พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8117/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคิดดอกเบี้ยและกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี การปฏิบัติตามธรรมเนียมธนาคาร
ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกำหนดให้คิดดอกเบี้ยทุกวัน และกำหนดส่งเป็นรายเดือนทุกวันปิดบัญชีสิ้นเดือนของโจทก์ทุก ๆ เดือน ทั้งยังระบุให้โจทก์และจำเลยที่ 1 ปฏิบัติไปตามธรรมเนียมประเพณีของธนาคาร ดังนั้น การคิดดอกเบี้ยของโจทก์ทุกวันและกำหนดส่งเป็นรายเดือนทุกวันปิดบัญชีสิ้นเดือน จึงเป็นไปตามประเพณีของธนาคารตามข้อตกลงระหว่างคู่สัญญา อันเป็นการกำหนดการนับระยะเวลาโดยนิติกรรมตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/1 แม้วันสิ้นเดือนเป็นวันหยุดทำการ โจทก์ก็คิดหักทอนบัญชีเมื่อสิ้นเดือนได้โดยไม่ถือเอาวันเปิดทำการถัดไปเป็นวันปิดบัญชี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3883/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของคำฟ้องซื้อขายและการคิดดอกเบี้ยตาม ป.พ.พ.มาตรา 490
จำเลยทั้งสองอ้างว่าคำฟ้องของโจทก์มิได้มีข้อความว่าจำเลยทั้งสองสั่งซื้อสินค้าอะไร เมื่อไร จำนวนเท่าใด จำเลยทั้งสองได้รับสินค้าจากโจทก์แล้วหรือไม่นั้น เมื่อปรากฏว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่า ตั้งแต่ต้นปี 2536 ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2536 จำเลยทั้งสองซื้อกระดาษหลายประเภทจากโจทก์หลายครั้งรวมเป็นเงิน 173,868.50 บาท จำเลยทั้งสองได้รับกระดาษดังกล่าวแล้ว ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์บรรยายข้อความที่จำเลยทั้งสองอ้างข้างต้นว่าไม่มี ไว้ครบถ้วนแล้ว และที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าการชำระเงินต้องชำระกันอย่างไรจำเลยทั้งสองผิดนัดตั้งแต่เมื่อใด โจทก์เริ่มคิดดอกเบี้ยเมื่อไร จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมนั้น ตามคำฟ้องของโจทก์ระบุช่วงเวลาที่จำเลยทั้งสองซื้อสินค้าจากโจทก์และรับสินค้าดังกล่าวว่าตั้งแต่ต้นปี 2536 ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2536 แม้จะไม่ได้ระบุวันถึงกำหนดใช้ราคา แต่ตาม ป.พ.พ.มาตรา 490 บัญญัติ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเวลากำหนดใช้ราคาคือเวลาอันเดียวกันกับเวลาที่ส่งมอบทรัพย์สินซึ่งขายนั้น จึงเข้าใจได้ว่าจำเลยผิดนัดตั้งแต่รับสินค้าและไม่ใช้ราคาแล้ว และแม้โจทก์จะมิได้ระบุวันเดือนปีที่โจทก์เริ่มคิดดอกเบี้ย แต่โจทก์ระบุว่าโจทก์ขอคิดดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัดถึงวันฟ้องเพียง 5 เดือนโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2537 หากนับแต่วันสิ้นเดือนมิถุนายน 2536อันเป็นวันที่โจทก์ระบุว่าจำเลยทั้งสองซื้อกระดาษจากโจทก์เป็นครั้งสุดท้ายถึงวันฟ้องจะเป็นเวลา 6 เดือนเศษ แต่โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยเพียง 5 เดือน เท่านั้น เมื่อเริ่มนับแต่วันฟ้องย้อนหลังไป 5 เดือน ก็จะสามารถคำนวณเงินค่าดอกเบี้ยที่โจทก์เรียกร้องได้ จึงไม่จำเป็นต้องระบุวันเดือนปีที่โจทก์เริ่มคิดดอกเบี้ยอีก ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2226/2540 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาชำระหนี้ตามหนังสือแจ้งหนี้ และผลของการผิดนัดชำระ
จำเลยต้องรับผิดชำระเงินค่าปรับให้แก่โจทก์ การที่โจทก์ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยนำเงินค่าปรับจำนวนดังกล่าวมาชำระให้แก่โจทก์ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือนั้น โดยจำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน2535 ถือไม่ได้ว่าการที่โจทก์แจ้งจำเลยเช่นนั้นแต่เพียงฝ่ายเดียวเป็นนิติกรรมกำหนดการนับระยะเวลาเป็นอย่างอื่นตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ.