คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปิดหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 31 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การ-พิจารณา และการปิดหมายแจ้งคำฟ้องโดยไม่มีพยาน
อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ว่า ขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยที่ 2 ไปอยู่ที่กรุงเทพมหานครไม่ทราบว่าถูกฟ้อง ถือไม่ได้ว่าจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง
อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 โดยการปิดหมายที่ไม่มีพยานรู้เห็นเป็นการไม่ชอบนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
การปิดหมายตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคหนึ่ง ไม่ต้องมีพยานรู้เห็นในการปิดหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175-176/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายโดยวิธีปิดหมาย ณ ภูมิลำเนาชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยอ้างไม่ทราบข้อความก็ฟังไม่ขึ้น หากไม่มีเหตุผลแตกต่างจากครั้งก่อน
การส่งหมายเรียกและหมายนัดให้แก่จำเลยในครั้งก่อน ๆ ล้วนเป็นการส่งโดยวิธีปิดหมายไว้ ณ ภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสิ้น และทุกครั้งจำเลยก็ไม่เคยโต้แย้งว่ามิได้ทราบข้อความตามหมายเหล่านั้น สำหรับในครั้งนี้ก็เป็นการส่งโดยวิธีปิดหมายเช่นเดียวกัน จึงต้องถือว่าเป็นการส่งโดยชอบแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 จำเลยกล่าวอ้างมาในคำร้องและอุทธรณ์ฎีกาเพียงว่า จำเลยไม่เห็นและไม่ทราบคำสั่งศาลอุทธรณ์ตามหมายนัดดังกล่าว โดยไม่ปรากฏเหตุผลว่าเพราะเหตุใดการปิดหมายในครั้งนี้จึงแตกต่างจากครั้งก่อน ๆ แม้มีผู้ใดรับหมายไว้แทนจำเลย จำเลยก็อาจบ่ายเบี่ยงอีกว่าผู้รับหมายไว้แทนไม่ได้นำหมายไปมอบให้จำเลย กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียมตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของจำเลยและมีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะเหตุที่จำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์เสียนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิธีปิดหมายแจ้งคดี: การแสดงให้เห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงาน
การปิดหมายจะกระทำด้วยวิธีใด เช่น การใช้เชือกผูกการตอกตะปู การแปะติดไว้ หรือวิธีอื่นใดตามที่เห็นสมควรก็ได้ แต่จะต้องแสดงไว้ในที่แลเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความหรือบุคคลผู้มีชื่อระบุไว้ในคำคู่ความหรือเอกสารนั้น เพื่อให้ผู้รับแจ้งทราบว่าตนได้ถูกฟ้องเป็นคดีหรือมีกระบวนพิจารณาใดที่จะต้องปฏิบัติหรือรับทราบ ก็ถือได้ว่าเป็นการปิดหมายโดยชอบตาม ป.วิ.พ.มาตรา 79

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและหมายนัดพิจารณาโดยชอบ การปิดหมาย ณ สำนักทำการงานของจำเลย ถือว่าเป็นการส่งโดยชอบแล้ว
การปิดหมายจะกระทำด้วยวิธีใด เช่น การใช้เชือกผูกการตอกตะปู การแปะติดไว้หรือวิธีอื่นใดตามที่เห็นสมควรก็ได้ แต่จะต้องแสดงไว้ในที่แลเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความหรือบุคคลผู้มีชื่อระบุไว้ในคำคู่ความหรือเอกสารนั้น เพื่อให้ผู้รับแจ้งทราบว่าตนได้ถูกฟ้องเป็นคดีหรือมีกระบวนพิจารณาใดที่จะต้องปฏิบัติหรือรับทราบ ก็ถือได้ว่าเป็นการปิดหมายโดยชอบตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำบังคับตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ต้องปิดที่ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงาน การส่งให้พนักงานรับแทนไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พนักงานเดินหมายผู้ส่งคำบังคับของศาลโดยวิธีปิดจะต้องทำการปิดคำบังคับไว้ ณ บริษัทจำเลยในที่แลเห็นได้ง่ายตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้เท่านั้น การส่งให้พนักงานบริษัทจำเลยรับไว้มิใช่เป็นการปิดคำบังคับในที่แลเห็นได้ง่าย ตามกฎหมายการส่งคำบังคับเช่นนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีจึงยังอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยจะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ อาคาร ท. มีทั้งหมด 9 ชั้น มีบริษัทดำเนินกิจการอยู่ในอาคารดังกล่าวประมาณ 10 บริษัท บริษัทจำเลยมีที่ทำการอยู่ชั้นที่ 7 และ 8 ลูกค้าที่จะติดต่อต้องติดต่อที่ชั้นที่ 8การปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องก็ดี การปิดหมายนัดสืบพยานโจทก์ก็ดี พนักงานเดินหมายได้ปิดไว้ที่หน้าอาคารชั้นล่าง ไม่ใช่ที่ทำการของบริษัทจำเลย อาคาร ท.เป็นที่ทำการของบริษัทอื่นอีกประมาณ 10 บริษัท ย่อมมีผู้คนพลุกพล่านพอสมควร หมายเรียกและหมายนัดอาจหลุดหายไปก่อนที่จำเลยจะได้รับทราบข้อความ การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาของจำเลยจึงมิได้เป็นไปโดยจงใจและ มีเหตุอันสมควรให้พิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7622/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกโดยวิธีปิดหมายชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยย้ายภูมิลำเนา แต่ยังมีความเกี่ยวข้องกับภูมิลำเนาเดิม
