พบผลลัพธ์ทั้งหมด 37 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 325/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีปิดกั้นทางสาธารณะ ศาลอุทธรณ์ชอบที่ให้สืบพยานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง
คดีนี้โจทก์ทั้งสามฟ้องจำเลยทั้งสองว่าปิดกั้นทางสาธารณะซึ่งอยู่ระหว่างที่ดินโจทก์ทั้งสามและจำเลยทั้งสอง มีความกว้าง 3 เมตร เหลือเพียง 1.50 เมตร ทำให้โจทก์ทั้งสามและชาวบ้านใช้ทางสาธารณะไม่ได้หรือไม่สะดวก ขอให้เลิกปิดกั้น จำเลยทั้งสองให้การว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ทางสาธารณะแต่เป็นที่ดินของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองอนุญาตให้โจทก์และชาวบ้านใช้เดินผ่านเป็นครั้งคราว เช่นนี้มีประเด็นพิพาทเป็นข้อสำคัญว่ามีทางสาธารณะตามฟ้องและจำเลยทั้งสองทำการปิดกั้นจริงหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นเพียงแต่สอบถามคู่ความและโจทก์ทั้งสองแถลงรับว่า ทางพิพาทในปัจจุบันเหลือเพียงกว้าง 1.50 เมตร โดยเดินเท้าหรือรถจักรยานยนต์ผ่านได้ ศาลชั้นต้นก็สั่งงดสืบพยานโจทก์ทั้งสามและพยานจำเลยทั้งสอง แล้วพิพากษายกฟ้องโดยไม่พิจารณาให้ได้ความตามประเด็นข้อพิพาทให้ถูกต้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยตามประเด็นข้อพิพาทแล้วพิพากษาใหม่จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7221/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิภารจำยอม: ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาเมื่อถูกปิดกั้นทางเข้าออก
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนกำแพงพิพาทซึ่งจำเลยได้ก่อสร้างปิดทางภารจำยอมอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ในการใช้ทางภารจำยอมเข้าสู่ที่ดินของโจทก์ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยให้จำเลยรื้อถอนกำแพงพิพาทออกไปก่อน เพื่อโจทก์จะได้ใช้ทางภารจำยอมได้นั้น จึงเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งในอันที่จะบรรเทาความเดือดร้อนที่โจทก์ได้รับเนื่องจากการกระทำของจำเลยที่ถูกฟ้องร้องดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2) กรณีตามคำร้องมีเหตุที่โจทก์จะขอให้ศาลมีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ได้ และเมื่อคดีปรากฏว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินภารยทรัพย์ได้ก่อสร้างกำแพงปิดทางภารจำยอม ทำให้โจทก์ไม่สามารถผ่านเข้าออกที่ดินของโจทก์ซึ่งเป็นสามยทรัพย์ได้โดยสะดวก เช่นนี้กรณีมีเหตุสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองที่โจทก์ขอมาใช้บังคับตามมาตรา 255เฉพาะบริเวณที่ติดกับที่ดินของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6962/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องกรณีทางสาธารณะถูกปิดกั้น: ความเสียหายพิเศษและขอบเขตของทางพิพาท
ฎีกาของจำเลยทั้งสองมีประเด็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ และทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือไม่ เพียงใด ประเด็นหลังเป็นข้อกฎหมายสำคัญในการชี้ขาดตัดสินคดี แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อนี้ไว้ชัดแจ้งทั้งศาลอุทธรณ์ก็มิได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นพิจารณาอย่างชัดเจน ศาลฎีกาจึงกำหนดประเด็นดังกล่าวไว้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เกี่ยวกับเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์นั้น