พบผลลัพธ์ทั้งหมด 112 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8721/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายกัญชาห่อเดียวไม่ถือเป็นผลิตกัญชา, ความผิดฐานครอบครอง-จำหน่ายเป็นกรรมเดียว
โจทก์บรรยายฟ้องตอนแรกว่า จำเลยผลิตกัญชาโดยการแบ่งบรรจุออกเป็นห่อ ๆ แต่กลับบรรยายความต่อไปว่า จำเลยมีกัญชาแห้งไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 1 ห่อ น้ำหนัก 0.57 กรัม และที่เป็นห่อไม่ทราบจำนวนและน้ำหนัก และจำเลยจำหน่ายกัญชาแห้งที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 1 ห่อ ดังกล่าวให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ กับบรรยายฟ้องตอนท้ายว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยพร้อมยึดได้กัญชาแห้งที่จำเลยจำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อเป็นของกลาง แสดงว่านอกจากกัญชาแห้ง 1 ห่อ ที่เจ้าพนักงานยึดได้จากจำเลยแล้ว ไม่มีกัญชาจำนวนอื่นอีก ที่โจทก์อ้างในฎีกาว่า จำเลยจำหน่ายกัญชาแห้งให้สายลับ 1 ห่อ ทั้งยังรับว่าได้นำกัญชามาแบ่งใส่ห่อเพื่อจำหน่ายให้แก่เพื่อน ๆ ไม่ทราบจำนวนและน้ำหนักนั้น กลับปรากฏตามบันทึกการจับกุมที่แนบท้ายคำร้องขอฝากขังว่า จำเลยให้การว่ากัญชาของกลางเป็นของ ต. ซึ่งจำเลยได้แบ่งมาเพื่อจำหน่ายต่อ ดังนี้ แม้จำเลยให้การรับสารภาพ แต่เมื่อกัญชาของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีเพียงห่อเดียวและจำเลยจำหน่ายให้สายลับไปทั้งหมดโดยไม่มีการแบ่งบรรจุเป็นจำนวนอื่นอีก การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาจึงไม่เป็นความผิดฐานผลิตกัญชาโดยการแบ่งบรรจุ ปัญหาดังกล่าวแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 ส่วนความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชานั้น เมื่อได้ความตามฟ้องว่าเป็นกัญชาจำนวนเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท หาใช่เป็นความผิดสองกรรมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6364/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ชอบเมื่อไม่บรรยายส่วนประกอบเมทแอมเฟตามีน แม้รับสารภาพเสพก็ลงโทษไม่ได้
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนด้วยวิธีการคือ นำเอายาแก้ปวดทั่วไปมาบดให้ละเอียดกับครกและผสมสีผสมอาหารสีส้ม จากนั้นจึงนำมาบดอัดเป็นเม็ด ฟ้องของโจทก์จึงมิได้บรรยายให้เห็นว่าสิ่งที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตมีส่วนประกอบของเมทแอมเฟตามีน เมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถึงการกระทำอันเป็นความผิดต่อกฎหมายของจำเลยทั้งสอง จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)
แม้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ก็ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดดังกล่าวมิได้ เนื่องจากฟ้องโจทก์ในส่วนผลิตไม่ชอบเสียแล้ว ฟ้องโจทก์ในส่วนเสพเมทแอมเฟตามีนที่ได้ผลิตดังกล่าวจึงไม่ชอบไปด้วย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2549)
แม้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ก็ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดดังกล่าวมิได้ เนื่องจากฟ้องโจทก์ในส่วนผลิตไม่ชอบเสียแล้ว ฟ้องโจทก์ในส่วนเสพเมทแอมเฟตามีนที่ได้ผลิตดังกล่าวจึงไม่ชอบไปด้วย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2549)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4062/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งบรรจุยาเสพติดไม่ถือเป็นผลิต หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพของยาเสพติด
ความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 4 คำว่า "ผลิต" หมายความว่า เพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุงแปรสภาพ เปลี่ยนรูป สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ และให้หมายความรวมตลอดถึงการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุด้วย และมาตรา 65 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ผู้ใดผลิตนำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 15 ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต แสดงว่าการผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไม่ว่าจะเป็นการเพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ล้วนเป็นการกระทำที่เป็นภัยอย่างร้ายแรงต่อสังคมเพราะเป็นบ่อเกิดแห่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ทำให้ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีอยู่อย่างแพร่หลาย ยากที่จะปราบปรามให้หมดสิ้นไปได้ กฎหมายจึงได้กำหนดโทษไว้สูงถึงจำคุกตลอดชีวิต ย่อมเห็นได้ว่ากฎหมายกำหนดโทษความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามความร้ายแรงของอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่สังคมจากการกระทำความผิดโดยการผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไม่ว่าจะด้วยการเพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป หรือสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ เป็นการกระทำที่มีลักษณะที่จะเกิดอันตรายแก่สังคมอย่างร้ายแรงต่อไป เมื่อกฎหมายมีความมุ่งหมาย เช่นนี้ คำว่า "ผลิต" ที่กฎหมายบัญญัติให้หมายความรวมตลอดถึงการแบ่งบรรจุด้วยนั้น จึงต้องหมายถึงการกระทำอันมีลักษณะที่เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมในทำนองเดียวกับการเพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่า เมทแอมเฟตามีนดังกล่าวใส่หลอดกาแฟซึ่งเป็นเพียงวัตถุห่อหุ้มโดยไม่ได้มีการกระทำใดๆ แก่สภาพของเมทแอมเฟตามีนนั้น จึงไม่อาจถือได้ว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3814/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผลิตยาเสพติดโดยการแบ่งบรรจุและการบรรยายฟ้องที่ไม่ชัดเจน ศาลฎีกายกข้อหาเกินคำขอ
มาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ ให้บทนิยามคำว่า "ผลิต" หมายความว่า เพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ และให้หมายความตลอดถึงการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุด้วย การที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันแบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางใส่ในหลอดกาแฟโดยยังมีหลอดกาแฟหลายหลอดที่เตรียมไว้เพื่อการแบ่งบรรจุเช่นนี้ ถือว่าเป็นารผลิตตามบทนิยามในมาตรา 4 ดังกล่าว
ในฟ้องข้อ 1 ก โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันผลิตโดยแบ่งบรรจุและมีเมทแอมเฟตามีน 246 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย คำว่า เพื่อจำหน่ายนั้น โจทก์ได้บรรยายมุ่งถึงข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง มิใช่ข้อหาผลิตเมทแอมเฟตามีน ทั้งในฟ้องข้อ 2 ก็ได้บรรยายย้ำว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสามได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสามร่วมกันผลิตและมีไว้เพื่อจำหน่าย และที่เหลือจากการจำหน่ายกับจำหน่ายด้วย จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์บรรยายข้อหาผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายมาในฟ้องแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย และลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในข้อหาดังกล่าว จึงเป็นการเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา192 วรรคหนึ่ง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 จำเลยที่ 1 และที่ 3 คงมีความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น แม้ศาลฎีกาจะไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 2 เนื่องจากต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคสอง แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปตลอดถึงจำเลยที่ 2 ได้ด้วยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ในฟ้องข้อ 1 ก โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันผลิตโดยแบ่งบรรจุและมีเมทแอมเฟตามีน 246 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย คำว่า เพื่อจำหน่ายนั้น โจทก์ได้บรรยายมุ่งถึงข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง มิใช่ข้อหาผลิตเมทแอมเฟตามีน ทั้งในฟ้องข้อ 2 ก็ได้บรรยายย้ำว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสามได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสามร่วมกันผลิตและมีไว้เพื่อจำหน่าย และที่เหลือจากการจำหน่ายกับจำหน่ายด้วย จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์บรรยายข้อหาผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายมาในฟ้องแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย และลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในข้อหาดังกล่าว จึงเป็นการเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา192 วรรคหนึ่ง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 จำเลยที่ 1 และที่ 3 คงมีความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น แม้ศาลฎีกาจะไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 2 เนื่องจากต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคสอง แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปตลอดถึงจำเลยที่ 2 ได้ด้วยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3762/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลิตเมทแอมเฟตามีน-ครอบครองเพื่อจำหน่าย: ศาลฎีกาพิพากษาโทษประหารชีวิต ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต
ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 4 คำว่า ผลิต หมายความว่า เพาะปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป ฯลฯ เมื่อมีการผสมปรุงจนเป็นเมทแอมเฟตามีนแล้ว แม้อยู่ในสภาพของเหลวก็ใช้เสพได้เลย การอัดของเหลวให้เป็นเม็ดเป็นเพียงทำให้สะดวกในการซื้อขายกำหนดราคาและปริมาณในการจำหน่ายกันต่อไปเท่านั้น การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษสำเร็จแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ของกลางมิได้เป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะหรือวัตถุอื่น ซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 102 และไม่ใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 32, 33 (2) ไม่อาจริบได้ แต่ศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาคืนของกลางดังกล่าวแก่เจ้าของแม้คู่ความมิได้ฎีกาเกี่ยวกับของกลางดังกล่าวก็ตาม ศาลฎีกามีอำนาจสั่งคืนแก่เจ้าของได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 49 และ 186 (9)
