พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5603/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาที่แท้จริงสำคัญกว่าข้อสัญญา สัญญาจำนำระงับสิ้นหากผู้รับจำนำยอมให้ผู้จำนำใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน
สัญญาจำนำเครื่องจักรระหว่างลูกหนี้กับผู้คัดค้านระบุว่า คู่สัญญาตกลงกันให้ผู้รักษาทรัพย์สินจำนำเป็นผู้รักษาเครื่องจักร แม้ผู้จำนำจะได้รับอนุญาตใช้ประโยชน์ในเครื่องจักรที่จำนำก็ไม่ถือว่าเครื่องจักรกลับคืนไปสู่การครอบครองของผู้จำนำ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเครื่องจักรที่จำนำนั้น ช. เป็นผู้รักษาโดยลูกหนี้เป็นผู้ใช้ประโยชน์ในการประกอบธุรกิจของตนมาโดยตลอด จึงเป็นการเขียนสัญญาไว้เพื่อเลี่ยงกฎหมาย ซึ่งในการตีความการแสดงเจตนานั้นให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษรตาม ป.พ.พ. มาตรา 171 เมื่อเจตนาที่แท้จริงของลูกหนี้ต้องการที่ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินจำนำ การที่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้รับจำนำยอมให้ลูกหนี้เข้าใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินจำนำเป็นการยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนไปสู่ครอบครองของผู้จำนำตาม ป.พ.พ. มาตรา 769 (2) แล้ว สิทธิจำนำจึงระงับสิ้นไป ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตามสัญญาจำนำเครื่องจักร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับบุริมสิทธิระหว่างผู้รับจำนำและผู้รับฝากทรัพย์: ผลกระทบจากการทราบข้อเท็จจริงก่อนการบังคับชำระหนี้
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด เป็นผู้รับจำนำสินค้าจากจำเลยที่ 1 มีบุริมสิทธิในฐานะเป็นผู้รับจำนำ ส่วนผู้ร้องเป็นผู้รับฝากสินค้าจากกจำเลยที่ 1 มีบุริมสิทธิในฐานะผู้รับฝากทรัพย์เช่นกัน จึงเป็นกรณีที่บุริมสิทธิของผู้ร้องในฐานะผู้รับฝากสินค้าแย้งกับสิทธิจำนำของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทร-ธนกิจ จำกัด ซึ่งกรณีเช่นนี้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ในฐานะผู้รับจำนำย่อมมีสิทธิเป็นอย่างเดียวกันกับผู้ทรงบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่ง ตามประมวล-กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 282
แม้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด มีบุริมสิทธิอยู่ในลำดับที่หนึ่งในฐานะผู้รับจำนำสินค้า แต่ขณะที่รับจำนำสินค้าได้ทราบแล้วว่าผู้ร้องเป็นผู้รับฝากสินค้าของจำเลยที่ 1 ไว้ก่อนแล้ว ซึ่งการที่ผู้ร้องรับฝากสินค้าของจำเลยที่ 1 ไว้ก็เพื่อประโยชน์แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งนั้นเองด้วย ดังนี้ กรณีจึงต้องห้ามมิให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์-ภัทรธนกิจ จำกัด ใช้สิทธิในฐานะผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งนั้นต่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับฝากสินค้า หรือผู้รักษาทรัพย์ซึ่งมีบุริมสิทธิอยู่ในลำดับที่สองตามนัยมาตรา 278วรรคสอง แห่ง ป.พ.พ. และแม้กฎหมายมิได้บัญญัติไว้แจ้งชัดว่ากรณีเช่นนี้ ผู้ร้องในฐานะผู้รับฝากสินค้าหรือผู้รักษาทรัพย์มีสิทธิรับชำระหนี้ก่อนหรือหลังบริษัทเงินทุน-หลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ผู้รับจำนำเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อบริษัทเงินทุน-หลักทัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งต่อผู้ร้องได้เช่นนี้แล้ว จึงถือได้ว่าผู้ร้องย่อมมีบุริมสิทธิดีกว่าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์-ภัทรธนกิจ จำกัด และมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจจำกัด
