พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7203/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิในการรับมรดกจากการยักย้ายปิดบังทรัพย์สินหรือไม่ พิจารณาจากเจตนาและการกระทำที่เปิดเผย
จำเลยที่ 1 ขอออกโฉนดที่ดินบ้านโดยให้ถ้อยคำยอมรับต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า จำเลยที่ 1 ได้ที่บ้านโดยรับมรดกจากบิดามารดาประมาณ 15 ปี แล้วครอบครองตลอดมา การออกโฉนดดังกล่าวได้กระทำเปิดเผยตามระเบียบของทางราชการ หลังจากจำเลยที่ 1 จดทะเบียนชื่อตนเป็นเจ้าของที่ดินบ้านดังกล่าวแล้ว ต่อมาจำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรของตนซึ่งได้ปลูกบ้านแยกครัวเรือนออกไปอยู่ในแปลงเดียวกันย่อมเป็นเรื่องปกติของผู้เป็นมารดา ยกทรัพย์อันเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทรุ่นถัดไปของตนตามประเพณีนิยมทั่วไปเพราะจำเลยที่ 1 เชื่อว่าเป็นสิทธิของตน ที่จะได้ทรัพย์มรดกที่ไม่มีพฤติการณ์ใดที่ส่อให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 มีความมุ่งหมายที่จะยักย้ายหรือปิดบัง ทรัพย์มรดกโดย ฉ้อฉลหรือรู้อยู่ว่าตนทำให้เสื่อมประโยชน์ของทายาทคนอื่น สำหรับที่นาตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำเลยที่ 1 ได้ที่นาโดยรับมรดกการครอบครองต่อเนื่องจากเมื่อ พ.ศ. 2504 รวมเวลาการครอบครองและทำประโยชน์จนถึงวันที่สำรวจ 16 ปี ส่วนที่สวนตามโฉนด ที่ออกตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งมีชื่อผู้มีชื่อเป็นเจ้าของ แต่ตามโฉนดมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยปกติของการออกโฉนดต้องมีขั้นตอนในการสอบสวนสิทธิและวิธีการต่าง ๆ ตามระเบียบของทางราชการโดยเปิดเผย เช่นนี้จำเลยที่ 1 ต้องเข้าใจว่าตนเป็นเจ้าของที่นาและที่สวนโดยชอบแล้ว การประกาศขายที่นาและที่สวนนั้นหากผู้ประกาศขายมีความเข้าใจว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินนั้น ย่อมไม่ใช่ การยักย้ายหรือ ปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลหรือรู้อยู่ว่าตนทำให้เสื่อมประโยชน์ของทายาทคนอื่นจำเลยที่ 1 จึงไม่ถูกจำกัดมิให้ได้มรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7203/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกและการโอนทรัพย์สินโดยทายาท ศาลพิจารณาเจตนาในการโอนทรัพย์สินและพฤติการณ์โดยรวมเพื่อตัดสินว่าเป็นการยักย้ายหรือปิดบังมรดกหรือไม่
การที่จำเลยที่ 1 ได้เคยให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอออกโฉนดที่ดินพิพาทว่าจำเลยที่ 1 ได้รับมรดกที่ดินมีโฉนดจากบิดามารดาประมาณ 15 ปี แล้วครอบครองตลอดมานั้นการขอออกโฉนดที่ดินดังกล่าวและการให้ถ้อยคำเช่นว่า เป็นการยอมรับต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่าจำเลยที่ 1 ได้ที่บ้านโดยรับมรดกจากบิดามารดา การออกโฉนดได้กระทำโดยเปิดเผยตามระเบียบของทางราชการ ส่วนที่ต่อมาจำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรของตนที่ได้ปลูกบ้านแยกครัวเรือนออกไป ย่อมเป็นเรื่องปกติของผู้เป็นมารดายกทรัพย์อันเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทรุ่นถัดไปของตนตามประเพณีนิยมทั่วไป เพราะจำเลยที่ 1 เชื่อว่าเป็นสิทธิของตนที่จะได้ทรัพย์มรดกนี้ไม่มีพฤติการณ์ใดที่ส่อให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีความมุ่งหมายที่จะยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลหรือรู้อยู่ว่าตนทำให้เสื่อมประโยชน์ของทายาทคนอื่น จึงไม่ถูกกำจัดมิให้ได้รับมรดกแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5382-5383/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักย้ายทรัพย์มรดก การรับโอนโดยไม่สุจริต และสิทธิในการเพิกถอนนิติกรรมของผู้รับมรดก
