คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
มีไว้เพื่อขาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 31 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7630/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานนำบุหรี่ต่างประเทศหลีกเลี่ยงภาษี และมีไว้เพื่อขาย โดยใช้ผู้อื่นเป็นตัวการ
จำเลยตกลงซื้อบุหรี่ซิกาแรตจากผู้ขายที่อยู่ประเทศพม่าไว้ก่อนแล้ว จำเลยใช้ให้ ม. นำบุหรี่ซิกาแรตของกลางเข้ามาในราชอาณาจักร ม. เพียงแต่ไปรับบุหรี่ซิกาแรตของกลางจากผู้ขายที่เกาะสอง ประเทศพม่า จำเลยจึงกระทำการอันเป็นส่วนหนึ่งของความผิด ถือว่าจำเลยร่วมกับ ม. มีบุหรี่ซิกาแรตของกลางอันเป็นยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมายและร่วมกันนำบุหรี่ซิกาแรตของกลางซึ่งผลิตในต่างประเทศและเป็นของต้องจำกัด ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงค่าภาษีศุลกากร เมื่อจำเลยจะนำบุหรี่ซิกาแรตของกลางไปขายให้แก่ลูกค้าที่จังหวัดชุมพร จำเลยจึงร่วมกับ ม. มีบุหรี่ซิกาแรตของกลางไว้เพื่อขาย
ศาลลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ศุลกากรฯ มาตรา 27 ประกอบ ป.อ. มาตรา 83 ปรับ 117,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยต้องรับผิดร่วมกับ ม. จำเลยในคดีอื่นของศาลชั้นต้นและปรากฎว่าในคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นลดโทษให้ ม. กึ่งหนึ่ง คงปรับ ม. สำหรับข้อหานี้ 58,500 บาท และ ม. รับโทษกักขังแทนค่าปรับครบถ้วนแล้ว ดังนั้น สำหรับคดีนี้จำเลยจึงคงรับโทษปรับอีก 58,500 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8012/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานขายยาเสพติด: การมีไว้เพื่อขายถือเป็นความผิดฐานขายแล้ว ไม่ใช่พยายามขาย
พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4 ได้ให้คำนิยามของคำว่า "ขาย" ให้หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย ดังนี้ เมื่อจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ใน ครอบครองเพื่อขายและพยายามขายเมทแอมเฟตามีนของกลางในวันเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวฐานขายเมทแอมเฟตามีนเท่านั้นเพราะการมีไว้เพื่อขายก็เป็นการขายแล้ว มิใช่มีความผิดฐานพยายามขายเมทแอมเฟตามีนของกลางอีก ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195
วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8012/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิยามคำว่า 'ขาย' ใน พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ฯ การมีไว้เพื่อขายถือเป็นความผิดฐานขายแล้ว
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯ มาตรา 4นิยามคำว่า "ขาย" ให้หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยนส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย ดังนี้ เมื่อจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อขายและพยายามขายเมทแอมเฟตามีนของกลางในวันเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดกรรมเดียวฐานขายเมทแอมเฟตามีนตามคำนิยามของบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวแล้วเท่านั้น เพราะการมีไว้เพื่อขายก็เป็นการขายแล้ว มิใช่มีความผิดฐานพยายามขายเมทแอมเฟตามีนของกลางอีก ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 542/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขาย โดยการตัดหลอดกาแฟเพื่อใช้บรรจุยาเสพติด
ลักษณะของหลอดกาแฟที่จำเลยที่ 2 ตัดแล้วจำนวน350 หลอด และกำลังตัดขณะเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เท่ากับความยาวของหลอดกาแฟที่ใช้บรรจุเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด ที่สายลับล่อซื้อมาได้จากห้องพักที่จำเลยทั้งสองอยู่ด้วยกัน ลักษณะของหลอดกาแฟที่ตัดไม่สามารถนำไปใช้ทำประโยชน์อื่นใดได้นอกจากใช้บรรจุเมทแอมเฟตามีนแบ่งขายให้แก่ผู้ซื้อเท่านั้นเมื่อจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายการที่จำเลยที่ 2 ตัดหลอดกาแฟเพื่อให้จำเลยที่ 1 ไว้ใช้บรรจุเมทแอมเฟตามีนขายแก่ผู้ซื้อ จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ขณะกระทำความผิดแล้วแม้ไม่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ในการขายเมทแอมเฟตามีน