คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผ่อนผันหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3103/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผ่อนผันการชำระหนี้ทางแพ่ง ไม่ถือเป็นการยอมความในคดีอาญา สิทธิฟ้องอาญาไม่ระงับ
โจทก์และจำเลยแถลงต่อศาลตามรายงานกระบวนพิจารณาของ ศาลชั้นต้นว่า จำเลยจะจดทะเบียนโอนที่ดินตีใช้หนี้ผู้เสียหายบางส่วน แต่ผู้เสียหายแถลงว่าเกรงว่าที่ดินจะมีปัญหาจึงขอให้จำเลยชำระเป็นเงินสด จำเลยยอมรับว่าจะชดใช้เงินสดโดยผ่อนชำระเป็น 3 งวด โดยจำเลยจะนำเงินไปชำระให้ผู้เสียหาย ที่บ้าน งวดที่ 2 จำเลยจะนำเงินไปชำระให้ผู้เสียหายที่ศาล งวดที่ 3 ชำระส่วนที่เหลือพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15 ต่อปี หากจำเลยผิดนัดไม่ชำระงวดที่ 1 และงวดที่ 2 แล้วจำเลยจะต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงินที่ค้างชำระอีกด้วยนั้น กรณีเป็นเรื่องที่ผู้เสียหายผ่อนผันการชำระเงินทางแพ่งเท่านั้น เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงแสดงว่าผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย จึงถือไม่ได้ว่ามีการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4781/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยจากการผ่อนผันการชำระหนี้ ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ก) และต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย
เงินที่โจทก์ชำระให้แก่บริษัทผู้ขายเป็นเงินที่โจทก์ให้ผลประโยชน์ตอบแทนในการที่บริษัทผู้ขายผ่อนปรนการชำระราคาสินค้าที่โจทก์จะต้องชำระออกไปเป็นระยะเวลา 180 วัน โดยบริษัทผู้ขายคิดเป็นอัตราร้อยละ 10.8 ต่อปี เงินจำนวนดังกล่าวจึงเป็นเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับดอกเบี้ย ผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากสิทธิเรียกร้องในหนี้ทุกชนิดตามที่ประมวลรัษฎากรมาตรา 40(4)(ก) บัญญัติไว้ แม้ว่าเงินได้ดังกล่าวบางส่วนบริษัทผู้ขายมีสิทธิที่จะได้รับจากโจทก์ก่อนที่บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับแต่เงินจำนวนทั้งหมดโจทก์ก็ได้โอนจ่ายจากประเทศไทยให้แก่บริษัทผู้ขายที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ซึ่งมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 17กุมภาพันธ์ 2535 และวันที่ 24 เมษายน 2535 อันเป็นเวลาภายหลังจากการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร มาตรา 40(4)(ก) มีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 7พฤศจิกายน 2534 จึงมิใช่เป็นการนำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับย้อนหลังแก่โจทก์โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งตามที่ประมวลรัษฎากร มาตรา 70กำหนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5329/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละอายุความด้วยการผ่อนผันหนี้และแปลงหนี้เป็นหนี้เงินกู้ ทำให้เกิดผลผูกพันตามสัญญาใหม่
หลังจากสิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามตั๋วสัญญาใช้เงินขาดอายุความแล้วจำเลยทำหนังสือขอผ่อนผันการชำระหนี้ถึงโจทก์แจ้งว่าตามที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำเลยยินยอมชำระหนี้ให้โจทก์โดยการผ่อนชำระและจำเลยยอมสละประโยชน์แห่งอายุความของสิทธิเรียกร้องดังกล่าวข้างต้นย่อมถือได้ว่าจำเลยได้แสดงเจตนาที่จะสละประโยชน์แห่งอายุความแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/24 แม้หนังสือดังกล่าวจะมีข้อความว่าจำเลยขอแปลงหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นหนี้เงินกู้โดยขอให้งดคิดดอกเบี้ยหนี้เงินกู้ใหม่ไว้1ปีด้วยก็ตามแต่ก็มิได้มีข้อกำหนดว่าหากโจทก์ไม่ตกลงตามข้อเสนอดังกล่าวแล้วจะมีผลอย่างไรการที่โจทก์ไม่ตกลงด้วยในการงดคิดดอกเบี้ยจึงไม่มีผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของการแสดงเจตนาสละประโยชน์แห่งอายุความของจำเลย จำเลยทำหนังสือสัญญาแปลงหนี้จากหนี้เดิมตามตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นหนี้เงินกู้แม้หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจะขาดอายุความแล้วแต่เมื่อโจทก์จำเลยยังมีหนี้เดิมต่อกันตามตั๋วสัญญาใช้เงินสัญญากู้ที่แปลงหนี้มาก็ย่อมมีมูลหนี้โจทก์จำเลยจึงต้องผูกพันกันตามหนังสือสัญญาแปลงหนี้ดังกล่าวจำเลยจึงไม่มีสิทธิยกอายุความตามตั๋วสัญญาใช้เงินขึ้นต่อสู้โจทก์ หนี้ตามสัญญากู้ที่จำเลยตกลงกับโจทก์แปลงมาจากหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินตามหนังสือแปลงหนี้มีข้อตกลงว่าจำเลยจะชำระหนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้นเมื่อโจทก์เรียกร้องจึงเป็นหนี้ที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่จำต้องบอกกล่าวก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7014/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความผ่อนผันหนี้ การรับผิดส่วนตัวของตัวแทนที่ไม่มีอำนาจ และดอกเบี้ยผิดนัด
หนังสือตกลงชำระหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความผ่อนผันการชำระค่าเสียหายซึ่งเกิดขึ้นจากการที่จำเลยผิดสัญญาส่งข้าวโพดทำให้โจทก์ต้องไปซื้อข้าวโพดราคาสูงขึ้น แต่ตกลงผ่อนผันกันตามข้อตกลงชำระหนี้ระหว่างคู่กรณีโดยคิดค่าเสียหายจากราคาหาบละ 177บาท ซึ่งคิดคำนวณค่าเสียหายได้เพียง 240,000 บาท และให้ฝ่ายจำเลยผ่อนชำระค่าเสียหายเช่นนี้หนี้ตามสัญญาเดิมจึงระงับและมาบังคับกันตามข้อตกลงยอมชำระหนี้ดังกล่าวนี้ต่อไป การที่จำเลยนำสืบว่าบริษัท ส.คือบริษัทต. และจำเลยมาทำการแทนบริษัท ส. ในการทำข้อตกลงยอมชำระหนี้กับโจทก์เป็นการนำสืบนอกคำให้การ รับฟังไม่ได้ จำเลยเข้าทำข้อตกลงยอมชำระหนี้แก่โจทก์ตามข้อตกลง ชำระหนี้ในนามตนเอง การที่จำเลยอ้างว่าทำแทนบริษัท ส. ซึ่งไม่มีตัวตน จำเลยจึงต้องรับผิดเป็นส่วนตัว และจำเลย ผิดนัดต่อโจทก์โดยไม่ยอมผ่อนชำระหนี้ตามข้อตกลงจึงต้อง รับผิดพร้อมทั้งดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีอาญา: การผ่อนผันหนี้โดยโจทก์ไม่ทำให้การนับอายุความเริ่มต้นใหม่
ผู้เสียหายทราบถึงการกระทำผิดฐานยักยอกของจำเลยแล้วตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2530 ส่วนที่ผู้เสียหายให้จำเลยนำเงินที่ขาดมาส่งมอบให้ผู้เสียหายภายใน 30 วัน นับจากวันดังกล่าว เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายผ่อนผันให้โอกาสจำเลยนำเงินมาคืนผู้เสียหายเพื่อผู้เสียหายจะไม่ดำเนินคดีแก่จำเลย ไม่มีผลที่จะทำให้ถือว่าผู้เสียหายเพิ่งทราบถึงการกระทำผิดของจำเลยเมื่อพ้นกำหนด 30 วันนับจากวันที่ผู้เสียหายผ่อนผันให้จำเลยนำเงินมาคืน เมื่อผู้เสียหายไปร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยเมื่อพ้นกำหนด 3 เดือนนับจากวันที่ 31 สิงหาคม 2530 ซึ่งเป็นวันที่ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีจึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาของคู่สัญญาสำคัญกว่าข้อตกลงในสัญญา หากมีการผ่อนผันและรับชำระหนี้ต่อเนื่อง สัญญาเดิมยังคงมีผล
แม้สัญญาเช่าซื้อจะระบุว่าถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้องวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเลิกกันและผู้เช่าซื้อต้อง ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อโดยพลันก็ตาม แต่ปรากฏว่าจำเลยผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่ต้นตลอดมา โดยมิได้ชำระตรงตามกำหนดแต่ละงวด ซึ่งโจทก์ผู้ให้เช่าซื้อก็ผ่อนผัน ยอมรับค่าเช่าซื้อที่ชำระไม่ครบตามกำหนดนั้นตลอดมา แสดงว่า โจทก์ไม่ถือเอาข้อสัญญาดังกล่าวเป็นสาระสำคัญ แต่โจทก์กลับยังถือว่า สัญญาเช่าซื้อมีผลต่อไป จึงได้ยอมรับค่าเช่าซื้อไว้ เมื่อคู่สัญญา มีเจตนาถือว่าสัญญาเช่าซื้อยังมีผลต่อกัน และต่อมาก็มิได้มีการ บอกเลิกสัญญาแก่กันเช่นนี้ โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องเรียก ค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยไม่ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนจากจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน การขยายเวลาผ่อนผันหนี้ ทำให้จำเลยยังคงมีภาระผูกพันตามสัญญาค้ำประกัน
โจทก์ได้เข้าอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัท ว. ออกให้แก่บริษัท ท. โดยจำเลยในฐานะผู้จัดการของบริษัท ว. ได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อโจทก์ว่า หากโจทก์ได้ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินแล้ว จำเลยยอมชดใช้เงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ต่อมาเมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนด บริษัท ว. ขอยืดเวลาการชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาต่อบริษัท ท. ผู้ทรงออกไปรวม 2 ครั้งโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ใหม่ทั้งสองครั้ง โจทก์ได้เข้าอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับนั้นตามคำขอร้อง ของ บริษัท ว.