จำเลยที่2ไปรับโอนมรดกแต่ผู้เดียวและนำที่ดินทรัพย์มรดกซึ่งตกได้แก่โจทก์ทั้งสามและจ.ด้วยไปโอนให้แก่จำเลยที่1ซึ่งไม่ใช่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกจึงเป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกเท่าส่วนที่ตนจะได้หรือมากกว่าจำเลยที่2จึงถูกกำจัดมิให้รับมรดกเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1605ส่วนจำเลยที่1ไม่ใช่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกการกระทำของจำเลยที่1จึงไม่เป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกตามบทกฎหมายดังกล่าว จำเลยที่1รับโอนที่ดินจากจำเลยที่2โดยทราบว่าโจทก์ทั้งสามและจ.เป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกจึงเป็นการรับโอนโดยไม่สุจริตจำเลยที่3ถึงที่5เป็นบุตรของจำเลยที่1มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมโดยการยกให้โดยเสน่หาของจำเลยที่1จึงเป็นการโอนโดยไม่มีค่าตอบแทนโจทก์ทั้งสามจึงมีสิทธิขอให้เพิกถอนการโอนดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1300 จำเลยที่3ถึงที่5ขายที่ดินให้จำเลยที่6หลังจากโจทก์ที่3ได้อายัดที่ดินไว้ต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยกรรมการของจำเลยที่6ทราบเรื่องแล้วถือว่าจำเลยที่6รับโอนโดยไม่สุจริตโจทก์ทั้งสามจึงมีสิทธิให้เพิกถอนการโอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1300ได้เช่นกัน ผู้ที่จะยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้ก็แต่บุคคลซึ่งเป็นทายาทหรือบุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิของทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1755จำเลยที่1และที่3ถึงที่5ไม่ใช่ทายาทหรือผู้จัดการมรดกทั้งจำเลยที่2ถูกกำจัดมิให้รับมรดกจำเลยที่2จึงไม่อยู่ในฐานะทายาทการที่จำเลยที่1รับโอนที่ดินจากจำเลยที่2แล้วให้จำเลยที่3ถึงที่5ถือกรรมสิทธิ์รวมจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่1และที่3ถึงที่5เป็นบุคคลซึ่งชอบจะใช้สิทธิของทายาทจึงไม่มีสิทธิยกอายุความมรดกขึ้นต่อสู้โจทก์ทั้งสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3250/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดก: การโอนทรัพย์และรับชำระหนี้โดยผู้จัดการมรดก ไม่ถือเป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกหากยังไม่เสร็จสิ้น
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนางจ.ผู้ตาย การที่จำเลยเพียงแต่ยื่นคำร้องขอโอนที่ดินเป็นของจำเลยทั้งหมดโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ มิใช่การยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกส่วนที่จำเลยรับชำระหนี้แล้วไม่แบ่งเงินแก่โจทก์ทั้งห้าทันทีนั้นเมื่อการจัดการมรดกยังไม่เสร็จ จำเลยก็มีอำนาจเก็บรักษาเงินดังกล่าวไว้เพื่อแบ่งแก่ทายาทต่อไปได้การที่จำเลยยังไม่แบ่งเงินแก่โจทก์ทั้งห้าทันทีจึงไม่เป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3250/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักย้าย/ปิดบังทรัพย์มรดก: การขอโอนที่ดินและรับชำระหนี้โดยผู้จัดการมรดกยังไม่ถือเป็นการยักย้าย/ปิดบัง หากยังจัดการมรดกไม่เสร็จ