หากทางพิพาทเป็นทางสาธารณะและโจทก์ใช้ร่วมกับประชาชนอื่น ๆ แม้โจทก์จะใช้ทางสาธารณะอื่นด้วย เมื่อจำเลยทั้งสองปิดกั้นทางพิพาท โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาฟังได้ว่าทางสาธารณะอันเป็นทางพิพาทกว้าง 4 เมตร ยาวตลอดแนว และศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้โจทก์ชนะคดีแต่มิได้ระบุความกว้างของทางพิพาทจึงอาจเกิดปัญหาในชั้นบังคับคดีได้ ศาลฎีกาเห็นสมควรระบุให้ชัดแจ้งโดยให้ทางพิพาทกว้าง 4 เมตร
เกี่ยวกับเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์นั้น หากทางพิพาทเป็นทางสาธารณะและโจทก์ใช้ร่วมกับประชาชนอื่น ๆ แม้โจทก์จะใช้ทางสาธารณะอื่นด้วย เมื่อจำเลยทั้งสองปิดกั้นทางพิพาท โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาฟังได้ว่าทางสาธารณะอันเป็นทางพิพาทกว้าง 4 เมตร ยาวตลอดแนว และศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้โจทก์ชนะคดีแต่มิได้ระบุความกว้างของทางพิพาทจึงอาจเกิดปัญหาในชั้นบังคับคดีได้ ศาลฎีกาเห็นสมควรระบุให้ชัดแจ้งโดยให้ทางพิพาทกว้าง 4 เมตร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2387/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นัดหยุดงานปิดกั้นโรงงาน ก่อความวุ่นวายและความรุนแรง ถือเป็นความผิดอาญา
จำเลยกับพวกอีกประมาณ 200 คน โดยจำเลยเป็นหัวหน้าสั่งการได้ร่วมกันนัดหยุดงานปิดกั้นทางเข้าออกของโรงงาน ทำให้คนงานไม่สามารถเข้าหรือออกจากโรงงานได้ จนกระทั่งมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นโดยการปะทะและทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันระหว่างลูกจ้างที่นัดหยุดงานกับลูกจ้างที่ทำงานในโรงงานอันเนื่องจากลูกจ้างที่นัดหยุดงานไม่ยอมให้ลูกจ้างที่ทำงานออกจากโรงงาน และมีการขว้างปาวัตถุก้อนอิฐก้อนหินเข้าไปในโรงงานด้วย เหตุเกิดริมถนนสาธารณะอันเป็นที่สัญจรของบุคคลทั่วไป การกระทำดังกล่าวย่อมเป็นความผิดฐานก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2387/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานก่อให้เกิดความวุ่นวายฯ จากการนัดหยุดงานรุนแรงและปิดกั้นทางเข้าออก
จำเลยกับพวกอีกประมาณ 200 คน โดยจำเลยเป็นหัวหน้าสั่งการได้ร่วมกันนัดหยุดงานปิดกั้นทางเข้าออกของโรงงานทำให้คนงานไม่สามารถเข้าหรือออกจากโรงงานได้จนกระทั่งมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นโดยการปะทะและทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันระหว่างลูกจ้างที่หยุดงานกับลูกจ้างที่ทำงานในโรงงานอันเนื่องจากลูกจ้างที่นัดหยุดงานไม่ยอมให้ลูกจ้างที่ทำงานออกจากโรงงาน และมีการขว้างปาวัตถุก้อนอิฐก้อนหินเข้าไปในโรงงานด้วย เหตุเกิดริมถนนสาธารณะ อันเป็นที่สัญจรของบุคคลทั่วไป การกระทำดังกล่าวย่อมเป็นความผิดฐานก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอคุ้มครองชั่วคราว แม้มีทางอื่นใช้ได้ หากจำเลยปิดกั้นสิทธิของโจทก์