แต่หลอดกาแฟที่จำเลยที่ 2ตัดไว้สามารถนำไปใช้บรรจุเมทแอมเฟตามีนเพื่อขายการกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการสนับสนุนการมีไว้เพื่อขายของจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2787/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การผลิตและมีไว้เพื่อขายวัตถุออกฤทธิ์ แม้แยกฟ้องเป็นข้อๆ ก็ตาม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยผลิตอีเฟดรีนชนิดเม็ดและเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นจำนวนเดียวกับที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย การกระทำของจำเลยในส่วนนี้จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกันส่วนอีเฟดรีนชนิดผงนั้น แม้โจทก์จะแยกฟ้องมาเป็นอีกข้อหนึ่งต่างหากเพื่อให้เห็นว่าเป็นคนละจำนวนกับอีเฟดรีนที่จำเลยผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายก็ตามแต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีอีเฟดรีนชนิดผงดังกล่าวไว้เพื่อใช้ในการผลิตเพื่อขายนั่นเอง ทั้งเป็นอีเฟดรีนที่เจ้าพนักงานตำรวจพบในเวลาและสถานที่เดียวกันกับอีเฟดรีนชนิดเม็ดและเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยผลิต จึงถือได้ว่าเป็นความผิดกรรมเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4490/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีไว้เพื่อขายเมทแอมเฟตามีน ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ แม้ยังไม่ได้ส่งมอบ
จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขายให้แก่สายลับ โดยขณะจำเลยถูกจับ จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ก็เพื่อขายให้แก่สายลับตามที่จำเลยได้รับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนจากสายลับไปแล้วนั่นเอง แม้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายเมทแอมเฟตามีนแก่สายลับก็มีผลไม่แตกต่างกัน เนื่องจากคำว่า ขาย รวมความหมายถึงจำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขายด้วย ตามคำจำกัดความของมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สายลับขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย จำเลยรับเงินแล้วแต่ยังไม่ได้มอบเมทแอมเฟตามีนแก่สายลับเนื่องจากขณะนั้นจำเลยไม่มีเมทแอมเฟตามีนขายให้การขายจึงยังไม่เกิดขึ้น ฟังไม่ได้ว่าจำเลยขายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องนั้นย่อมเป็นการไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4490/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขาย แม้ยังไม่ได้ส่งมอบ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ฯ
จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขายให้แก่สายลับ โดยขณะจำเลยถูกจับจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ก็เพื่อขายให้แก่สายลับตามที่จำเลยได้รับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนจากสายลับไปแล้วนั่นเอง แม้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายเมทแอมเฟตามีนแก่สายลับก็มีผลไม่แตกต่างกัน เนื่องจากคำว่า ขาย รวมความหมายถึง จำหน่ายจ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขายด้วย ตามคำจำกัดความของมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สายลับขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย จำเลยรับเงินแล้วแต่ยังไม่ได้มอบเมทแอมเฟตามีนแก่สายลับเนื่องจากขณะนั้นจำเลยไม่มีเมทแอมเฟตามีนขายให้การขายจึงยังไม่เกิดขึ้น ฟังไม่ได้ว่าจำเลยขายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องนั้นย่อมเป็นการไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3281/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายยาเสพติดไม่สำเร็จ ความผิดฐานมีไว้เพื่อขาย