การที่จำเลยซึ่งศาลตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายยื่นคำร้องขอโอนที่ดินมรดกไปเป็นของจำเลยทั้งหมดโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทั้งห้าซึ่งเป็นทายาทของผู้ตายทราบมิใช่เป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกและขณะที่ยังจัดการมรดกไม่เสร็จจำเลยรับชำระหนี้จากลูกหนี้ของผู้ตาย แล้วไม่นำมาแบ่งแก่โจทก์ทั้งห้าทันทีก็ไม่เป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกเช่นเดียวกัน เพราะการจัดการมรดกยังไม่เสร็จ จำเลยมีอำนาจเก็บรักษาเงินดังกล่าวไว้เพื่อแบ่งแก่ทายาทต่อไปได้ จำเลยจึงไม่ถูกกำจัดมิให้ได้มรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1605
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักย้ายหลักเขตที่ดินไม่ใช่ความผิดฐานปลอมเอกสาร หากหลักเขตนั้นเป็นของแท้
ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ ไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลย เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งว่าความผิดของจำเลยเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) แล้ว ศาลฎีกาจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 หรือไม่
เมื่อหลักเขตที่ดินของทางราชการไม่ใช่หลักเขตปลอม ข้อความที่ปรากฏในหลักเขตเช่นตัวเลข จึงเป็นของแท้ แม้จำเลยจะเอาหลักเขตซึ่งเป็นหลักเขตที่ดินโฉนดที่ 8993 ของจำเลยไปปักลงในที่ดินโฉนดที่ 8996 ของผู้มีชื่อคนหนึ่ง หลักเขตที่มีหมายเลขดังกล่าวก็คงเป็นหลักเขตซึ่งมีตัวเลขที่แท้จริง การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอม.
เมื่อหลักเขตที่ดินของทางราชการไม่ใช่หลักเขตปลอม ข้อความที่ปรากฏในหลักเขตเช่นตัวเลข จึงเป็นของแท้ แม้จำเลยจะเอาหลักเขตซึ่งเป็นหลักเขตที่ดินโฉนดที่ 8993 ของจำเลยไปปักลงในที่ดินโฉนดที่ 8996 ของผู้มีชื่อคนหนึ่ง หลักเขตที่มีหมายเลขดังกล่าวก็คงเป็นหลักเขตซึ่งมีตัวเลขที่แท้จริง การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานยักย้ายและนำน้ำมันออกนอกประเทศถือเป็นกรรมเดียว ฟ้องซ้ำไม่ได้ตาม ป.วิ.อาญา ม.39(4)
การลักลอบขนน้ำมันออกจากสถานที่เก็บซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 ต่อเนื่องกับการลักลอบขนน้ำมันออกนอกประเทศไทย เมื่อโจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นความผิดสองสำนวนและความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควรศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว ส่วนอีกสำนวนหนึ่งคือฐานนำน้ำมันออกนอกประเทศซึ่งตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าการกระทำทั้งหลายของจำเลยตั้งแต่เริ่มยักย้ายก็ด้วยเจตนาอันเดียวที่จะนำออกนอกราชอาณาจักร จึงถือว่าการกระทำของจำเลยต้องด้วย ก.ม. หลายบทและไม่อาจแยกเป็นกะทงหนึ่งต่างหากได้ เมื่อจำเลยถูกลงโทษแล้ว ก็ลงโทษจำเลยอีกไม่ได้ ตาม ป.วิ.อาญา ม.39 (4) ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2102/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักย้ายน้ำมันก๊าสเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจตรา เจ้าพนักงานยังสามารถควบคุมได้ ไม่เป็นความผิด