การฟ้องคดีต่อศาลซึ่งมิใช่เป็นคดีมโนสาเร่ โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพื่อจัดให้มีวิธีคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ชั่วคราวก่อนศาลมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254 ฉะนั้นเมื่อโจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางพิพาท การที่โจทก์สามารถจะใช้เส้นทางอื่นออกไปสู่ทางสาธารณะ จึงหาตัดสิทธิของโจทก์ที่จะร้องขอให้ศาลมีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวก่อนศาลพิพากษาไม่ ดังนี้เมื่อคดีปรากฏว่าจำเลยปิดทางพิพาทตลอดมา จึงมีเหตุสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองโดยให้จำเลยเปิดทางพิพาทในระหว่างพิจารณาตามที่โจทก์ขอมาบังคับได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปิดกั้นทางน้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อที่ดินแปลงล่าง ถือเป็นการละเมิด
ที่ดินจำเลยอยู่ทางทิศใต้ติดต่อกับที่ดินโจทก์ และมีสภาพเป็นที่ต่ำกว่าที่ดินโจทก์ มีทางน้ำธรรมชาติกว้าง 3 เมตร ผ่านที่ดินโจทก์ไปสู่ที่ดินจำเลย การที่จำเลยทำคันดินกั้นทางน้ำนั้นแล้วฝัง่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้วไว้แทนในที่ดินจำเลย เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339 วรรคแรก ที่บัญญัติให้เจ้าของที่ดินจำต้องรับน้ำซึ่งไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงมาในที่ดินของตน เมื่อน้ำท่วมที่ดินโจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากน้ำระบายไม่ทันถือได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนคันดินกั้นทางน้ำออกและเรียกร้องค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการปิดกั้นทางระบายน้ำ แม้ในที่ดินตนเอง, การคุ้มครองตามคำสั่งศาล
โจทก์และจำเลยเป็นผู้ครอบครองตึกแถวคนละห้องเรียงอยู่ในแถวเดียวกันมีท่อระบายน้ำโสโครกตลอดแนวด้านหลังตึกแถวหนึ่งท่อจำเลยนำแผ่นเหล็กเจาะรูเล็กๆปิดกั้นท่อระบายน้ำเป็นเหตุให้น้ำโสโครกท่วมขังบ้านโจทก์แม้จะกระทำในที่ดินของจำเลยเองก็เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นเป็นละเมิดต่อโจทก์ ส่วนการที่โจทก์ฟ้องและขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาจนศาลสั่งให้จำเลยรื้อถอนแผ่นเหล็กดังกล่าวและโจทก์ได้ให้คนงานเข้ารื้อถอนแผ่นเหล็กนั้นออกเป็นเหตุให้ขยะไหลมาอุดตันท่อระบายน้ำตรงห้องจำเลยทำให้น้ำท่วมขังบ้านจำเลยนั้นเป็นการกระทำโดยได้รับความคุ้มครองตามคำสั่งของศาลอันชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นละเมิดต่อจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปิดกั้นทางสาธารณะด้วยการขุดหลุมและวางสิ่งกีดขวาง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
จำเลยปิดกั้นทางสาธารณะโดยการขุดหลุมและปักเสาไม้ลงบนถนนแล้วใช้ไม้และกิ่งไม้ขวางไว้ได้มีเจตนาไม่ให้บุคคลทั่วไปผ่านไปมา การขุดหลุมปักเสาลงบนถนนย่อมทำให้ถนนเสียหาย และการที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถผ่านไปมาได้ ย่อมเป็นการทำให้ถนนไร้ประโยชน์ การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1542/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ที่ดินเป็นทางสาธารณะต้องรอให้เกิดข้อโต้แย้งสิทธิก่อน หากยังไม่ได้ถูกปิดกั้นสิทธิ โจทก์ฟ้องไม่ได้
ที่ดินของโจทก์และจำเลยอยู่ติดต่อกัน จำเลยตกลงยอมให้โจทก์ทำถนนในในที่ดินของจำเลย เพื่อโจทก์และผู้อื่นที่อาศัยอยู่ในที่ดินของโจทก์ใช้เป็นทางเข้าออกได้ ดังนี้เมื่อจำเลยยังไม่ได้ปิดกั้นถนนดังกล่าวโจทก์ก็ฟ้องจำเลยไม่ได้ เพราะยังไม่มีการโต้แย้งสิทธิของโจทก์เกิดขึ้น
การที่ถนนซึ่งโจทก์ทำขึ้นจะเป็นทางสาธารณะหรือไม่ย่อมเป็นไปตามสภาพของการใช้ ไม่จำต้องให้ศาลมีคำสั่ง
การที่ถนนซึ่งโจทก์ทำขึ้นจะเป็นทางสาธารณะหรือไม่ย่อมเป็นไปตามสภาพของการใช้ ไม่จำต้องให้ศาลมีคำสั่ง