แม้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด มีบุริมสิทธิอยู่ในลำดับที่หนึ่งในฐานะผู้รับจำนำสินค้า แต่ขณะที่รับจำนำสินค้าได้ทราบแล้วว่าผู้ร้องเป็นผู้รับฝากสินค้าของจำเลยที่ 1 ไว้ก่อนแล้ว ซึ่งการที่ผู้ร้องรับฝากสินค้าของจำเลยที่ 1 ไว้ก็เพื่อประโยชน์แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งนั้นเองด้วย ดังนี้ กรณีจึงต้องห้ามมิให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์-ภัทรธนกิจ จำกัด ใช้สิทธิในฐานะผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งนั้นต่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับฝากสินค้า หรือผู้รักษาทรัพย์ซึ่งมีบุริมสิทธิอยู่ในลำดับที่สองตามนัยมาตรา 278วรรคสอง แห่ง ป.พ.พ. และแม้กฎหมายมิได้บัญญัติไว้แจ้งชัดว่ากรณีเช่นนี้ ผู้ร้องในฐานะผู้รับฝากสินค้าหรือผู้รักษาทรัพย์มีสิทธิรับชำระหนี้ก่อนหรือหลังบริษัทเงินทุน-หลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ผู้รับจำนำเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อบริษัทเงินทุน-หลักทัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งต่อผู้ร้องได้เช่นนี้แล้ว จึงถือได้ว่าผู้ร้องย่อมมีบุริมสิทธิดีกว่าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์-ภัทรธนกิจ จำกัด และมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจจำกัด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับบุริมสิทธิ: ผู้ฝากทรัพย์มีสิทธิก่อนผู้รับจำนำ หากรับจำนำโดยรู้ว่ามีผู้ฝากทรัพย์อยู่ก่อน
แม้กฎหมายมิได้บัญญัติไว้แจ้งชัดว่าผู้รับฝากสินค้าหรือผู้รักษาทรัพย์มีสิทธิรับชำระหนี้ก่อนหรือหลังผู้รับจำนำใบรับฝากสินค้าและใบประทวนสินค้าเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อผู้รับจำนำไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งต่อผู้รับฝากสินค้าหรือผู้รักษาทรัพย์ได้ เนื่องจากขณะรับจำนำผู้รับจำนำทราบแล้วว่า ผู้รับฝากหรือผู้รักษาทรัพย์เป็นผู้รับฝากสินค้าไว้ก่อนแล้วทั้งเป็นการรับฝากสินค้าเพื่อประโยชน์แก่ผู้รับจำนำนั้นเองด้วยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 278 วรรคสอง จึงถือได้ว่าผู้รับฝากสินค้าหรือผู้รักษาทรัพย์ย่อมมีบุริมสิทธิดีกว่าผู้รับจำนำและมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนผู้รับจำนำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับสิทธิบุริมสิทธิ: ผู้ฝากทรัพย์มีสิทธิก่อนผู้รับจำนำเมื่อผู้รับจำนำทราบถึงการฝากทรัพย์ก่อน