ก่อนเวลาที่จำเลยทั้งสองจะถูกจับไม่นาน จำเลยทั้งสองเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาในห้องอาหารของโรงแรมด้วยกันโดยจำเลยที่ 2 ถือถุงกระดาษเข้าไปด้วย ต่อมาขณะที่จำเลยทั้งสองนั่งที่โซฟาในห้องอาหารอยู่นั้น มีสายลับ 2 คนเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับจำเลย แล้วจำเลยที่ 1เป็นผู้หยิบถุงกระดาษที่จำเลยที่ 2 ถือมาเพื่อจะส่งมอบให้แก่สายลับ สายลับก็ให้สัญญาณเพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับจำเลยทั้งสองตามแผนการจับกุมที่กำหนดกันไว้ก่อนแล้วเจ้าพนักงานตำรวจดังกล่าวเข้าจับจำเลยทั้งสองกับยึดได้วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ของกลางซึ่งบรรจุมาในถุงกระดาษดังกล่าวทันที ดังนี้จึงเป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 ยังไม่ได้ ส่งมอบวัตถุออกฤทธิ์ของกลางให้แก่สายลับ เพราะเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมวัตถุออกฤทธิ์ของกลางเสียก่อนการซื้อขายวัตถุออกฤทธิ์ของกลางจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์เป็นการกระทำยังอยู่ในขั้นตอนที่จำเลยทั้งสองพยายามขายวัตถุออกฤทธิ์ของกลางเท่านั้น และเมื่อวัตถุออกฤทธิ์ของกลางเป็นชนิดเดียวกันและจำนวนเดียวกัน ทั้งจำเลยทั้งสองมีไว้ในครอบครองเพื่อขายและพยายามขายในวันเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน ซึ่งตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4ได้ให้คำนิยามของคำว่า "ขาย" ให้หมายความรวมถึงจำหน่ายจ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวจึงเป็นความผิดกรรมเดียวฐานร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในครอบครองเพื่อขายเพียงกรรมเดียวเท่านั้นมิใช่จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันขายวัตถุออกฤทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4377/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานภาษีสรรพสามิต: การนำรถยนต์ออกจากโรงอุตสาหกรรมโดยมิได้เสียภาษี และมีไว้เพื่อขาย
พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 20 บัญญัติให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมใดมีสินค้าอยู่ในโรงอุตสาหกรรมในวันที่กฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตใช้บังคับแก่สินค้านั้น ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมนั้นยื่นแบบรายการแสดงชนิดและปริมาณของสินค้านั้นตามแบบที่อธิบดีกำหนดต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิต ณ สถานที่ตามมาตรา 53 ก่อนหรือพร้อมกับการยื่นแบบรายการภาษีครั้งแรกตามมาตรา 48 ซึ่งตามมาตรา 48 (1) ระบุว่า ในกรณีสินค้าที่ผลิตขึ้นในราชอาณาจักรให้ยื่นแบบรายการภาษีพร้อมกับชำระภาษีก่อนความรับผิดในอันจะต้องเสียภาษีเกิดขึ้น และตามมาตรา 10 ระบุให้ความรับผิดในอันจะต้องเสียภาษีกรณีสินค้าที่ผลิตในราชอาณาจักร โดยถ้าสินค้าอยู่ในโรงอุตสาหกรรม ให้ถือว่าความรับผิดในอันจะต้องเสียภาษีเกิดขึ้นในเวลาที่นำสินค้าออกจากโรงอุตสาหกรรมดังนี้ เมื่อได้มีการเคลื่อนย้ายรถยนต์ของกลางออกจากโรงอุตสาหกรรมแล้วความรับผิดในอันจะต้องเสียภาษีจึงเกิดขึ้นแล้ว และเมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2มิได้ยื่นแบบรายการต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิตตามที่กฎหมายกำหนด จำเลยที่ 1และที่ 2 จึงมีความผิดตามมาตรา 20, 48 (1), 148
พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 19 บัญญัติ"ห้ามมิให้ผู้ใดนำสินค้าที่ยังมิได้เสียภาษีโดยถูกต้องและครบถ้วนออกไปจากโรงอุตสาหกรรมหรือคลังสินค้าทันฑ์บน เว้นแต่ (1) เป็นการนำสินค้าออกจากโรงงานอุตสาหกรรมไปเก็บไว้ในคลังสินค้าทัณฑ์บนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด... คดีนี้ จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการคนเดียวของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ย่อมมีหน้าที่ดูแลบริหารกิจการและสั่งงานเกี่ยวกับกิจการของจำเลยที่ 1 ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยปริยายการนำรถยนต์ออกจากโรงอุตสาหกรรมเพื่อไปแสดงและจำหน่ายเป็นกิจการของจำเลยที่ 1 เมื่อรถยนต์ของกลางยังมิได้เสียภาษี และจำเลยที่ 1 และที่ 2ไม่อาจนำสืบหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่น จึงถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นผู้นำรถยนต์ของกลางออกจากโรงอุตสาหกรรมไปไว้ที่เกิดเหตุและเมื่อไม่ปรากฏว่าที่เกิดเหตุเป็นคลังสินค้าทัณฑ์บน ซึ่งอาจได้รับการยกเว้นตามมาตรา 19 (1) ทั้งการกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็ไม่ได้รับการยกเว้นตามที่ระบุไว้ในมาตรา 19 (2) ถึง (5) จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงมีความผิดในข้อหานี้ตามมาตรา 19, 147
