คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยอมแพ้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4926/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงยอมแพ้ตามคำท้า: ศาลต้องวินิจฉัยตามคำท้าเท่านั้น
คำท้ามีว่าหาก ส.เบิกความว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยยอมแพ้ หาก ส.เบิกความว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ยอมแพ้ แต่คำเบิกความของ ส.มิได้เบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลย จึงรับฟังไม่ได้ว่า ส.เบิกความตรงตามคำท้าแล้ว ศาลย่อมไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดให้เป็นไปตามคำท้าของโจทก์จำเลยดังกล่าวได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยถือเอาข้อเท็จจริงอื่นซึ่งไม่ได้อยู่ในข้อท้าของคู่ความมาวินิจฉัยนั้น ย่อมเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่คู่ความท้ากัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมแพ้คดีจากการท้าทายข้อเท็จจริงและผลกระทบต่อค่าจ้าง
คู่ความท้ากันขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงเพียงประเด็นเดียวเป็นข้อแพ้ชนะกันว่า โจทก์กล่าววาจาข่มขู่ ดูหมิ่นท้าทาย กระด้างกระเดื่องไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาจริงหรือไม่ หากเป็นความจริงโจทก์ยอมแพ้ โดยไม่มีข้อความในคำท้ายกเว้นไว้ว่าจำเลยยังคงต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ด้วย เมื่อศาลแรงงานวินิจฉัยฟังว่าโจทก์กล่าววาจาข่มขู่ ดูหมิ่นท้าทายผู้บังคับบัญชาจริง โจทก์จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า จำเลยไม่จำต้องชำระเงินจำนวนใด ๆ ตามฟ้องแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าคดี: การยอมแพ้ตามข้อตกลงเมื่อศาลรับฟังพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของลูกจ้าง
คู่ความท้ากันขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงเพียงประเด็นเดียวเป็นข้อแพ้ชนะกันว่าโจทก์กล่าววาจาข่มขู่ดูหมิ่นท้าทายกระด้างกระเดื่องไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาจริงหรือไม่หากเป็นความจริงโจทก์ยอมแพ้โดยไม่มีข้อความในคำท้ายกเว้นไว้ว่าจำเลยยังคงต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ด้วยเมื่อศาลวินิจฉัยฟังว่าโจทก์กล่าววาจาข่มขู่ดูหมิ่นท้าทายผู้บังคับบัญชาจริงโจทก์จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้าจำเลยไม่จำต้องชำระเงินจำนวนใดๆตามฟ้องแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3003/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันจากการท้าสาบาน - การไม่ปฏิบัติตามถือว่ายอมแพ้คดี
ใบแต่งทนายความของจำเลยระบุให้ทนายความมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใดไปในทางจำหน่ายสิทธิของจำเลยได้ เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การประนีประนอมยอมความ ฯลฯในวันชี้สองสถาน ทนายโจทก์และทนายจำเลยตกลงท้ากันว่า หากโจทก์และผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับโจทก์ไปสาบานที่ วัดพระแก้วกับ วัดบ้านแหลม โดยจำเลยจะเป็นผู้นำสาบานว่าโจทก์กับพวกไม่ได้เคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินมุม ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วจำเลยไม่ติดใจถือว่ายอมแพ้ ก่อนถึงวันนัดสาบานตามคำท้า ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยโดยอ้างว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน เนื่องจากได้แจ้งเรื่องคำท้าให้จำเลยทราบแล้วจำเลยไม่ยอมรับ คำท้า แต่จะให้มีการสืบพยานต่อไป ในคำร้องดังกล่าวจำเลยได้ลงชื่อรับทราบข้อความและไม่คัดค้านไว้ ทั้งในวันนัดสาบานตามคำท้าทนายจำเลยก็แถลงยืนยันตามข้อความในคำร้องดังกล่าวจึงต้องฟังว่าจำเลยได้ทราบวันนัดสาบานตามคำท้าแล้ว แม้ในวันที่คู่ความแถลงท้ากันจำเลยไม่ได้ไปศาลก็ตาม เมื่อคำท้ามีผลผูกพันจำเลย จำเลยสามารถปฏิบัติตามคำท้านั้นได้โดยไปเป็นผู้นำสาบานตามคำท้า แต่จำเลยไม่ไป ถือได้ว่าจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามคำท้าจึงต้องตกเป็นฝ่ายแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการท้าสาบานในคดีแพ่ง: การไม่ยอมสาบานถือเป็นการยอมแพ้ตามข้อตกลง
