พบผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7263/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มติคณะกรรมการการแพทย์เป็นเพียงการตอบข้อหารือ ไม่ใช่คำสั่งทางปกครอง จึงไม่ตัดสิทธิผู้ประกันตนในการเรียกร้องค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์
มติของคณะกรรมการการแพทย์ สำนักงานประกันสังคมเป็นเพียงการตอบข้อหารือในเรื่องการจ่ายค่าอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค ตามที่โรงพยาบาล ม. หารือไป มิใช่คำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย แม้จำเลยจะส่งมติดังกล่าวไปให้โรงพยาบาลม. อันเป็นสถานพยาบาลที่โจทก์เลือกเพื่อเข้ารับการรักษาตามสิทธิก็ไม่มีผลบังคับให้โรงพยาบาล ม. ต้องปฏิบัติตาม ทั้งไม่มีผลตัดสิทธิของโจทก์ที่จะได้รับค่าอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาจนเต็มจำนวนหากโจทก์มีสิทธิตามกฎหมายที่จะเรียกได้ มติของคณะกรรมการการแพทย์ดังกล่าวจึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับความเสียหายและการถอนฟ้องคดีแรงงานจากการแถลงมติคณะกรรมการ
ในระหว่างพิจารณา คู่ความแถลงยอมรับมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์กับมีมติให้ ส.ไปชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลและฝ่ายโจทก์ยอมถอนฟ้องคดีนี้หากศาลมีคำสั่งเรียก ส.มาแถลงเพื่อยืนยันมติคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ดังกล่าว และเนื่องจากมติคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญในคดี จึงมีเหตุสมควรที่ศาลแรงงานจะมีคำสั่งเรียก ส.กับพวกมาศาลเพื่อแถลงถึงมติที่ประชุมดังกล่าวให้ได้ความชัดเจนในประเด็นว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยทั้งสามหรือไม่ โดยอาศัยบทบัญญัติมาตรา 45 วรรคหนึ่งแห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 เมื่อ ส.กับพวกมาศาลแถลงว่าโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายอันเนื่องจากการกระทำของจำเลยทั้งสาม กรณีก็ไม่จำต้องสืบพยานในประเด็นข้อนี้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มติคณะกรรมการดำเนินการเพิกถอนการดำเนินคดีโจทก์ ศาลรับฟังได้และพิพากษายกฟ้อง ชอบด้วยกฎหมาย
ในระหว่างพิจารณา คู่ความแถลงยอมรับมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์กับมีมติให้ ส. ไปชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลและฝ่ายโจทก์ยอมถอนฟ้องคดีนี้ หากศาลมีคำสั่งเรียก ส. มาแถลงเพื่อยืนยันมติคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ดังกล่าว และเนื่องจากมติคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญในคดีจึงมีเหตุสมควรที่ศาลแรงงานจะมีคำสั่งเรียก ส.กับพวกมาศาลเพื่อแถลงถึงมติที่ประชุมดังกล่าวให้ได้ความชัดเจนในประเด็นว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยทั้งสามหรือไม่โดยอาศัยบทบัญญัติมาตรา 45 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 เมื่อ ส. กับพวกมาศาลแถลงว่าโจทก์ไม่ได้รบความเสียหายอันเนื่องจากการกระทำของจำเลยทั้งสาม กรณีก็ไม่จำต้องสืบพยานในประเด็นข้อต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มติคณะกรรมการดำเนินการเพิกถอนการดำเนินคดี – ศาลมีอำนาจสืบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อความยุติธรรม
ในระหว่างพิจารณาคู่ความแถลงยอมรับมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์กับมีมติให้ส. ไปชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลและฝ่ายโจทก์ยอมถอนฟ้องคดีนี้หากศาลมีคำสั่งเรียกส. มาแถลงเพื่อยืนยันมติคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ดังกล่าวและเนื่องจากมติคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญในคดีจึงมีเหตุสมควรที่ศาลแรงงานจะมีคำสั่งเรียกส.กับพวกมาศาลเพื่อแถลงถึงมติที่ประชุมดังกล่าวให้ได้ความชัดเจนในประเด็นว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยทั้งสามหรือไม่โดยอาศัยบทบัญญัติมาตรา45วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522เมื่อส. กับพวกมาศาลแถลงว่าโจทก์ไม่ได้รบความเสียหายอันเนื่องจากการกระทำของจำเลยทั้งสามกรณีก็ไม่จำต้องสืบพยานในประเด็นข้อต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3014-3018/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สวัสดิการเงินตอบแทนพิเศษ: มติคณะกรรมการไม่ใช่เงื่อนไขการจ่าย แต่เป็นวิธีดำเนินการ นายจ้างต้องจ่ายเมื่อลูกจ้างไม่ผิดวินัย