ในการส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้จำเลยที่ 1 ครั้งแรกนั้น เจ้าพนักงานศาลส่งไม่ได้ โจทก์จึงขอให้ส่งใหม่โดยปิดหมายซึ่งในครั้งหลัง เจ้าพนักงานศาลระบุว่า ไม่พบผู้รับตามหมาย คนในบ้านแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ไปธุระและไม่มีผู้รับหมายไว้แทนจึงปิดหมายตามคำสั่งศาล แสดงว่าคนในบ้านยอมรับว่าจำเลยที่ 1 ยังคงอยู่ที่บ้านตามภูมิลำเนาที่โจทก์ระบุในฟ้องที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าได้ย้ายภูมิลำเนาโดยมี ส. ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทจำเลยที่ 2 ย้ายไปอยู่ที่เดียวกับจำเลยที่ 1 โดยไม่ปรากฏเหตุผลในการย้ายของจำเลยที่ 1 และ ส. ทั้งที่บริษัทจำเลยที่ 2 ยังมิได้จดทะเบียนเลิกกิจการและมิได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่อยู่ของจำเลยที่ 1 ผู้ถือหุ้น จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาปรากฏชัดแจ้งว่าจะเปลี่ยนภูมิลำเนาเดิมของตน การส่งหมายเรียกสำเนาฟ้อง หมายนัดสืบพยานโจทก์และคำบังคับให้แก่จำเลยที่ 1 โดยวิธีปิดหมายจึงชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงทราบว่าตนถูกฟ้องแล้วตั้งแต่เจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 โดยชอบ เมื่อจำเลยที่ 1 จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7527/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดหมายแจ้งจำเลยที่ภูมิลำเนา และการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่แจ้งวันสืบพยานล่วงหน้า
โจทก์นำส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้แก่จำเลยโดยวิธีปิดหมาย ณ บ้านที่จำเลยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ซึ่งเป็นหลักฐานเบื้องต้นของทางราชการที่แสดงว่า จำเลยมีถิ่นที่อยู่อันเป็นภูมิลำเนา ณ ที่นั้น ก่อนถูกฟ้องจำเลยก็เคยได้รับหนังสือจากทนายความให้เปิดทางเดินโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับที่บ้านเลขที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ผู้ส่งหมายเรียกได้ปิดหมายเรียกไว้ที่ประตูไม้ทางเข้าบ้าน คนเดินผ่านสามารถมองเห็นได้ชัด การที่จำเลยไม่ได้อาศัยในบ้านหลังที่จำเลยมีชื่อในทะเบียนบ้าน และจำเลยยังทราบว่าอาจถูกฟ้องเนื่องจากได้รับหนังสือทนายความให้เปิดทางเดิน และจำเลยก็ไปเก็บค่าเช่าที่บ้านเลขที่ดังกล่าวเดือนละ5 ถึง 6 ครั้ง จำเลยน่าจะให้ความเอาใจใส่ในเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่จำเลยกลับไม่เอาใจใส่ กรณีถือได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 20 ธันวาคม 2536 และแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบโดยการปิดหมายในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2536 แล้วดำเนินการสืบพยานโจทก์ในวันนัดดังกล่าวไป เมื่อเป็นการสืบพยานโจทก์โดยไม่ให้จำเลยทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบวัน จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 184 วรรคสอง ศาลฎีกาให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาตั้งแต่การนัดสืบพยานโจทก์เป็นต้นไปตาม ป.วิ.พ.มาตรา 27 ประกอบด้วย มาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้จำเลยไม่ทราบถึงการฟ้องคดี ส่งผลให้กระบวนการพิจารณาไม่เป็นไปตามกฎหมาย
ป.วิ.พ.มาตรา 79 บัญญัติเรื่องการปิดหมายไว้ว่า ให้ปิดคำคู่ความไว้ในที่แลเห็นได้ง่าย ณ สำนักทำการงานของคู่ความนั้น การที่โจทก์ระบุที่อยู่ของจำเลยอย่างกว้าง ๆ ทั้งที่สำนักทำการงานของจำเลยมีหน่วยงานในสังกัดหลายหน่วยงานกับมีพนักงานจำนวนมากจนพนักงานเดินหมายไม่สามารถสืบหาได้ว่าจำเลยทำงาน ณ หน่วยงานใดของการไฟฟ้านครหลวงเขตคลองเตย ทำให้จำเลยไม่มีโอกาสรู้ว่าถูกโจทก์ฟ้องและไม่อยู่ในวิสัยที่จำเลยจะรู้ได้ การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยโดยวิธีปิดหมายเช่นนี้จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 79ทำให้กระบวนพิจารณาหลังจากนั้นต่อมาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย ปัญหาเรื่องการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยไม่ชอบนั้นเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ.ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมชอบที่จะต้องเพิกถอนเสียตาม ป.วิ.พ.มาตรา 27 ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คำสั่งศาลชั้นต้น และคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยแล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ตามรูปคดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3042/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกโดยวิธีปิดหมาย ณ สำนักงานใหญ่ของจำเลยชอบด้วยกฎหมาย แม้เอกสารจะล่าช้าในการส่งต่อภายใน
ในคดีแรงงานเมื่อพนักงานเดินหมายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย โดยวิธีปิดหมายตามคำสั่งศาลแรงงาน ณ ภูมิลำเนาของจำเลยคือสำนักงานใหญ่อันเป็นสำนักทำการงานของจำเลยแล้ว การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 74 ประกอบมาตรา 79 ส่วนการที่พนักงานจำเลยซึ่งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ได้เก็บรวบรวมสำเนาคำฟ้องไว้กับเอกสารอื่นซึ่งมีจำนวนมากกว่าจะมีการแยกแยะ เพื่อส่งไปยังผู้บริหารซึ่งไปประจำอยู่ ณ สำนักงานโครงการ อันเป็นสำนักงานชั่วคราวเกิดความล่าช้ารวมทั้งระยะเวลาในการส่งไปยังผู้บริหารดังกล่าวก็ล่วงเลยกำหนดนัดของศาล โดยจำเลยไม่มีเจตนาจะไม่ยื่นคำให้การ และไม่ไปศาลตามนัดนั้น เป็นเรื่องการบริหารกิจการภายในที่จำเลยจะต้องกำชับดูแลพนักงานจำเลยให้ปฏิบัติงานให้ทันตามกำหนดเวลาเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่จำเลย การที่พนักงานจำเลยตรวจสอบแยกแยะเอกสารล่าช้าและส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่ผู้บริหารของจำเลยล่วงเลยเวลาซึ่งกำหนดให้ปฏิบัติตามข้อความในหมายเรียกเมื่อเป็นความผิดหรือบกพร่องของจำเลยเอง จึงมิใช่เหตุผลอันสมควรที่จำเลยจะยกมาอ้างต่อศาลในการไม่ไปศาลตามนัด ในหมายเรียก การที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกโดยไม่มี เหตุอันสมควร เป็นการขาดนัดโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่มีเหตุที่จำเลยจะขอให้พิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2884/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่หน่วยราชการโดยวิธีปิดหมายตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 การนับระยะเวลาให้มีผลใช้ได้
คำสั่งของศาลภาษีอากรที่สั่งในคำฟ้องของโจทก์ในตอนต้นที่ว่า"รับคำฟ้อง หมายส่งสำเนาให้จำเลย ให้โจทก์นำส่งภายใน 7 วัน" เป็นกรณีที่ศาลภาษีอากรสั่งว่าในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยให้ส่งโดยวิธีธรรมดาก่อน ส่วนคำสั่งศาลภาษีอากรที่สั่งต่อไปว่า "เนื่องจากจำเลยเป็นหน่วยราชการมีภูมิลำเนาแน่นอนการส่งหากไม่มีผู้รับให้ปิด" นั้น เป็นกรณีที่ศาลภาษีอากรได้สั่งไว้เป็นการล่วงหน้าว่า หากส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยโดยวิธีธรรมดาไม่สามารถที่จะทำได้ ก็ให้เจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีอื่นตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ.มาตรา 79 วรรคแรก โดยการปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ ณ สถานที่ทำการของจำเลย เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานศาลนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้แก่จำเลยแล้ว เจ้าหน้าที่งานสารบรรณของจำเลยไม่เต็มใจรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ เท่ากับว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีธรรมดาไม่อาจทำได้ เจ้าพนักงานศาลจึงปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ ณ สถานที่ทำการของจำเลย เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2540ดังนี้ จึงเป็นการส่งโดยวิธีอื่นตาม ป.วิ.พ.มาตรา 79 วรรคแรก มิได้เป็นการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตามข้อความในคำสั่งศาล ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ.มาตรา 76 เมื่อศาลภาษีอากรมิได้กำหนดระยะเวลาการปิดหมายไว้ว่าจะให้มีผลใช้ได้เมื่อใด ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ.มาตรา 79 วรรคสอง การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยการปิดหมายในคดีนี้ จึงมีผลใช้ได้เมื่อกำหนดเวลาสิบห้าวันได้ล่วงพ้นไปแล้วนับตั้งแต่วันปิดหมาย คือมีผลเมื่อพ้นวันที่ 9 ธันวาคม 2540 จำเลยยื่นคำให้การเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2540 จึงเป็นการยื่นคำให้การภายในกำหนดแล้ว
of 4