คู่ความตกลงกันให้ถือเอาข้อแพ้ชนะจากการที่จำเลยกับพวกอีก 2 คนกล้าสาบานและดื่มน้ำสาบานหรือไม่ ถึงวันนัด ว.พวกของจำเลยคนหนึ่งใน 2 คนไม่ยอมสาบานและดื่มน้ำสาบาน โดยแถลงต่อศาลว่าไม่กล้าสาบานและดื่มน้ำสาบาน เพราะบุตรห้ามเกรงว่าคำสาบานจะติดถึงลูกหลาน แม้จะอ้างเหตุดังกล่าวก็เป็นที่แน่นอนว่าไม่กลัวสาบานและดื่มน้ำสาบาน คดีต้องเป็นไปตามที่คู่ความได้ท้ากันทุกประการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการท้าสาบานในคดีแพ่ง: การไม่กล้าสาบานถือเป็นการยอมแพ้ตามที่ตกลงกัน
คู่ความตกลงกันให้ถือเอาข้อแพ้ชนะจากการที่จำเลยกับพวกอีก 2 คน กล้าสาบานและดื่มน้ำสาบานหรือไม่ ถึงวันนัด ว. พวกของจำเลยคนหนึ่งใน 2 คน ไม่ยอมสาบานและดื่มน้ำสาบาน โดยแถลงต่อศาลว่าไม่กล้าสาบานและดื่มน้ำสาบานเพราะบุตรห้ามเกรงว่าคำสาบานจะติดถึงลูกหลานแม้จะอ้างเหตุดังกล่าวก็เป็นที่แน่นอนว่าไม่กล้าสาบานและดื่มน้ำสาบาน คดีต้องเป็นไปตามที่คู่ความได้ท้ากันทุกประการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2296/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การท้าตรวจลายมือชื่อเพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันสัญญา การยอมแพ้ตามคำท้าเมื่อความเห็นผู้เชี่ยวชาญเป็นไปตามที่ตกลง
โจทก์จำเลยท้ากันว่า ให้ศาลส่งลายมือชื่อของจำเลยในสัญญากู้กับลายเซ็นซึ่งจำเลยเซ็นต่อหน้าศาลและในใบแต่งทนายไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ ถ้าผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อของจำเลยจริง จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยโจทก์ยอมแพ้คดี ศาลส่งเอกสารดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์แล้ว ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่า น่าเชื่อว่าลายมือชื่อในเอกสารเหล่านั้นเป็นของบุคคลคนเดียวกัน ดังนี้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นการสมตามคำท้าของโจทก์แล้ว จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2292/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมแพ้คดีตามคำท้า หากศาลพิจารณาเอกสารหลักฐานที่จำเลยส่งมอบเป็นเอกสารที่แท้จริง
คู่ความท้ากันให้ศาลวินิจฉัยว่า เอกสารที่จำเลยจะนำส่งศาลเป็นเอกสารที่แท้จริงหรือไม่ หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง โจทก์ยอมแพ้คดี ต่อมาเมื่อจำเลยส่งเอกสารต่อศาล แม้โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่าเป็นเอกสารปลอม แต่เมื่อศาลเห็นว่าจากเอกสารนั้นเองพอจะพิจารณาว่าเอกสารปลอมหรือไม่แล้ว ศาลย่อมพิพากษาคดีตามคำท้ายนั้นได้ โดยไม่จำต้องไต่สวนเสียก่อนว่าเอกสารนั้นปลอมหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2720/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงให้ศาลตรวจสภาพที่ดินเพื่อตัดสินคดี การยอมแพ้ตามข้อตกลงมีผลผูกพัน
คู่ความตกลงกันขอให้ศาลไปดูสภาพที่พิพาทที่ดินของ ค.ที่ดินของจำเลยที่ 2 และที่ดินรอบๆ ประกอบกัน ถ้าศาล เห็นว่าที่พิพาทและที่ซึ่งโจทก์ว่าเป็นของ ค. และของจำเลยที่ 2 มีลักษณะเป็นสวนยางแปลงเดียวกัน โจทก์ยอมแพ้ ถ้าศาลเห็นว่าเป็นคนละแปลงโจทก์ชนะ มีลักษณะเหมือนกับคำท้าของคู่ความว่า จะยอมแพ้ชนะกันอย่างไร เท่ากับว่าถ้าศาลมีความเห็นอย่างหนึ่งอย่างใด ดังที่ได้ตกลงกันไว้ คู่ความก็ยอมให้แพ้ ชนะ กันตามความเห็นของศาล เมื่อศาลไปตรวจดูแล้วเห็นว่า เป็นสวนยางแปลงเดียวกัน โจทก์ก็ต้องแพ้โจทก์จะฎีกาเถียงข้อเท็จจริงในการที่ศาลไปดูสภาพที่ดินว่าควรจะเป็นคนละแปลง ฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการท้าพิสูจน์ลายมือชื่อและการยอมแพ้คดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
แม้จะเป็นฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยาน และจำเลยมิได้โต้แย้งไว้. แต่โดยที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งและพิพากษาในวันเดียวกัน. ไม่มีโอกาสที่จำเลยจะโต้แย้งได้ก่อน. จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาได้.
