พบผลลัพธ์ทั้งหมด 70 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวเกินสมควร: การใช้ปืนยิงตอบโต้การทำร้ายด้วยก้อนหิน
จำเลยเจตนายิงผู้เสียหายที่ 1 เนื่องจากจำเลยถูกผู้เสียหายที่ 1 กับพวก เข้ามากลุ้มรุมทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันตัวเองเพื่อมิให้ถูกทำร้าย แต่การที่จำเลยใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงผู้เสียหายที่ 1หลายนัด โดยผู้เสียหายที่ 1 มีเพียงก้อนหินและไม่ปรากฏว่า พวกผู้เสียหายที่ 1มีอาวุธ กระสุนปืนที่จำเลยยิงถูกผู้เสียหายที่ 1 ที่บั้นเอวด้านซ้าย สะโพกด้านซ้ายและด้านขวา จนผู้เสียหายที่ 1 ได้รับอันตรายสาหัส ถ้าผู้เสียหายที่ 1 ไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจถึงแก่ความตายได้ นอกจากนี้กระสุนปืนยังพลาดไปถูกผู้เสียหายที่ 2 และที่ 3 จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้เสียหายที่ 2และที่ 3 ดังนี้นับว่าเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
ความผิดตาม ป.อ.มาตรา 299 ต้องเป็นกรณีชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และมีบุคคลได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งหมายถึงกรณีที่ไม่ทราบว่าผู้ใดหรือผู้ใดร่วมกับใครทำร้ายจนได้รับอันตรายสาหัส
ความผิดตาม ป.อ.มาตรา 299 ต้องเป็นกรณีชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และมีบุคคลได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งหมายถึงกรณีที่ไม่ทราบว่าผู้ใดหรือผู้ใดร่วมกับใครทำร้ายจนได้รับอันตรายสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4154/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยขวานและการใช้ปืนข่มขู่ ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
ผู้เสียหายชกต่อยและกอดปล้ำกับจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1ดิ้นหลุดมาได้ จำเลยที่ 2 ก็ใช้ขวานซึ่งมีใบขวานกว้างประมาณ3 นิ้ว ฟันผู้เสียหายที่ชายโครงซ้ายศีรษะและท้ายทอย จำเลยที่ 1วิ่งไปหยิบปืนมาจ่อที่หน้าผู้เสียหายพร้อมพูดกับจำเลยที่ 2 ว่า"ฆ่าให้ตาย" และได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลของผู้เสียหายว่าบาดแผลที่ชายโครงซ้ายยาว 9 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตรลึกตัดกระดูกซี่โครงข้างซ้ายซี่ที่ 9 และซี่ที่ 10 หัก กะบังลมทะลุและไตซ้ายฉีกขาด มีลำไส้ใหญ่โผล่จากปากบาดแผล หากไม่ได้รับการรักษาอาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยที่ 2 ใช้ขวานฟันผู้เสียหายอย่างแรงประกอบกับเป็นขวานค่อนข้างใหญ่ จึงมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2650/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจากการใช้ปืนยิงแม้ถูกทำร้ายด้วยท่อนเหล็ก
เหตุการณ์ชกต่อยครั้งแรกได้สิ้นสุดลงแล้ว พวกจำเลยและผู้เสียหายที่ 1 ต่างยืนอยู่คนละแห่ง แล้วผู้เสียหายที่ 1 จึงเริ่มก่อเหตุขึ้นใหม่โดยผู้เสียหายที่ 1 ถือท่อนเหล็กไล่ทำร้ายจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันตัวได้แต่การที่จำเลยใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงถึง 2 นัด โดยเฉพาะการยิงนัดที่ 2ในขณะที่ผู้เสียหายที่ 1 ได้วิ่งหนีไปอยู่ทางด้านหัวรถนับว่าเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2983/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจากการใช้ปืนยิงต่อสู้เมื่อถูกทำร้ายด้วยมือเปล่า
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จะกลับบ้านระหว่างทางพบจำเลยขี่รถจักรยานยนต์ตามมา เมื่อเข้าใกล้กันจำเลยได้ทวงหนี้ค่าสุราจากผู้ตาย ผู้ตายเรียกให้จำเลยหยุดรถเพื่อจะใช้เงิน แต่เมื่อเข้ามาจริงๆ ผู้ตายมีลักษณะโกรธเคืองและพูดว่าต้องสั่งสอน ผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยเพื่อจะทำร้าย ปรากฏว่าผู้ตายเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรง เตี้ยและอ้วนกว่าจำเลยจำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวไม่ให้ถูกทำร้าย แต่การป้องกันตัวของจำเลยดังกล่าวจำเลยได้ใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงผู้ตายซึ่งเชื่อว่ามีเพียงมือเปล่าเท่านั้นจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2403/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าต้องประเมินจากพฤติการณ์ยิง แม้ใช้ปืนประสิทธิภาพสูง แต่หากกระสุนไม่ตรงเป้าหรือไม่รัวยิงต่อเนื่อง อาจฟังได้แค่ขู่