ความผิดฐานร่วมกันมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าโดยรู้อยู่ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วนตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527มาตรา 162 (1) ที่บัญญัติห้ามผู้ใดขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมมีไว้ในโรงอุตสาหกรรมหรือในคลังสินค้าทัณฑ์บนนั้น ไม่มีระเบียบปฏิบัติใดอนุโลมให้ไปเสียภาษีหลังจากที่มีผู้ซื้อแล้วแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4377/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาษีสรรพสามิต: การนำรถยนต์ออกจากโรงงานก่อนชำระภาษี และการมีไว้เพื่อขายโดยมิได้เสียภาษี
พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 20 บัญญัติให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมใดมีสินค้าอยู่ในโรงอุตสาหกรรมในวันที่กฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตใช้บังคับแก่สินค้านั้น ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมนั้นยื่นแบบรายการแสดงชนิดและปริมาณของสินค้านั้นตามแบบที่อธิบดีกำหนดต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิต ณ สถานที่ตามมาตรา 53 ก่อนหรือพร้อมกับการยื่นแบบรายการภาษีครั้งแรกตามมาตรา 48 ซึ่งตามมาตรา 48(1) ระบุว่า ในกรณีสินค้าที่ผลิตขึ้นในราชอาณาจักรให้ยื่นแบบรายการภาษีพร้อมกับชำระภาษีก่อนความรับผิดในอันจะต้องเสียภาษีเกิดขึ้น และตามมาตรา 10 ระบุให้ความรับผิดในอันจะต้องเสียภาษีกรณีสินค้าที่ผลิตในราชอาณาจักร โดยถ้าสินค้าอยู่ในโรงอุตสาหกรรม ให้ถือว่าความรับผิดในอันจะต้องเสียภาษีเกิดขึ้นในเวลาที่นำสินค้าออกจากโรงอุตสาหกรรม ดังนี้ เมื่อได้มีการเคลื่อนย้ายรถยนต์ของกลางออกจากโรงอุตสาหกรรมแล้วความรับผิดในอันจะต้องเสียภาษีจึงเกิดขึ้นแล้ว และเมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ยื่นแบบรายการต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิตตามที่กฎหมายกำหนด จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงมีความผิดตามมาตรา 20,48(1),148
พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 19 บัญญัติ "ห้ามมิให้ผู้ใดนำสินค้าที่ยังมิได้เสียภาษีโดยถูกต้องและครบถ้วนออกไปจากโรงอุตสาหกรรมหรือคลังสินค้าทันฑ์บน เว้นแต่ (1) เป็นการนำสินค้าออกจากโรงงานอุตสาหกรรมไปเก็บไว้ในคลังสินค้าทัณฑ์บนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด... คดีนี้ จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการคนเดียวของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ย่อมมีหน้าที่ดูแลบริหารกิจการและสั่งงานเกี่ยวกับกิจการของจำเลยที่ 1 ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยปริยาย การนำรถยนต์ออกจากโรงอุตสาหกรรมเพื่อไปแสดงและจำหน่ายเป็นกิจการของจำเลยที่ 1 เมื่อรถยนต์ของกลางยังมิได้เสียภาษี และจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่อาจนำสืบหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่น จึงถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นผู้นำรถยนต์ของกลางออกจากโรงงานอุตสาหกรรมไปไว้ที่เกิดเหตุและเมื่อไม่ปรากฏว่าที่เกิดเหตุเป็นคลังสินค้าทัณฑ์บน ซึ่งอาจได้รับการยกเว้นตามมาตรา 19(1) ทั้งการกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็ไม่ได้รับการยกเว้นตามที่ระบุไว้ในมาตรา 19(2) ถึง (5) จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงมีความผิดในข้อหานี้ตามมาตรา 19,147
ความผิดฐานร่วมกันมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าโดยรู้อยู่ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วนตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 162(1)ที่บัญญัติห้ามผู้ใดขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมมีไว้ในโรงอุตสาหกรรมหรือในคลังสินค้าทัณฑ์บนนั้น ไม่มีระเบียบปฏิบัติใดอนุโลมให้ไปเสียภาษีหลังจากที่มีผู้ซื้อแล้วแต่อย่างใด
of 4