ถ้ามีปัญหาข้อใดในคดี ไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย. หากคู่ความฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้าง และอีกฝ่ายหนึ่งไม่รับ. ย่อมเกิดเป็นประเด็นข้อพิพาท และคู่ความย่อมมีสิทธินำพยานเข้าสืบในข้อเท็จจริงตามประเด็นข้อพิพาทนั้นได้ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183,184,185และ 85. แต่ถ้าปัญหาข้อใดที่คู่ความฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้าง และอีกฝ่ายหนึ่งรับแล้ว. ย่อมไม่เกิดเป็นประเด็นข้อพิพาท. เพราะเป็นอันฟังได้ตามที่รับกันนั้นโดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานใดๆ ในปัญหาข้อนั้นอีก. ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84.
การที่คู่ความท้ากันในคดี ถือได้ว่าเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงที่อีกฝ่ายหนึ่งอ้างตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 84 นั้นเอง. แต่มีเงื่อนไขว่าต้องมีการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน. ถ้าผลแห่งการดำเนินกระบวนพิจารณานั้นสมความประสงค์ของคู่ความฝ่ายใดตามที่ท้ากัน อีกฝ่ายหนึ่งก็ยอมรับตามข้ออ้างของฝ่ายที่สมประสงค์นั้นทั้งหมด.
คู่ความท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจลายมือชื่อผู้ค้ำประกันในช่องผู้ค้ำประกันในสัญญาหมาย จ.2 เปรียบเทียบกับลายมือชื่อจำเลยที่ 2 ในที่ต่างๆ. หากผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ว่าลายมือชื่อในช่องผู้ค้ำประกันในสัญญาหมาย จ.2น่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยที่ 2. จำเลยทั้ง4 คนยอมแพ้ ถ้าไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 โจทก์ยอมแพ้. ผลจึงเป็นดังที่กล่าวข้างต้น กล่าวคือ โจทก์จำเลยต่างจะยอมรับข้อเท็จจริงที่อีกฝ่ายหนึ่งอ้าง. ถ้าผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้เชี่ยวชาญอันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งสมความประสงค์ของฝ่ายใด.ฉะนั้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจพิสูจน์แล้วและมีความเห็นว่า ลายมือชื่อผู้ค้ำประกันในเอกสารหมาย จ.2 กับลายมือชื่อจำเลยที่ 2 ในใบแต่งทนาย ใบรับหมายและตัวอย่างที่เขียนต่อหน้าศาลน่าจะเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน.ซึ่งหมายความว่า ลายมือชื่อผู้ค้ำประกันในเอกสารหมาย จ.2น่าจะเป็นลายมือชื่อจำเลยที่ 2 นั้นเอง. จึงเป็นการสมความประสงค์ของโจทก์และเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าตรงตามคำท้าแล้ว ก็มีผลตามความเห็นนั้นว่า. จำเลยยอมรับตามข้ออ้างของโจทก์ทั้งหมดและยอมแพ้คดี คู่ความจึงไม่มีภาระการพิสูจน์ตามข้ออ้างนั้นอีก. เมื่อเป็นดังนี้ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานของทั้งสองฝ่าย จึงไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอย่างใด.
ข้อที่ฎีกาว่า ผลการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญไม่ตรงตามคำท้า.ในรายงานกระบวนพิจารณาซึ่งจะแปลความหมายแห่งถ้อยคำในรายงานกระบวนพิจารณา. จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย.
ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นพยานหลักฐานในคดีได้ก็ด้วยการแสดงความเห็นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 130จะยืนยันข้อเท็จจริงไม่ได้. เพราะไม่ได้เห็น ได้ยินหรือทราบข้อความเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นพยานนั้นด้วยตนเองโดยตรง.
คู่ความท้ากันในรายงานกระบวนพิจารณาว่า หากผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ว่าลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในช่องผู้ค้ำประกันในสัญญาหมาย จ.2 น่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 แล้ว. จำเลยทั้งสี่คนยอมแพ้คดี. แต่ถ้าไม่ใช่โจทก์ยอมแพ้คดี. การท้ากันในคดีนี้จึงเห็นได้อยู่ในตัวว่าเป็นการท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญแสดงความเห็นหาใช่ให้ผู้เชี่ยวชาญยืนยันข้อเท็จจริงไม่. ฉะนั้น แม้ผู้เชี่ยวชาญจะแสดงเหตุผลในการแสดงความเห็นอย่างใดก็ตามแต่ในที่สุดเห็นว่าลายมือชื่อในช่องผู้ค้ำประกันในเอกสารหมาย จ.2 น่าจะเป็นลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 แล้ว.ก็ย่อมเป็นการแสดงความเห็นที่สมประสงค์ของโจทก์ตรงตามคำท้าจำเลยจึงต้องแพ้คดี.
of 2