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ของกลางมิได้เป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะหรือวัตถุอื่น ซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 102 และไม่ใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 32, 33 (2) ไม่อาจริบได้ แต่ศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาคืนของกลางดังกล่าวแก่เจ้าของแม้คู่ความมิได้ฎีกาเกี่ยวกับของกลางดังกล่าวก็ตาม ศาลฎีกามีอำนาจสั่งคืนแก่เจ้าของได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 49 และ 186 (9)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 274/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีสรรพสามิตแบตเตอรี่: การผลิตประกอบสำเร็จถือเป็น 'ผลิต' ตามกฎหมาย และสิทธิลดหย่อนภาษี
โจทก์นำเข้าแบตเตอรี่ลักษณะเป็นก้อน เรียกกันทั่วไปว่าถ่านไฟฉายหรือแบตเตอรี่ชนิดเซลล์ก้อน สามารถนำไปใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่าง ๆ ได้ทั่วไป โจทก์ได้นำแบตเตอรี่ดังกล่าวมาจัดเรียงต่อแบบอนุกรม และเชื่อมขั้วแบตเตอรี่แต่ละอันให้ครบวงจรแล้วประกอบเข้ากับกล่องพลาสติก และต่อสายไฟแบตเตอรี่เข้ากับขั้วไฟฟ้าภายในกล่อง การกระทำดังกล่าวเป็นการทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้มีขึ้นซึ่งสินค้า ต้องตามคำนิยาม "ผลิต" ตาม พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 4
โจทก์เสียภาษีสรรพสามิตจากแบตเตอรี่ในฐานะผู้นำเข้า ต่อมานำแบตเตอรี่ดังกล่าวมาผลิตเป็นแบตเตอรี่สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ ต้องเสียภาษีสรรพสามิตในฐานะผู้ประกอบอุตสาหกรรมผลิตอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่เป็นการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อน
การออกกฎกระทรวงว่าด้วยสินค้าที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจะขอลดหย่อนภาษีเพื่อกำหนดให้สินค้าประเภทใดเป็นสินค้าที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจะขอลดหย่อนภาษีได้ เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตาม พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 5 และมาตรา 101 วรรคหนึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงมีอำนาจกำหนดวันใช้บังคับกฎหมายได้ว่าจะให้มีผลย้อนหลังหรือไม่ย้อนหลังก็ได้
โจทก์เสียภาษีสรรพสามิตจากแบตเตอรี่ในฐานะผู้นำเข้า ต่อมานำแบตเตอรี่ดังกล่าวมาผลิตเป็นแบตเตอรี่สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ ต้องเสียภาษีสรรพสามิตในฐานะผู้ประกอบอุตสาหกรรมผลิตอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่เป็นการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อน
การออกกฎกระทรวงว่าด้วยสินค้าที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจะขอลดหย่อนภาษีเพื่อกำหนดให้สินค้าประเภทใดเป็นสินค้าที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจะขอลดหย่อนภาษีได้ เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตาม พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 5 และมาตรา 101 วรรคหนึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงมีอำนาจกำหนดวันใช้บังคับกฎหมายได้ว่าจะให้มีผลย้อนหลังหรือไม่ย้อนหลังก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การผลิตและครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย
เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตเพื่อจำหน่ายกับเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสองมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นจำนวนเดียวกัน จึงถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้จำเลยทั้งสองจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่หากข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าเป็นการกระทำเพียงกรรมเดียว ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษตามบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ และแม้กระบวนการผลิตกับการมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นคนละขั้นตอนกัน แต่เจตนาของจำเลยทั้งสองมีเพียงเจตนาอันเดียวคือมีเจตนาผลิตเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อจำหน่ายเท่านั้น เมื่อมีเจตนามีเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกันกับที่ผลิตไว้เพื่อจำหน่าย จึงถือเป็นการกระทำกรรมเดียวที่ผิดต่อกฎหมายหลายบทตาม ป.อ. มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5249/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผสม, แปรสภาพยาเสพติดเข้าข่าย 'ผลิต' ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด แม้ไม่มีเจตนาจำหน่าย