มาตรา 193/1การนับระยะเวลา 15 วัน ในกรณีนี้จึงต้องนับตามมาตรา 193/3 วรรคสอง ซึ่งห้ามมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลานั้นรวมเข้าด้วยกัน เว้นแต่จะเริ่มการในวันนั้นเองตั้งแต่เวลาที่ถือได้ว่าเป็นเวลาเริ่มต้นทำการงานกันตามประเพณี เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับหนังสือตั้งแต่เวลาใด จึงถือไม่ได้ว่าได้เริ่มการอะไรในวันที่ 30พฤศจิกายน 2535 นั้นตั้งแต่เวลาอันเป็นกำหนดเริ่มต้นทำการงานกันตามประเพณีต้องห้ามมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลานั้นรวมคำนวณเข้าด้วย การนับระยะเวลา15 วัน ตามหนังสือดังกล่าวจึงต้องเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 1 ธันวาคม2535 และครบกำหนด 15 วันในวันที่ 15 ธันวาคม 2535 จำเลยจึงต้องชำระเงินค่าปรับให้แก่โจทก์ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2535 เมื่อจำเลยไม่ชำระเงินค่าปรับให้แก่โจทก์ภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว จำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดนัดซึ่งโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีตามมาตรา 224 แห่งป.พ.พ.ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2535 เป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาชำระหนี้และการเกิดสิทธิเรียกร้อง
ในการที่โจทก์ขายสินค้าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างให้แก่จำเลยนั้นตามทางปฏิบัติโจทก์ได้กำหนดระยะเวลาให้สินเชื่อแก่จำเลย เพื่อชำระราคาสินค้าภายในระยะเวลาประมาณ 45 ถึง 60 วัน นับแต่วันรับมอบสินค้าจึงถือไม่ได้ว่าวันที่โจทก์ส่งมอบสินค้าเป็นวันที่จำเลยต้องชำระราคาสินค้าแล้ว ฉะนั้น สิทธิเรียกร้องให้ชำระราคาสินค้าของโจทก์ยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาให้สินเชื่อซึ่งปรากฏว่าตามใบแจ้งหนี้กำหนดให้จำเลยจะต้องชำระเงิน เมื่อนับถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 2 ปี คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6465/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาชำระหนี้ไม่สมเหตุสมผล สัญญาไม่สิ้นสุด, การวางทรัพย์กลางไม่เกิดดอกเบี้ย
จำนวนเงินที่จำเลยที่ 1 เรียกให้โจทก์ชำระเป็นเงินถึง315,000 บาท แต่จำเลยที่ 1 ให้เวลาแก่โจทก์เพียง 3 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือทวงถามเห็นได้ชัดว่าเป็นระยะเวลาอันสั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการกำหนดระยะเวลาพอสมควร ตาม ป.พ.พ. มาตรา 387 เมื่อโจทก์ไม่ชำระเงินภายในกำหนด จำเลยที่ 1 ก็บอกเลิกสัญญาไม่ได้
โจทก์นำเงินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง แต่จำเลยไม่ได้รับเงินไป โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาดอกเบี้ยจากจำเลยในจำนวนเงินดังกล่าว
โจทก์นำเงินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง แต่จำเลยไม่ได้รับเงินไป โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาดอกเบี้ยจากจำเลยในจำนวนเงินดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6465/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาชำระหนี้ที่สั้นเกินไปทำให้บอกเลิกสัญญาไม่ได้ สัญญาซื้อขายยังมีผล
จำนวนเงินที่จำเลยที่ 1 เรียกให้โจทก์ชำระเป็นเงินถึง314,000 บาท แต่จำเลยที่ 1 ให้เวลาแก่โจทก์เพียง 3 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือทวงถามเห็นได้ชัดว่าเป็นระยะเวลาอันสั้นจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการกำหนดระยะเวลาพอสมควร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 เมื่อโจทก์ไม่ชำระเงินภายในกำหนด จำเลยที่ 1 ก็บอกเลิกสัญญาไม่ได้ โจทก์นำเงินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง แต่จำเลยไม่ได้รับเงินไป โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาดอกเบี้ยจากจำเลยในจำนวนเงินดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3403/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องล้มละลายเกินกว่าเหตุและไม่สมควร
