พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2549 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์อย่างคนอนาถา: ศาลยืนคำสั่งเดิม แม้จำเลยอ้างยากจน เหตุคดีไม่มีเหตุผลอันควร
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยโดยวินิจฉัยว่า จำเลยมิใช่ผู้ยากจนและคดีไม่มีเหตุผลอันควรที่จะอุทธรณ์ หากจำเลยไม่พอใจคำสั่งดังกล่าว จำเลยมีสิทธิที่ดำเนินการตามที่ ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่หรือวรรคห้าบัญญัติไว้โดยยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน หรือโดยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยนั้นต่อศาลอุทธรณ์ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว การที่จำเลยใช้สิทธิตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขอใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของจำเลยเพราะปัญหาที่ว่าคดีของจำเลยมีเหตุผลอันควรที่จะอุทธรณ์หรือไม่ได้ยุติไปแล้ว กรณีไม่มีเหตุที่จะพิจารณาคำขอของจำเลยใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5208/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์คนอนาถาต้องมีเหตุผลสมควร แม้ยากจนก็ไม่อุทธรณ์ได้หากคดีไม่มีเหตุผล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยโดยวินิจฉัยว่าคดีไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์และจำเลยมิใช่คนยากจน การที่จำเลยใช้สิทธิตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ ยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน เห็นได้ว่าแม้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนและฟังว่าจำเลยเป็นคนยากจน ก็หาเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นต้องมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ไม่ เพราะข้อเท็จจริงยังปรากฏว่าคดีไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5208/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คนอนาถา: คดีต้องมีเหตุผลสมควร & ผู้ขอต้องยากจนจริง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลย โดยวินิจฉัยว่าคดีไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอุทธรณ์และจำเลยมิใช่คนยากจน การที่จำเลยใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ ยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน ซึ่งแม้ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนและฟังว่าจำเลยเป็นคนยากจน ก็หาเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ไม่ เพราะข้อเท็จจริงยังปรากฏว่าคดีไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4070/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซ้ำ เมื่อศาลชั้นต้นและอุทธรณ์เคยมีคำสั่งไม่อนุญาตแล้ว แม้จะอ้างเหตุยากจนกว่าเดิม
เดิมจำเลยได้เคยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์แล้วครั้งหนึ่งศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีของจำเลยไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์ให้ยกคำร้อง และศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น คำสั่งศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด คดีจึงฟังได้เป็นข้อยุติว่าคดีของจำเลยไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์ การที่จำเลยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ครั้งใหม่ โดยอ้างเหตุว่ายากจนลงกว่าเดิมแม้จะฟังได้ตามข้ออ้างของจำเลย ศาลก็ไม่อาจอนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3679/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต้องมีการสืบพยานหลักฐานบางแล้ว จึงจะยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ได้
คำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ หมายถึง ผู้ยื่นคำขอจะยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถานั้นใหม่ได้ เฉพาะกรณีที่ผู้ยื่นคำขอได้นำพยานหลักฐานมาสืบตามคำขอฉบับเดิมไว้บ้างแล้ว แต่พยานหลักฐานของผู้ยื่นคำขอที่นำสืบไว้แล้ว ยังไม่เพียงพอให้รับฟังว่าเป็นคนยากจน กฎหมายจึงเปิดช่องให้ผู้ยื่นคำขอร้องต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนได้อีก
คดีนี้ จำเลยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาคตในชั้นอุทธรณ์ แต่ปรากฏว่าไม่มีการสืบพยานจำเลยแม้แต่ปากเดียว จนศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง กรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ จำเลยจะมายื่นคำร้องขออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนอีกไม่ได้
คำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา คำร้องอุทธรณ์คำสั่ง หรือฎีกาคำสั่งตลอดจนการดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นไต่สวนอนาถานี้ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคท้าย
คดีนี้ จำเลยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาคตในชั้นอุทธรณ์ แต่ปรากฏว่าไม่มีการสืบพยานจำเลยแม้แต่ปากเดียว จนศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง กรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ จำเลยจะมายื่นคำร้องขออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนอีกไม่ได้
คำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา คำร้องอุทธรณ์คำสั่ง หรือฎีกาคำสั่งตลอดจนการดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นไต่สวนอนาถานี้ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3679/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องอนาถาต้องมีการสืบพยานก่อน หากไม่มีการสืบพยาน ศาลชอบที่จะยกคำร้องได้