การห้ามยักย้ายตามประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควร จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งออกประกาศโดยอาศัยอำนาจตามความใน ม.8 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 นั้นหมายถึงการห้ามยักย้ายภายในเขตอำเภอเดียวกันด้วย เพราะการนำเข้ามาในเขตห้องที่อำเภอก็ดี การนำออกจากเขตท้องที่อำเภอก็ดี ได้ประกาศห้ามอยู่แล้ว
การยักย้ายในที่นี้มิได้หมายความแต่เพียงการพาเคลื่อนที่แต่หมายถึงการยักย้ายถ่ายเทเพื่อไม่ให้เจ้าพนักงานได้ตรวจตราควบคุมเกี่ยวกับการป้องกันการค้ากำไรเกินควร เช่นเจ้าพนักงานบังคับให้แจ้งปริมาณหรือสถานที่เก็บไว้แล้วหรือรู้อยู่ว่าจะถูกบังคับเช่นว่านั้นแล้วย้ายของนั้นไปเสียดังนี้เป็นต้น
เมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยมีเจตนาเช่นนั้นและเมื่อพาของเหล่านั้นไปยังตำบลที่อยู่ในประเทศ(ดอยมะอ่างขาง) แล้วเจ้าพนักงานก็ยังอาจตรวจตราควบคุมได้อยู่นั่นเองการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นผิดฐานฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการดังกล่าว
การยักย้ายในที่นี้มิได้หมายความแต่เพียงการพาเคลื่อนที่แต่หมายถึงการยักย้ายถ่ายเทเพื่อไม่ให้เจ้าพนักงานได้ตรวจตราควบคุมเกี่ยวกับการป้องกันการค้ากำไรเกินควร เช่นเจ้าพนักงานบังคับให้แจ้งปริมาณหรือสถานที่เก็บไว้แล้วหรือรู้อยู่ว่าจะถูกบังคับเช่นว่านั้นแล้วย้ายของนั้นไปเสียดังนี้เป็นต้น
เมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยมีเจตนาเช่นนั้นและเมื่อพาของเหล่านั้นไปยังตำบลที่อยู่ในประเทศ(ดอยมะอ่างขาง) แล้วเจ้าพนักงานก็ยังอาจตรวจตราควบคุมได้อยู่นั่นเองการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นผิดฐานฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1795/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเคลื่อนย้ายสัตว์และการตีความคำว่า 'ยักย้าย' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯ การใช้สัตว์เพื่อการขนส่งตามปกติไม่ถือเป็นการยักย้าย
การยักย้ายสิ่งของที่ควบคุมนั้น หมายถึงการยักย้ายจากสถานที่เก็บหรือกักขังเดิมไปที่อื่น อันจะทำให้ปริมาณสิ่งของนั้นคลาดเคลื่อนสูญหายไป ไม่หมายถึงพาเคลื่อนที่ไปใช้สรอยตามปรกติ แล้วนำมาไว้ที่เดิม
คณะกรมการจังหวัดห้ามเคลื่อนย้ายโค โดยไม่ได้รับอนุญาต มิให้ห้ามใช้ด้วยนั้น เมื่อเจ้าของนำสัตว์ไปใช้สรอยตามปรกติ ย่อมไม่มีความผิด.
คณะกรมการจังหวัดห้ามเคลื่อนย้ายโค โดยไม่ได้รับอนุญาต มิให้ห้ามใช้ด้วยนั้น เมื่อเจ้าของนำสัตว์ไปใช้สรอยตามปรกติ ย่อมไม่มีความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1795/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเคลื่อนย้ายสัตว์เพื่อใช้สอยตามปกติ ไม่ถือเป็นการยักย้ายตามกฎหมายควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค
การยักย้ายสิ่งของที่ควบคุมนั้น หมายถึงการยักย้ายจากสถานที่เก็บหรือที่กักขังเดิมไปที่อื่น อันจะทำให้ปริมาณสิ่งของนั้นคลาดเคลื่อนสูญหายไปไม่หมายถึงพาเคลื่อนที่ไปใช้สอยตามปกติ แล้วนำมาไว้ที่เดิม
คณะกรมการจังหวัดห้ามเคลื่อนย้ายโค โดยไม่ได้รับอนุญาตมิให้ห้ามใช้ด้วยนั้นเมื่อเจ้าของนำสัตว์ไปใช้สอยตามปกติ ย่อมไม่มีความผิด
คณะกรมการจังหวัดห้ามเคลื่อนย้ายโค โดยไม่ได้รับอนุญาตมิให้ห้ามใช้ด้วยนั้นเมื่อเจ้าของนำสัตว์ไปใช้สอยตามปกติ ย่อมไม่มีความผิด