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างระบุว่า"บริษัทให้เงินตอบแทนพิเศษแก่พนักงานที่ทำงานครบ5ปีแล้วลาออกให้เงินตอบแทน50วันของค่าแรงขณะนั้นทำงานเกิน10ปีแล้วลาออกให้เงินตอบแทนไม่น้อยกว่า300วันของค่าแรงขณะนั้นแต่ต้องผ่านมติของคณะกรรมการผู้ที่ทำผิดถูกไล่ออกเงินตอบแทนนี้ไม่จ่ายให้เลย"การจ่ายเงินตอบแทนพิเศษนี้เป็นสวัสดิการประเภทหนึ่งซึ่งนายจ้างจัดให้แก่ลูกจ้างทุกคนอันถือว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างด้วยตามถ้อยคำนายจ้างประสงค์จะให้สวัสดิการอันมีลักษณะเป็นการจูงใจพนักงานให้ทำงานอยู่กับบริษัทของนายจ้างเป็นเวลานานปีและหากพนักงานดังกล่าวได้ทำงานครบห้าปีหรือครบสิบปีแล้วลาออกจากงานก็จะได้เงินตอบแทนพิเศษตามอัตราที่กำหนดไว้ทุกคนนายจ้างจะไม่จ่ายเงินตอบแทนพิเศษดังกล่าวให้เฉพาะพนักงานที่กระทำผิดและถูกไล่ออกเท่านั้นสำหรับถ้อยคำที่นายจ้างกำหนดไว้ว่าแต่ต้องผ่านมติของคณะกรรมการนั้นเป็นเพียงวิธีดำเนินการของนายจ้างฝ่ายเดียวเท่านั้นมิใช่เป็นเงื่อนไขในการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษเพราะหากเป็นเงื่อนไขก็จะทำให้การจ่ายเงินดังกล่าวเป็นไปตามความพอใจของนายจ้างหรือการพิจารณาของคณะกรรมการเป็นรายๆไปอันเป็นช่องทางก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นได้เมื่อไม่ปรากฏว่าลูกจ้างทำผิดถูกไล่ออกตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานข้างต้นนายจ้างก็ต้องจ่ายเงินตอบแทนพิเศษให้แก่ลูกจ้างนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2650/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อคืนที่ดินเช่าเมื่อมีการซื้อขายโดยไม่แจ้งผู้เช่า: คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา แม้มีมติคณะกรรมการเช่านาภายหลัง
โจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทจากจำเลยที่ 1 เจ้าของเดิมโจทก์ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 41 และเมื่อจำเลยที่ 2 รับว่าเป็นผู้ซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่ 1 ในปี พ.ศ.2522 และไปจดทะเบียนโอนเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2523 โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบก่อน โจทก์ย่อมมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่ 2 ได้นับแต่วันจดทะเบียนโอนดังกล่าว
คณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำจังหวัดมีมติเมื่อวันที่15 เมษายน 2524 ให้โจทก์คืนนาแก่จำเลยที่ 2 เนื่องจากจำเลยที่ 2 กล่าวหาว่าโจทก์ตัดดินในนาพิพาทไปขาย และขอเลิกการเช่ามติของคณะกรรมการดังกล่าวเป็นมติซึ่งมีในภายหลังที่โจทก์มีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่ 2 และเป็นเรื่องต่างประเด็นกัน จึงไม่อาจลบล้างสิทธิของโจทก์ได้ ทั้งโจทก์ไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาใช้บังคับในภายหลัง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำจังหวัดมีมติเมื่อวันที่15 เมษายน 2524 ให้โจทก์คืนนาแก่จำเลยที่ 2 เนื่องจากจำเลยที่ 2 กล่าวหาว่าโจทก์ตัดดินในนาพิพาทไปขาย และขอเลิกการเช่ามติของคณะกรรมการดังกล่าวเป็นมติซึ่งมีในภายหลังที่โจทก์มีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่ 2 และเป็นเรื่องต่างประเด็นกัน จึงไม่อาจลบล้างสิทธิของโจทก์ได้ ทั้งโจทก์ไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาใช้บังคับในภายหลัง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2650/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อคืนที่ดินเช่า เมื่อผู้ซื้อไม่แจ้งการโอนสิทธิ และผลกระทบของมติคณะกรรมการภายหลัง
โจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทจากจำเลยที่1เจ้าของเดิมโจทก์ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517มาตรา41และเมื่อจำเลยที่2รับว่าเป็นผู้ซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่1ในปีพ.