ตามบทบัญญัติ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่มีความหมายว่าผู้ยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถานั้นใหม่ได้เฉพาะกรณีที่ผู้ยื่นคำขอได้นำพยานหลักฐานมาสืบตามคำขอฉบับเดิมไว้บ้างแล้ว แต่พยานหลักฐานของผู้ยื่นคำขอที่นำสืบไว้แล้ว ยังไม่เพียงพอให้รับฟังว่าเป็นคนยากจน กฎหมายจึงเปิดช่องให้ผู้ยื่นคำขอร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนได้อีก เมื่อคดีนี้ไม่มีการสืบพยานจำเลย เนื่องจากในวันนัดไต่สวนคำร้องจำเลยไม่ไปศาล ศาลชั้นต้นจึงถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ ยกคำร้องของจำเลย กรณีจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ จำเลยจะมายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคำร้องใหม่ เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ อีกไม่ได้ ศาลชอบที่จะยกคำร้องโดยไม่จำต้องรับคำร้องดังกล่าวไว้ไต่สวนอีกต่อไป
คำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา คำร้องอุทธรณ์คำสั่งหรือฎีกาคำสั่งตลอดจนการดำเนินกระบวนการพิจารณาในชั้นไต่สวนอนาถานี้ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคท้าย ที่จำเลยเสียค่าคำร้องค่าคำขอ ค่าอ้างเอกสารในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นไต่สวนอนาถาโดยที่ศาลชั้นต้นมิได้สั่งคืนให้แก่จำเลย รวมทั้งที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์สั่งให้ค่าคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่จำเลยเสียมาเป็นพับแก่จำเลยนั้น จึงเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย
คำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา คำร้องอุทธรณ์คำสั่งหรือฎีกาคำสั่งตลอดจนการดำเนินกระบวนการพิจารณาในชั้นไต่สวนอนาถานี้ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคท้าย ที่จำเลยเสียค่าคำร้องค่าคำขอ ค่าอ้างเอกสารในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นไต่สวนอนาถาโดยที่ศาลชั้นต้นมิได้สั่งคืนให้แก่จำเลย รวมทั้งที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์สั่งให้ค่าคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่จำเลยเสียมาเป็นพับแก่จำเลยนั้น จึงเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขออุทธรณ์คดีโดยการดำเนินกระบวนพิจารณาในฐานะคนอนาถา ต้องพิสูจน์ความยากจนทางทรัพย์สิน
การดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นไต่สวนอนาถา ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล ไม่ว่าจะเป็นค่าอ้างเอกสาร ค่าคำร้องอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคท้ายประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง มาตรา 45
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2985/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่าเนื่องจากจำเลยนำตำรวจจับกุมโจทก์ตามข้อกล่าวหาของบิดามารดา ถือเป็นการหมิ่นประมาทและทำให้โจทก์ยากจนลง
การที่บิดามารดาจำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจกล่าวหาว่าโจทก์ลักทรัพย์แม้จะมิใช่เหตุที่โจทก์จะยกขึ้นอ้างเพื่อฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับจำเลยก็ตามแต่การที่จำเลยนำตำรวจไปจับกุมโจทก์ตามข้อกล่าวหาของบิดามารดานั้น การกระทำของจำเลยย่อมถือได้ว่าเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นต่อเกียรติยศและชื่อเสียงของโจทก์ อันเป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1516(3)
โจทก์เพิ่งจะหางานทำได้หลังจากที่แยกกันอยู่กับจำเลยจึงติดใจขอค่าเลี้ยงชีพจากจำเลย จำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น กรณีถือได้ว่าการหย่าทำให้โจทก์ยากจนลง เพราะไม่มีรายได้จากการงานตามที่เคยทำอยู่ในระหว่างสมรส เมื่อเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของจำเลยจำเลยจึงต้องจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526
โจทก์เพิ่งจะหางานทำได้หลังจากที่แยกกันอยู่กับจำเลยจึงติดใจขอค่าเลี้ยงชีพจากจำเลย จำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น กรณีถือได้ว่าการหย่าทำให้โจทก์ยากจนลง เพราะไม่มีรายได้จากการงานตามที่เคยทำอยู่ในระหว่างสมรส เมื่อเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของจำเลยจำเลยจึงต้องจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้โดยอ้างยากจน: ต้องยากจนถึงขั้นยากไร้ตามกฎหมายเท่านั้น
สามีโจทก์ยกที่นาทำกินให้บุตรชาย 4 คน โจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลย เมื่อยกให้แล้วโจทก์กับสามียังมีที่ดินปลูกบ้านพร้อมเรือนอยู่อาศัย 2 หลัง มีที่ดินปลูกบ้านอีก 2 ไร่ และที่ดินทำกิน 5 ไร่ เช่านาจากคนอื่นทำ 20 ไร่ มีกระบือทำนา 2 ตัว บุตรชาย 4 คนที่ได้รับที่ดินได้ให้เงินและสิ่งของแก่โจทก์และสามีเป็นครั้งคราวตามฐานะ ส่วนจำเลยเคยให้ข้าวเปลือก 50 ถังให้เงินครั้งละ 100-200 บาท ดังนี้แม้โจทก์จะยากจนก็เป็นฐานะตามปกติตั้งแต่โจทก์และสามียกที่ดินให้ลูกอยู่แล้ว หาใช่เพิ่งยากจนลงในตอนหลังไม่ ความยากจนดังกล่าวไม่ถึงขนาดเป็นคนยากไร้ตามความหมายของมาตรา 531(3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นแม้จะฟังว่าโจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยโดยเสน่หาและจำเลยไม่ยอมให้ข้าวเปลือกแก่โจทก์ 50 ถังตามที่โจทก์ขอ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอคืนที่พิพาทจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจากลักทรัพย์เป็นทำลายทรัพย์สิน: จำเลยฎีกาไม่ได้ และต้องมีเหตุความจำเป็นหรือยากจน
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
การกระทำผิดตามมาตรา 335 จะลงโทษตามมาตรา 334 ได้ มิใช่ทรัพย์มามีราคาเล็กน้อยอย่างเดียว ผู้กระทำต้องกระทำโดยความจำใจหรือความยากจนเหลือทนทานเป็นหลักประกอบด้วย
การกระทำผิดตามมาตรา 335 จะลงโทษตามมาตรา 334 ได้ มิใช่ทรัพย์มามีราคาเล็กน้อยอย่างเดียว ผู้กระทำต้องกระทำโดยความจำใจหรือความยากจนเหลือทนทานเป็นหลักประกอบด้วย