จำเลยนำเมทแอมเฟตามีนซึ่งผสมแป้งเหนียวจำนวน 1 ถุง มาใส่แท่งพลาสติกซึ่งที่ปลายแท่งมีอักษรดับเบิลยูวายแล้วกดอัดจนเป็นเม็ด ย่อมเป็นการผสม ปรุง แปรสภาพหรือเปลี่ยนรูปเมทแอมเฟตามีน ถือได้ว่าเป็นการผลิตเมทแอมเฟตามีนตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 แล้ว ทั้งการผลิตเมทแอมเฟตามีนนั้นกฎหมายก็แยกเป็นการผลิตโดยมิได้มีเจตนาเพื่อจำหน่ายและผลิตเพื่อจำหน่ายโดยกำหนดโทษหนักเบาต่างกัน แม้ข้อเท็จจริงไม่ปรากฎว่าจำเลยมีพฤติการณ์จำหน่ายยาเสพติดให้โทษ การกระทำของจำเลยก็เป็นการผลิตตามบทบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผลิตยาเสพติดโดยแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่าย มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ แม้จะเสพเองด้วย
เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสามได้ในขณะที่จำเลยทั้งสามกำลังร่วมกันแบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนในหลอดกาแฟที่ตัดเป็นท่อน โดยบรรจุเสร็จแล้ว 3 หลอด หลอดละ 10 เม็ด ยังเหลือเมทแอมเฟตามีนในถุงพลาสติกอีก 120 เม็ด มีหลอดกาแฟที่ตัดเป็นท่อนแล้วอีก 5 หลอด และยังไม่ได้ตัดอีก 36 หลอด อันเป็นการแสดงว่าจำเลยทั้งสามกำลังจะแบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนที่เหลือในถุงพลาสติกลงในหลอดกาแฟที่เตรียมไว้อีกเป็นจำนวนมาก การแบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนของจำเลยทั้งสามจึงเป็นการผลิตตามความหมายของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 4 การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7865/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผลิตยาเสพติดโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่าย และการริบทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง
ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพต่อพันตำรวจตรี ส. พนักงานสอบสวนว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้เป็นของจำเลยทั้งสองที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยซื้อมาจาก ธ. ซึ่งเป็นผู้ที่จำเลยทั้งสองระบุชื่อและที่อยู่ไว้ แม้ตามคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เป็นเสมือนคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แต่คำซัดทอดดังกล่าวมิได้เป็นเรื่องการปัดความผิดของจำเลยที่ 1 ให้เป็นความผิดของจำเลยที่ 2 เพียงผู้เดียว โดยจำเลยที่ 1 คงให้การแจ้งเรื่องราวความเป็นมาของการกระทำความผิดของตนยิ่งกว่าเป็นการปรักปรำจำเลยที่ 2 จึงรับฟังประกอบคำเบิกความพยานโจทก์และพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้
การที่จำเลยทั้งสองที่ร่วมกันแบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางใส่ในหลอดเครื่องดื่มถือว่าเป็นการผลิตตามบทนิยามในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ และเมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตเป็นเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการผลิตโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่ายเป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษบทหนักฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่าย เมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักเพียง 4.86 กรัม เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 65 วรรคท้าย
เทียนไข ไฟแช็ก กรรไกร หลอดเครื่องดื่ม และถุงพลาสติกของกลางนั้น ตามบันทึกการตรวจค้นจับกุมระบุว่าวางอยู่ใกล้เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยทั้งสองกำลังแบ่งบรรจุ ซึ่งจำเลยทั้งสองก็ได้ลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องเกี่ยวกับทรัพย์ดังกล่าวไว้ทั้งจำเลยที่ 1 รับว่า ทรัพย์ดังกล่าวใช้สำหรับการบรรจุเมทแอมเฟตามีน ประกอบกับไฟแช็กและกรรไกรของกลางโดยสภาพสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการแบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนได้ ทรัพย์ของกลางเหล่านั้นจึงเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองที่ต้องริบเสียทั้งสิ้น
การที่จำเลยทั้งสองที่ร่วมกันแบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางใส่ในหลอดเครื่องดื่มถือว่าเป็นการผลิตตามบทนิยามในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ และเมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตเป็นเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการผลิตโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่ายเป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษบทหนักฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่าย เมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักเพียง 4.86 กรัม เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 65 วรรคท้าย
เทียนไข ไฟแช็ก กรรไกร หลอดเครื่องดื่ม และถุงพลาสติกของกลางนั้น ตามบันทึกการตรวจค้นจับกุมระบุว่าวางอยู่ใกล้เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยทั้งสองกำลังแบ่งบรรจุ ซึ่งจำเลยทั้งสองก็ได้ลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องเกี่ยวกับทรัพย์ดังกล่าวไว้ทั้งจำเลยที่ 1 รับว่า ทรัพย์ดังกล่าวใช้สำหรับการบรรจุเมทแอมเฟตามีน ประกอบกับไฟแช็กและกรรไกรของกลางโดยสภาพสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการแบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนได้ ทรัพย์ของกลางเหล่านั้นจึงเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองที่ต้องริบเสียทั้งสิ้น