พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องหลังจำเลยให้การแล้ว หากเป็นการฟ้องผิดตัวบุคคล ศาลย่อมไม่รับคำขอแก้ไข
เดิมโจทก์ฟ้องว่า จำเลยคือนางประไพพรรณหรือซายิดจันจุมอัมพาหรือนางประไพพรรณอับบาส โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท บุคคลที่ถูกฟ้องดังกล่าวมีเพียงคนเดียวเป็นหญิง มีชื่อ 2 ชื่อ ชื่อสกุล 2 ชื่อ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขหลังจากที่จำเลยยื่นคำให้การต่อศาลแล้วว่า จำเลยมิได้เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายคือเจ้าของบัญชีร่วมกับจำเลยแม้ศาลชั้นต้นจะยังไม่ได้สั่งรับคำให้การก็ตามแต่ก็ทำให้ ปรากฏว่าผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทเป็นผู้อื่นที่ไม่ใช่บุคคลซึ่งมีชื่อตามที่โจทก์ฟ้อง การขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ใช่เป็นเพียงการขอแก้ไขชื่อจำเลย แต่เป็นเรื่อง ที่โจทก์ฟ้องผิดคนแล้วขอแก้ไขคำฟ้อง ซึ่งถ้าศาลสั่งอนุญาต จะมีผลเป็นการเปลี่ยนตัวบุคคลซึ่งเป็นจำเลย จากบุคคลหนึ่งเป็นอีกบุคคลหนึ่ง ศาลจึงต้องสั่งยกคำร้องของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2731/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องค่าชดเชย แม้ฟ้องชื่อบริษัทเดิมหลังเปลี่ยนชื่อแล้ว ก็ไม่ถือเป็นฟ้องผิดตัว หากมีเจตนาฟ้องนายจ้างที่รับโอนไป
บริษัทจำเลยจดทะเบียนเลิกบริษัท แล้วจดทะเบียนตั้งบริษัท ส.พรเจริญโภคภัณฑ์คอนติเนตัล จำกัด ขึ้นมาใหม่ โดยใช้สถานที่ตั้งบริษัทเดิม โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัทจำเลยไม่อาจรู้ได้ และบริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ก็ได้รับโอนโจทก์กับคนงานอื่นมาเป็นลูกจ้างโดยรับโอนอายุการทำงานมาด้วย มิได้มีการตกลงจ้างกันใหม่แต่อย่างใด ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของบริษัทที่ได้จดทะเบียนตั้งขึ้นใหม่ และโจทก์ก็มุ่งประสงค์ที่จะฟ้องบริษัทที่เป็นนายจ้างของโจทก์ให้รับผิดในค่าชดเชยนั่นเอง แม้จะฟ้องในชื่อเดิมก็มิใช่เป็นเรื่องฟ้องผิดตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2731/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องร้องค่าชดเชยแม้ฟ้องผิดชื่อบริษัท ศาลไม่ถือเป็นการฟ้องผิดตัวหากมีเจตนาฟ้องนายจ้างที่แท้จริง
บริษัทจำเลยจดทะเบียนเลิกบริษัท แล้วจดทะเบียนตั้งบริษัทส.พรเจริญโภคภัณฑ์คอนติเนตัล จำกัด ขึ้นมาใหม่ โดยใช้สถานที่ตั้งบริษัทเดิม โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัทจำเลยไม่อาจรู้ได้และบริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ก็ได้รับโอนโจทก์กับคนงานอื่นมาเป็นลูกจ้างโดยรับโอนอายุการทำงานมาด้วย มิได้มีการตกลงจ้างกันใหม่แต่อย่างใด ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของบริษัทที่ได้จดทะเบียนตั้งขึ้นใหม่ และโจทก์ก็มุ่งประสงค์ที่จะฟ้องบริษัทที่เป็นนายจ้างของโจทก์ให้รับผิดในค่าชดเชยนั่นเอง แม้จะฟ้องในชื่อเดิมก็มิใช่เป็นเรื่องฟ้องผิดตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2731/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องค่าชดเชยแม้ฟ้องผิดชื่อบริษัทก็ไม่ถือเป็นฟ้องผิดตัว หากมีเจตนาฟ้องนายจ้างที่แท้จริง
บริษัทจำเลยจดทะเบียนเลิกบริษัทแล้วจดทะเบียนตั้งบริษัทส.พรเจริญโภคภัณฑ์คอนติเนตัลจำกัดขึ้นมาใหม่โดยใช้สถานที่ตั้งบริษัทเดิมโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัทจำเลยไม่อาจรู้ได้และบริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ก็ได้รับโอนโจทก์กับคนงานอื่นมาเป็นลูกจ้างโดยรับโอนอายุการทำงานมาด้วยมิได้มีการตกลงจ้างกันใหม่แต่อย่างใดข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของบริษัทที่ได้จดทะเบียนตั้งขึ้นใหม่และโจทก์ก็มุ่งประสงค์ที่จะฟ้องบริษัทที่เป็นนายจ้างของโจทก์ให้รับผิดในค่าชดเชยนั่นเองแม้จะฟ้องในชื่อเดิมก็มิใช่เป็นเรื่องฟ้องผิดตัว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1702/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดตัวและการเรียกคู่ความเพิ่มเติม: ศาลไม่อนุญาตเรียกจำเลยร่วมเมื่อไม่มีนิติสัมพันธ์กัน และควรฟ้องคดีใหม่
โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์นั่ง ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะเจ้าของรถยนต์บรรทุกและเป็นนายจ้างของ ส. และฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุก โดยมิได้ฟ้อง ส. คนขับรถยนต์บรรทุกผู้กระทำละเมิด ต่อมาในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์เพิ่งเทราบว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกและเป็นนายจ้างของ ส. จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมโดยอ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ดังนี้ จำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องเดิมกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. ไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน รูปคดีเป็นเรื่องฟ้องผิดตัว โจทก์จะขอให้ศาลหมายเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57 (3) หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1702/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดตัวและการเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม จำเลยร่วมไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยเดิม
โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์นั่ง ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะเจ้าของรถยนต์บรรทุกและเป็นนายจ้างของ ส. และฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุก โดยมิได้ฟ้อง ส. คนขับรถยนต์บรรทุกผู้กระทำละเมิด ต่อมาในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์เพิ่งทราบว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกและเป็นนายจ้างของ ส. จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมโดยอ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ดังนี้ จำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องเดิมกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. ไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน รูปคดีเป็นเรื่องฟ้องผิดตัว โจทก์จะขอให้ศาลหมายเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376-377/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม และการฟ้องผิดตัวบุคคลในคดีแรงงาน
จำเลยให้โจทก์ออกจากงานซึ่งเป็นการไม่เป็นธรรมทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยต้องจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ โดยถืออัตราค่าจ้างก่อนโจทก์ถูกเลิกจ้างมาเป็นการคำนวณค่าเสียหายการจะใช้คำว่าค่าจ้างหรือค่าเสียหายไขว้เขวไป ไม่ทำให้อายุความ 10 ปีเรื่องจำเลยผิดสัญญาจ้างเปลี่ยนแปลงไปเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
การฟ้องผิดตัวจำเลยเป็นเรื่องอำนาจฟ้อง แม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ถ้าศาลเห็นสมควรก็ยกขึ้นเองได้
ศาลมีอำนาจคำนวณค่าเสียหายให้ได้ตามที่เห็นสมควรอุทธรณ์ของโจทก์โต้เถียงวิธีคิดค่าเสียหายซึ่งเป็นข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
การฟ้องผิดตัวจำเลยเป็นเรื่องอำนาจฟ้อง แม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ถ้าศาลเห็นสมควรก็ยกขึ้นเองได้
ศาลมีอำนาจคำนวณค่าเสียหายให้ได้ตามที่เห็นสมควรอุทธรณ์ของโจทก์โต้เถียงวิธีคิดค่าเสียหายซึ่งเป็นข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินผิดตัวเนื่องจากชื่อจำเลยไม่ตรงกับลูกหนี้จริง การบังคับคดีจึงไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องโดยใช้ชื่อผู้ร้องเป็นจำเลย จนศาลพิพากษาให้ผู้ร้องชำระหนี้แก่โจทก์ แต่ความจริงผู้ที่เป็นลูกหนี้โจทก์และถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลคือน้องชายของผู้ร้องไม่ใช่ตัวผู้ร้อง การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของผู้ร้อง จึงเป็นการยึดทรัพย์สินของผู้อื่นมิใช่ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ต้องถอนการยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554-1555/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดตัว, การแก้ฟ้อง, การเลื่อนวันสืบพยาน, และคำมั่นสัญญาเช่า การบังคับตามสัญญา
สำเนาเอกสารสัญญาเช่าเฉพาะที่โจทก์ส่งให้จำเลยนั้นกล่าวชื่อบริษัทเช็คโกสโลวาเกียนสยามจำกัดผิดไปเป็นชื่อสินสยาม จำกัด ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องไว้อีกสำนวนหนึ่ง และศาลได้เห็นเหตุแล้วว่าเป็นแต่เพียงผิดพลาดในการสอดแนบเอกสาร จึงไม่ใช่เป็นการฟ้องผิดตัว
ต้องระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยาน 3 วันนั้น ย่อมหมายถึงวันสืบพยานจริง ๆ ถึงวันนัดแม้ยังมิได้ระบุพยานไว้ แต่เมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลก็อนุญาตให้เลื่อนไปได้
แม้ผู้ให้เช่าจะได้ให้คำมั่นว่าครบสัญญาแล้วจะให้เช่าต่ออีก 3 ปี เมื่อปรากฎว่าครบสัญญาแล้วจำเลยผู้เช่าได้เช่าต่ออีก 3 ปีแล้ว ดังนี้จึงไม่มีอะไรที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยจะต้องได้เช่าต่อไปอีก 3 ปี.
(อ้างฎีกาที่ 1061/2491)
ต้องระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยาน 3 วันนั้น ย่อมหมายถึงวันสืบพยานจริง ๆ ถึงวันนัดแม้ยังมิได้ระบุพยานไว้ แต่เมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลก็อนุญาตให้เลื่อนไปได้
แม้ผู้ให้เช่าจะได้ให้คำมั่นว่าครบสัญญาแล้วจะให้เช่าต่ออีก 3 ปี เมื่อปรากฎว่าครบสัญญาแล้วจำเลยผู้เช่าได้เช่าต่ออีก 3 ปีแล้ว ดังนี้จึงไม่มีอะไรที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยจะต้องได้เช่าต่อไปอีก 3 ปี.
(อ้างฎีกาที่ 1061/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญา แม้ชื่อสกุลไม่ถูกต้อง แต่ไม่ผิดตัวบุคคล ไม่ถือเป็นการฟ้องผิดตัว
ฟ้องของโจทก์กล่าวนามสกุลของจำเลยผิดไป แต่ถ้าไม่ผิดตัวบุคคล ก็มิใช่เป็นการฟ้องผิดตัว