ครั้นตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับหลังสุดถึงกำหนด โจทก์ได้ชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นให้แก่บริษัท ท. ตามที่ได้รับการทวงถามดังนี้ เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับที่ออกใหม่มีมูลหนี้มาจากตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับแรก และตามหนังสือสัญญาค้ำประกันที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์มีใจความว่า จำเลยยอมรับผิดชดใช้เงินที่โจทก์จ่ายไปในการที่โจทก์อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัท ว. ในวงเงินที่กำหนดเท่านั้น หาได้ระบุวันออกตั๋วและวันถึงกำหนดใช้เงินไว้ไม่ อีกทั้งสัญญาค้ำประกันก็ระบุว่าหากโจทก์ผ่อนผันเวลาการชำระหนี้ให้แก่ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินจำเลยตกลงด้วยในการผ่อนผันเวลาทุกครั้ง โดยโจทก์ไม่ต้องแจ้งให้ทราบก่อน จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ในการที่โจทก์เข้ารับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับหลังสุดด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3613/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้และการคิดดอกเบี้ยจากต้นเงินเดิม แม้มีการตกลงผ่อนผันหนี้
แม้จำเลยยอมรับตามหนังสือขอผ่อนผันการชำระหนี้ว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์จำนวนเงินตามเช็คทั้งสองฉบับกับดอกเบี้ยค้างชำระเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 71,058.78 บาท ก็ตามแต่ในหนังสือดังกล่าวก็ระบุไว้ชัดว่าจำเลยตกลงจะขอชำระหนี้จำนวน 20,000 บาท ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2524 และขอผ่อนชำระหนี้ที่เหลือเดือนละ 2,000 บาทภายในสิ้นเดือนของทุกเดือนเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2524 หากผิดนัดยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปีตามปกติกับขอให้โจทก์งดคิดดอกเบี้ยในระหว่างผ่อนชำระและลดหย่อนให้บ้าง หาได้รับสภาพหนี้ในต้นเงิน 71,058.79 บาท โดยยินยอมให้โจทก์เอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้ากับต้นเงินตามเช็คทั้งสองฉบับแล้วให้คิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ทบเข้ากันนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 655 ไม่ ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในต้นเงิน30,000 บาท ตามเช็คทั้งสองฉบับรวมกัน ซึ่งเป็นสิทธิเรียกร้องที่โจทก์มีอยู่เดิมต่อจำเลยผู้เป็นลูกหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3613/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้และการคิดดอกเบี้ยจากต้นเงินเดิม แม้มีการตกลงผ่อนผันหนี้
แม้จำเลยยอมรับตามหนังสือขอผ่อนผันการชำระหนี้ว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์จำนวนเงินตามเช็คทั้งสองฉบับกับดอกเบี้ยค้างชำระเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 71,058.78 บาท ก็ตามแต่ในหนังสือดังกล่าวก็ระบุไว้ชัดว่าจำเลยตกลงจะขอชำระหนี้จำนวน 20,000 บาท ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2524 และขอผ่อนชำระหนี้ที่เหลือเดือนละ 2,000 บาทภายในสิ้นเดือนของทุกเดือนเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2524 หากผิดนัดยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปีตามปกติกับขอให้โจทก์งดคิดดอกเบี้ยในระหว่างผ่อนชำระและลดหย่อนให้บ้าง หาได้รับสภาพหนี้ในต้นเงิน 71,058.79 บาท โดยยินยอมให้โจทก์เอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้ากับต้นเงินตามเช็คทั้งสองฉบับแล้วให้คิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ทบเข้ากันนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 655 ไม่ ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในต้นเงิน30,000 บาท ตามเช็คทั้งสองฉบับรวมกัน ซึ่งเป็นสิทธิเรียกร้องที่โจทก์มีอยู่เดิมต่อจำเลยผู้เป็นลูกหนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีเช็ค: การผ่อนผันการชำระหนี้ทางแพ่งไม่ถือเป็นการยอมความทางอาญา
คดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่อไปได้
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม เมื่อเช็คขึ้นเงินไม่ได้ ผู้จัดการของโจทก์ร่วมตกลงให้จำเลยผ่อนชำระเป็นรายเดือนๆ ละ 10,000 บาท จำเลยได้ชำระเงินบ้างแล้ว แต่ยังไม่ครบจำนวนตามเช็ค ต่อมาจำเลยขอผ่อนชำระเดือนละ 5,000 บาท โจทก์ร่วมไม่ยอม ดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์ร่วมผ่อนผันการชำระเงินทางแพ่งเท่านั้น การที่โจทก์ร่วมมิได้คืนเช็คให้จำเลย ย่อมแสดงเจตนาของโจทก์ร่วมที่ไม่ประสงค์จะให้คดีอาญาระงับ ถือไม่ได้ว่ามีการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องหาระงับไปไม่
of 2