีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1811/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดียาเสพติดต้องพิจารณาปริมาณสารบริสุทธิ์ หากต่ำกว่าเกณฑ์กฎหมาย โจทก์ต้องพิสูจน์เจตนา
บทบัญญัติมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯหมายความว่า บุคคลที่มียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเมื่อคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไป ให้ถือว่าบุคคลนั้นมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาดตามกฎหมายโดยโจทก์ไม่ต้องนำสืบว่าบุคคลนั้นมีเจตนามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ถ้ามีไว้ในครอบครองคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ไม่ถึงยี่สิบกรัม โจทก์ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายถ้าโจทก์นำสืบไม่ได้จะฟังว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่ คงฟังได้เพียงว่ามีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
คำฟ้องระบุว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักรวมเพียง5.76 กรัม เห็นได้ชัดแจ้งว่าคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ไม่ถึงยี่สิบกรัมและโจทก์ก็มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพราะมีเมทแอมเฟตามีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไป จึงหาต้องคำนวณและระบุจำนวนสารบริสุทธิ์มาในคำฟ้องและรายงานผลการตรวจพิสูจน์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5282/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: โทษฐานครอบครองเมื่อปริมาณไม่ถึงเกณฑ์ 'เพื่อจำหน่าย' ศาลต้องพิสูจน์การกระทำผิดจริง
ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่งกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต ดังนั้น แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 วรรคหนึ่ง เว้นแต่ของกลางจะมีจำนวนตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่ให้ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย เมื่อของกลางในคดีนี้คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้หนัก 11.4 กรัม ไม่ถึง 20 กรัม ไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสองโจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความจริงตามหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น
จากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอก ว. ได้ความว่า ที่ตั้งข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เนื่องจากของกลางมีจำนวนมากเท่านั้น ไม่มีพฤติการณ์อื่นใดอีก เช่น มีการล่อซื้อหรือมีพยานยืนยันว่าเคยซื้อหรือเคยล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยทั้งสาม ตามทางนำสืบโจทก์จึงรับฟังได้แต่เพียงว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเท่านั้น แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาเรื่องนี้ขึ้นมาโดยตรง และจำเลยที่ 3 ฎีกาแต่เฉพาะขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3สถานเบา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้และเมื่อฟังว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง ซึ่งศาลฎีกาจะต้องกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม จึงไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่าสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 3 อีกหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติด การระบุประเภทและปริมาณยาเสพติด และการพิจารณาความผิดกรรมเดียว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 จำนวน 2 เม็ดน้ำหนักเมทแอมเฟตามีน 0.17 กรัม ไว้ในครอบครองของจำเลยเพื่อจำหน่าย และจำเลยจำหน่ายขายเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายดังกล่าวให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อในราคา200 บาท อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ขอให้ศาลลงโทษจำเลยในข้อหาจำหน่ายและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นการบรรยายฟ้องถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่าง ๆดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 158(5) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วส่วนเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เป็นสารบริสุทธิ์จะมีน้ำหนักเท่าใดเป็นเรื่องที่จะนำสืบในชั้นพิจารณาเพื่อประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลเท่านั้น ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 135(พ.ศ. 2539) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เป็นประกาศชื่อและประเภทของยาเสพติดให้โทษซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษว่ายาเสพติดให้โทษชื่อใด อยู่ในประเภทใดของยาเสพติดที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ซึ่งยาเสพติดให้โทษแต่ละประเภทมีความร้ายแรงและมีบทกำหนดโทษที่แตกต่างกันและไม่เท่ากันดังนี้ ชื่อและประเภทของยาเสพติดจึงเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย คำฟ้องของโจทก์ในข้อ ก. กล่าวว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 135(พ.ศ. 2539) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษ ตามบัญชีท้ายประกาศดังกล่าวซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและจำเลยได้ทราบประกาศนี้แล้ว กับกล่าวในฟ้องข้อ ข. ว่า จำเลยมีพืชกระท่อม อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 135(พ.ศ. 2539)เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษ ตามบัญชีท้ายประกาศดังกล่าว ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและจำเลยได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้ว จึงเป็นการบรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดและเป็นการยืนยันว่าจำเลยทราบประกาศดังกล่าวแล้ว แม้โจทก์จะไม่แนบประกาศดังกล่าวมาพร้อมคำฟ้อง และส่งประกาศดังกล่าวในการสืบพยานของโจทก์ ก็หาทำให้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับนั้นไปทั้งหมดในคราวเดียวกัน ไม่มีเมทแอมเฟตามีนเหลืออยู่ที่จำเลยอีกการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีเกี่ยวกับยาเสพติด: การพิจารณาปริมาณ, เจตนา, และคำรับสารภาพของผู้ต้องหา
โจทก์ฟ้องจำเลยให้การรับสารภาพ และคดีนี้มีอัตราโทษอย่างต่ำให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่าง และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง แต่จำเลยย่อมฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ มาตรา 15 วรรคสอง บัญญัติว่า "การผลิต นำเข้าส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณ เป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไป ให้ถือว่าผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย" จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน50 เม็ด น้ำหนักรวม 4.12 กรัม จำเลยจึงน่าจะมีความผิดเพียงฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้นได้
ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง ในปริมาณซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ 20กรัม ขึ้นไป เป็นปริมาณที่มาก จนกระทั่งกฎหมายเห็นว่า การผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองในปริมาณดังกล่าวผู้กระทำน่าจะมีเจตนามิใช่เพื่อการใช้อย่างปกติทั่วไปคือเพื่อเสพ แต่น่าจะมีเจตนาพิเศษคือเพื่อจำหน่าย กฎหมายจึงสันนิษฐานโดยให้ถือว่าการกระทำในปริมาณดังกล่าวเป็นการกระทำโดยมีเจตนาเพื่อจำหน่าย
แม้จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในความครอบครองเพียง 4.12กรัม ทั้งมิได้คำนวณเป็นปริมาณสารบริสุทธิ์ จะไม่เข้าข้อสันนิษฐานของบทกฎหมายที่ว่าจำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายก็ตาม แต่ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นเพราะจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนมากถึง 50 เม็ด และมีพฤติการณ์ว่าน่าจะมีไว้เพื่อจำหน่าย ในชั้นสอบสวนเมื่อพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาจำเลยเพิ่มเติมว่ามียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำเลยให้การรับสารภาพ และในชั้นพิจารณาของศาลจำเลยก็ให้การรับสารภาพเช่นเดิมอีก เมื่อศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วเชื่อว่าจำเลยมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจริง จึงได้ลงโทษตามพยานหลักฐานที่พิจารณาได้ความเช่นนี้ ศาลล่างทั้งสองหาได้ลงโทษโดยนำข้อสันนิษฐานของกฎหมายมาปรับใช้ไม่ ดังนี้ คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองจึงชอบแล้ว
of 10