ผู้เสียหายมาพบเห็นจำเลยกำลังลักสังกะสีบนหลังคาจึงร้องถามจำเลย จำเลยกระโดดลงมาจากหลังคาคว้าเอาอาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงมายังผู้เสียหาย 2 นัด ขณะอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 3 วา กระสุนปืนถูกดินห่างจากผู้เสียหายประมาณครึ่งเมตร ผู้เสียหายคลานหลบหนีมาได้ 5 วา ก็ได้ยินเสียงปืนดังมาจากจำเลยอีก 2 นัด และ 3 นัดตามลำดับ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงใช้ยิงทีละนัดก็ได้หรือจะยิงทีละหลายนัดก็ได้ยิงมายังผู้เสียหายครั้งแรก 2 นัด โดยไม่ปรากฏสิ่งกำบังระหว่างจำเลยกับผู้เสียหาย หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็อาจยิงรัวไปที่ผู้เสียหายโดยไม่ต้องเล็ง กระสุนปืนย่อมจะถูกผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้โดยง่าย แต่การที่จำเลยยิงไปที่ผู้เสียหายกระสุนปืนตกห่างผู้เสียหายเพียงครึ่งเมตร และยิงครั้งต่อไปกระสุนปืนไม่ถูกผู้ใดเลย แสดงว่าจำเลยยิงขู่เพื่อการพาทรัพย์ที่ลักไป ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่าด้วยปืนที่ไม่มีแก๊ปปืน: เจตนาพยายามกระทำความผิด แม้ผลไม่สำเร็จโทษฐานพยายาม
จำเลยเอาปืนแก๊ปที่ไม่มีแก๊ปปืนมายิงผู้เสียหายกระสุนปืนจึงไม่อาจลั่นออกไปได้อย่างแน่นอนเพราะปืนเป็นปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำความผิดไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายตามป.อ.มาตรา288,81.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2508/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: ปืนและมีดในสถานการณ์คับขัน
ขณะที่จำเลยกับเพื่อนคนหนึ่งกำลังยืนคุยกันถูกต.กับพวก3-4คนวิ่งเข้ามาทำร้ายแล้วพากันวิ่งหนีไปจำเลยถือปืนวิ่งไล่ตามแต่เมื่อไล่ไม่ทันจำเลยก็วิ่งกลับมาที่เดิมนำเพื่อนขึ้นไปนั่งบนรถยนต์สองแถวเพื่อจะกลับบ้านแสดงว่าจำเลยไม่สมัครใจที่จะวิวาทกับต.และพวกต่อไปแล้วต.กับพวกแจ้งให้ผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุทราบผู้เสียหายพร้อมด้วยต.กับพวกรวม7-8คนมีมีดเป็นอาวุธพากันวิ่งไปหาจำเลยซึ่งยืนอยู่ท้ายรถยนต์สองแถวจำเลยร้องห้ามไม่ให้ผู้เสียหายกับพวกเข้ามาผู้เสียหายกับพวกไม่ฟังเสียงพวกผู้เสียหายกลับพูดว่าลุยเข้าไปเลยกระสุนปืนหมดแล้วจำเลยชักปืนออกมาถือจ้องไว้ผู้เสียหายกับพวกก็ยังวิ่งเข้ามาจำเลยจึงยิงปืนออกไป1นัดในขณะที่ผู้เสียหายอยู่ห่างจำเลย10เมตรและต.อยู่ห่าง5เมตรดังนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่าโดยใช้ปืน แต่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ศาลลดโทษตามมาตรา 81
จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายในระยะใกล้เพียง1วาแต่กระสุนปืนถูกผู้เสียหายคนหนึ่งลึกเพียงฝังใต้ผิวหนังรักษา10วันหายส่วนกระสุนที่พลาดไปถูกผู้เสียหายอีกคนหนึ่งก็มีบาดแผลเพียงผิวหนังฉีกขาดตื้นรักษา5วันหายเป็นการพยายามกระทำความผิดที่ไม่บรรลุผลอย่างแน่แท้ตามป.อ.มาตรา81.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าแต่ปืนไม่บรรลุผล: ลดโทษจากพยายามฆ่าเป็นทำร้ายร่างกาย
จำเลยใช้ปืนยิงร.ในระยะใกล้เพียง1วากระสุนปืนถูกร.ลึกฝังใต้ผิวหนังรักษา10วันหายและกระสุนปืนพลาดไปถูกช.บาดแผลผิวหนังฉีกขาดตื้นรักษา5วันหายไม่ได้ความจากแพทย์ว่าถ้ารักษาไม่ทันอาจถึงแก่ความตายได้แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงไม่อาจทำให้ผู้ถูกยิงถึงตายได้ถือว่าจำเลยมุ่งประสงค์จะฆ่าแต่ปืนอันเป็นปัจจัยในการที่จำเลยใช้ยิงไม่บรรลุผลอย่างแน่แท้ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา81.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปืนและกระสุนปืนไม่ใช่ 'ของมีค่า' ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 675
ของมีค่าตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 ไม่รวมถึงปืนและกระสุนปืน ซึ่งมิใช่ของมีคุณค่าพิเศษนอกเหนือไปจากทรัพย์สินธรรมดา