ศ.2522และไปจดทะ่เบียนโอนเมื่อวันที่24เมษายน2523โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนโจทก์ย่อมมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่2ได้นับแต่วันจดทะเบียนโอนดังกล่าว คณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำจังหวัดมีมติเมื่อวันที่15เมษายน2524ให้โจทก์คืนนาแก่จำเลยที่2เนื่องจากจำเลยที่2กล่าวหาว่าโจทก์ตัดดินในนาพิพาทไปขายและขอเลิกการเช่ามติของคณะกรรมการดังกล่าวเป็นมติซึ่งมีในภายหลังที่โจทก์มีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่2และเป็นเรื่องต่างประเด็นกันจึงไม่อาจลบล้างสิทธิของโจทก์ได้ทั้งโจทก์ไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรา59แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาใช้บังคับในภายหลังโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2945/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในการฟ้องเพิกถมติคณะกรรมการ หากได้รับประโยชน์จากมติดังกล่าวแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งอ้างว่าเป็นมติไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้โจทก์เสียหายเพราะถูกเดินรถทับเส้นทาง เมื่อได้ความว่ามติที่ประชุมดังกล่าวคณะกรรมการอนุมัติให้จำเลยที่ 3 เพิ่มจำนวนรถและจำนวนเที่ยวรถ ขณะเดียวกันก็อนุมัติให้โจทก์เพิ่มจำนวนรถกับเพิ่มเที่ยวรถจากเดิมด้วย โจทก์ได้ถือเอาประโยชน์จากมติครั้งนี้ตลอดมา มิได้โต้แย้งแต่อย่างใดว่ามติไม่ชอบ คงให้เพิกถอนเฉพาะส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์ เพื่อโจทก์จะได้รับผลจากมติการประชุมนั้นแต่เพียงฝ่ายเดียวเช่นนี้ ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1190/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันสมบูรณ์ แม้มติคณะกรรมการบริษัทจำกัดวงเงินค้ำประกัน เหตุจำเลยสมัครใจทำสัญญา
มติคณะกรรมการบริษัทให้จัดให้มีค้ำประกันสำหรับสมุหบัญชีในวงเงิน 30,000 บาท และพนักงานที่เกี่ยวกับการเงินคนละ10,000 บาทแต่สัญญาค้ำประกันที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ไม่ได้จำกัดวงเงินที่จะต้องรับผิดชอบนั้น ก็เป็นสัญญาที่สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมาย มติของคณะกรรมการเป็นเพียงระเบียบภายในของบริษัท มิได้เกี่ยวกับจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เมื่อจำเลยสมัครใจทำสัญญาค้ำประกันไว้กับโจทก์อย่างใด ก็ต้องรับผิดชอบตามสัญญาที่ได้ทำไว้
ข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในฎีกา ต้องเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น
ข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในฎีกา ต้องเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสั่งบรรจุ/ไล่ออกข้าราชการเป็นอำนาจบริหาร มติคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ไม่ผูกพันนายกฯ สิทธิฟ้องไม่มี
การขอเข้ารับหรือออกจากราชการตลอดจนการขอเข้าใหม่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบข้าราชการฝ่ายพลเรือนอันอยู่ในอำนาจหน้าที่องฝ่ายบริหารโดยเฉพาะจะมาฟ้องขอให้ศาลบังคับหาได้ไม่
พระราชบัญญัติเรื่องราวร้องทุกข์ไม่มีบัญญัติไว้เด็ดขาดว่านายกรัฐมนตรีจำต้องปฏิบัติตามมติคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์แม้ใน มาตรา 20 ก็ไม่มีผลบังคับเด็ดขาดอยู่เพียงคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ๆ พึงเสนอความเห็นอีกทางหนึ่งเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งการของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
คำในวรรคสองซึ่งว่า 'เมื่อนายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแล้วจัดการไปเป็นการใด ฯลฯ' ย่อมแสดงว่าอยู่ในความวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีที่จะจัดการไปประการใดก็ได้แล้วแจ้งคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ทราบเพื่อแจ้งแก่ผู้ร้องต่อไป เรื่องระยะเวลา 60 วันก็เพื่อเร่งให้ดำเนินการพิจารณาและสั่งการไปโดยเร็วนั่นเองจึงไม่ทำให้เกิดสิทธิฟ้องคดีเช่นนี้ได้
ศาลไทยยังไม่มีศาลปกครองจึงต้องพิจารณาตามกฎหมายและอำนาจของศาลไทย
พระราชบัญญัติเรื่องราวร้องทุกข์ไม่มีบัญญัติไว้เด็ดขาดว่านายกรัฐมนตรีจำต้องปฏิบัติตามมติคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์แม้ใน มาตรา 20 ก็ไม่มีผลบังคับเด็ดขาดอยู่เพียงคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ๆ พึงเสนอความเห็นอีกทางหนึ่งเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งการของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
คำในวรรคสองซึ่งว่า 'เมื่อนายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแล้วจัดการไปเป็นการใด ฯลฯ' ย่อมแสดงว่าอยู่ในความวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีที่จะจัดการไปประการใดก็ได้แล้วแจ้งคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ทราบเพื่อแจ้งแก่ผู้ร้องต่อไป เรื่องระยะเวลา 60 วันก็เพื่อเร่งให้ดำเนินการพิจารณาและสั่งการไปโดยเร็วนั่นเองจึงไม่ทำให้เกิดสิทธิฟ้องคดีเช่นนี้ได้
ศาลไทยยังไม่มีศาลปกครองจึงต้องพิจารณาตามกฎหมายและอำนาจของศาลไทย