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด เป็นผู้รับจำนำสินค้าจากจำเลยที่ 1 มีบุริมสิทธิในฐานะเป็นผู้รับจำนำ ส่วนผู้ร้องเป็นผู้รับฝากสินค้าจากจำเลยที่ 1 มีบุริมสิทธิในฐานะผู้รับฝากทรัพย์เช่นกัน จึงเป็นกรณีที่บุริมสิทธิของผู้ร้องในฐานะผู้รับฝากสินค้าแย้งกับสิทธิจำนำของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ซึ่งกรณีเช่นนี้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ในฐานะผู้รับจำนำย่อมมีสิทธิเป็นอย่างเดียวกันกับผู้ทรงบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 282 แม้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด มีบุริมสิทธิอยู่ในลำดับที่หนึ่งในฐานะผู้รับจำนำสินค้า แต่ขณะที่รับจำนำสินค้าได้ทราบแล้วว่าผู้ร้องเป็นผู้รับฝากสินค้าของจำเลยที่ 1 ไว้ก่อนแล้วซึ่งการที่ผู้ร้องรับฝากสินค้าของจำเลยที่ 1 ไว้ก็เพื่อประโยชน์แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งนั้นเองด้วย ดังนี้ กรณีจึงต้องห้ามมิให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ใช้สิทธิในฐานะผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งนั้นต่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับฝากสินค้าหรือผู้รักษาทรัพย์ซึ่งมีบุริมสิทธิอยู่ในลำดับที่สองตามนัยมาตรา 278 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และแม้กฎหมายมิได้บัญญัติไว้แจ้งชัดว่ากรณีเช่นนี้ ผู้ร้องในฐานะผู้รับฝากสินค้าหรือผู้รักษาทรัพย์มีสิทธิรับชำระหนี้ก่อนหรือหลังบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ผู้รับจำนำเพียงใดก็ตามแต่เมื่อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งต่อผู้ร้องได้เช่นนี้แล้วจึงถือได้ว่าผู้ร้องย่อมมีบุริมสิทธิดีกว่าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด และมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3684-3685/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์นายจำนำ การขนย้ายทรัพย์สินที่จำนำโดยอ้างว่าเป็นของผู้อื่นทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับจำนำ
จำเลยได้จำนำทรัพย์สินไว้แก่ผู้เสียหาย การที่จำเลยกับพวกร่วมกันขนย้ายทรัพย์สินที่จำนำไปจากสถานที่เก็บรักษาโดยอ้างว่าทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นของบุคคลอื่นย่อมเป็นการทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับจำนำ เพราะเป็นการทำให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันการจำนำลดจำนวนลงหรือหมดสิ้นไป จึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 349
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218.
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1601/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเชิดตัวแทนจำนำทรัพย์ ศาลยืนยันสิทธิยึดทรัพย์ของผู้รับจำนำ
โจทก์มอบรถยนต์ของโจทก์พร้อมด้วยทะเบียนรถและใบโอนรถซึ่งมีลายมือชื่อโจทก์ในช่องผู้โอน ให้ส.นำไปขายผู้อื่น.แล้วส.นำรถยนต์ไปจำนำไว้กับจำเลยผู้ซึ่งรับจำนำไว้โดยสุจริต. การกระทำของโจทก์ถือได้ว่าเป็นการเชิดส.ให้เป็นตัวแทนของโจทก์. ฉะนั้น โจทก์จะติดตามเอารถยนต์คืนโดยไม่ไถ่ถอนการจำนำก่อนหาได้ไม่. จำเลยมีสิทธิยึดรถยนต์ไว้ได้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้จนครบถ้วน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนำทรัพย์สินไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ผู้รับจำนำมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนบุริมสิทธิ
โจทก์นำยึดสังหาริมทรัพย์เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา แต่เป็นทรัพย์ซึ่งจำเลยจำนำไว้กับผู้ร้อง เช่นนี้ เมื่อผู้ร้องร้องเข้ามาหากกองหมายขายทอดตลาดแล้วได้เงินเท่าใดต้องหักใช้หนี้ผู้ร้องก่อน
การจำนำ ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ(อ้างฎีกาที่ 200/2496)
การจำนำ ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ(อ้างฎีกาที่ 200/2496)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำทรัพย์สิน: การครอบครองทรัพย์สินเป็นสำคัญในการบังคับสิทธิ
ผู้รับจำนำยื่นคำร้องต่อศาลว่าทรัพย์ทีโจทก์ขอให้ศาลยึด - นั้นเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้จำนำต่อผุ้ร้องไว้ ผู้ร้องมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์นั้น ขอให้เอาที่ได้จากการขายหรือจำหน่ายทรัพย์นั้น ชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหน้าที่อื่น รวมทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ดังนี้ คดีปรับเข้า ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 150 คือคำขอคำนวณเป็นราคาเงินได้ ผู้ร้องต้องเสียค่าขึ้นศาลตามอัตราของทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง
จำเลยทำตั๋วสัญญาใช้เงินให้ธนาคารผู้ร้อง 500,000บาท ได้ทำสัญญามอบไม้สักและไม้ซุงซึ่งอยู่ ณ โรงเลื่อยจำเลยให้ผู้ร้องเป็นประกัน ผู้ร้องได้เอาตราธนาคารดีประทับบนไม้ และทำหนังสือให้คนดูแลโรงเลื่อยจำเลยเป็นผู้ดูแลรักษา แต่จำเลยมีสิทธิ์ที่จะนำไม้เหล่านี้ไปเลื่อยและขายได้ โดยขออนุญาตผู้ร้อง แต่ต้องหามาทดแทน ดังนี้ ยังไม่พอที่จะให้ถือว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของผู้รับจำนำหรือบุคคลภายนอกผู้ใดตาม ก.ม. เพราะผู้จำนำจะนำไม้ที่จำนำไปเลื่อยหรือขายก็ได้ฉะนั้นธนาคารผู้รองจะอ้างบุริมสิทธิว่าเป็นการจำนำถูกต้องตาม ก.ม. มิได้
จำเลยทำตั๋วสัญญาใช้เงินให้ธนาคารผู้ร้อง 500,000บาท ได้ทำสัญญามอบไม้สักและไม้ซุงซึ่งอยู่ ณ โรงเลื่อยจำเลยให้ผู้ร้องเป็นประกัน ผู้ร้องได้เอาตราธนาคารดีประทับบนไม้ และทำหนังสือให้คนดูแลโรงเลื่อยจำเลยเป็นผู้ดูแลรักษา แต่จำเลยมีสิทธิ์ที่จะนำไม้เหล่านี้ไปเลื่อยและขายได้ โดยขออนุญาตผู้ร้อง แต่ต้องหามาทดแทน ดังนี้ ยังไม่พอที่จะให้ถือว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของผู้รับจำนำหรือบุคคลภายนอกผู้ใดตาม ก.ม. เพราะผู้จำนำจะนำไม้ที่จำนำไปเลื่อยหรือขายก็ได้ฉะนั้นธนาคารผู้รองจะอ้างบุริมสิทธิว่าเป็นการจำนำถูกต้องตาม ก.ม. มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจำนำที่ดินมีเงื่อนไขสละกรรมสิทธิ์ หากไม่ไถ่ภายในกำหนด ผู้รับจำนำมีสิทธิในที่ดิน
ทำสัญญาจำนำที่นาที่อำเภอและมอบที่นาให้ทำต่างดอกเบี้ยและมีข้อสัญญาว่า ถ้าไม่ไถ่ในกำหนด ผู้จำนำยอมสละอำนาจและกรรมสิทธิให้ผู้รับจำนำ ผู้จำนำไม่ไถ่ล่วงเลยกำหนดมากว่า 10 ปีแล้ว ดังนี้จะฟ้องเรียกที่คืนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจำนำที่ดินไม่ไถ่ตามกำหนด สิทธิในที่ดินตกเป็นของผู้รับจำนำ
ทำสัญญาจำนำที่นาที่อำเภอและมอบที่นาให้ทำต่างดอกเบี้ยและมีข้อสัญญาว่า ถ้าไม่ไถ่ในกำหนด ผู้จำนำยอมสละอำนาจและกรรมสิทธิ์ให้ผู้รับจำนำ ผู้จำนำไม่ไถ่ล่วงเลยกำหนดมากว่า 10 ปีแล้วดังนี้จะฟ้องเรียกที่คืนไม่ได้