จำเลยทั้งสองประกอบอาชีพรับราชการ มีเงินเดือนรวมกันเดือนละ14,780 บาท แต่เป็นหนี้โจทก์เพียง 60,000 บาทเศษ เป็นจำนวนไม่มากไม่ปรากฏว่ามีหนี้อื่นอีก หลังจากพ้นกำหนดตามคำบังคับของศาลจังหวัดชัยนาทเพียง 10 กว่าวัน โจทก์ก็ฟ้องขอให้ล้มละลายทันที ควรให้เวลาแก่จำเลยทั้งสองในการรวบรวมเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ คดีมีเหตุที่ไม่ควรให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2591/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวชำระหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้จำเลยไม่ผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นวันชี้สองสถานไว้2ข้อคือจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระเงิน12,800บาทตามที่ตกลงกันต่อหน้าศาลหรือไม่และโจทก์เสียหายเพียงใดเมื่อสืบพยานเสร็จศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นขึ้น4ข้อแล้วพิพากษาไปในวันนั้นคือ 1.จำเลยผิดสัญญาไม่ชำระเงิน12,800บาทตามที่ตกลงกับโจทก์ในวันที่1กันยายนหรือไม่ 2.โจทก์มีสิทธิเลิกสัญญาโดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อนหรือไม่ 3.โจทก์ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงโอนที่ดินให้จำเลยตามฟ้องแย้งของจำเลยหรือไม่ 4.โจทก์เสียหายหรือไม่เพียงใดดังนี้ประเด็นข้อ1เป็นการเน้นให้ชัดลงไปว่าจำเลยผิดสัญญาในวันที่1กันยายน2524หรือไม่เพราะประเด็นเดิมกล่าวไว้กว้างๆว่าผิดสัญญาตามที่ตกลงกันต่อหน้าศาลหรือไม่ซึ่งการนัดชำระราคาหลังจากตกลงกันที่ศาลแล้วมีครั้งเดียวคือวันที่1กันยายน2524เท่านั้นจึงไม่ถือว่าเป็นการกำหนดขึ้นใหม่ โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินนัดจำเลยไปรับโอนที่ดินที่ซื้อในวันที่1กันยายน2524โดยเจ้าพนักงานที่ดินออกหนังสือเมื่อวันที่26สิงหาคม2524เจ้าหน้าที่ส่งหนังสือนั้นแก่จำเลยวันถัดมาโจทก์จึงมิได้เป็นผู้แจ้งให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้เองจะถือว่าเจ้าพนักงานที่ดินเป็นตัวแทนหาได้ไม่กำหนดเวลาที่ให้จำเลยชำระหนี้เพียง4วันนับว่ากระชั้นชิดเกินไปไม่ใช่ระยะเวลาพอสมควรตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา387แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์การบอกกล่าวแจ้งให้จำเลยชำระหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยจึงมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาโจทก์ยังไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายกับจำเลยและยังไม่มีอำนาจฟ้อง ประเด็นข้อ3ที่ศาลชั้นต้นกำหนดเพิ่มเติมไม่ขัดต่อวิธีพิจารณาเพราะรวมอยู่ในประเด็นแรกที่กำหนดไว้แต่เดิมแล้วคือหากจำเลยไม่ผิดสัญญาย่อมมีประเด็นตามมาว่าโจทก์ต้องโอนที่ดินให้จำเลยตามฟ้องแย้งหรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวบังคับจำนอง, หนังสือมอบอำนาจ, และระยะเวลาชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
แม้ขณะมอบอำนาจโจทก์จะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แต่หนังสือมอบอำนาจ ระบุว่าทำที่กรุงเทพมหานครก็ตามก็เป็นเรื่องสถานที่มอบอำนาจคลาดเคลื่อน ไปเท่านั้นยังไม่พอฟังว่าโจทก์มิได้ทำหนังสือมอบอำนาจ
ทนายโจทก์ส่งหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองถึงจำเลยทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับตามตำบลที่อยู่ที่เป็นบ้านของจำเลยซึ่งระบุไว้ในสัญญา จำนอง และสามีจำเลยได้ลงชื่อรับไว้แล้วนั้น ถือได้ว่าโจทก์ได้ส่งหนังสือ บอกกล่าวบังคับจำนองไปถึงจำเลยโดยชอบแล้ว
โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้จำนอง 100,000 บาทกับ ดอกเบี้ยภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับหนังสือ แต่จำเลยก็มิได้ชำระโจทก์ จึงนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่จำเลยรับหนังสือ 27 วัน ประกอบกับจำเลย ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยเป็นเวลาปีเศษ ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวให้จำเลย ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรแล้ว
ทนายโจทก์ส่งหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองถึงจำเลยทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับตามตำบลที่อยู่ที่เป็นบ้านของจำเลยซึ่งระบุไว้ในสัญญา จำนอง และสามีจำเลยได้ลงชื่อรับไว้แล้วนั้น ถือได้ว่าโจทก์ได้ส่งหนังสือ บอกกล่าวบังคับจำนองไปถึงจำเลยโดยชอบแล้ว
โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้จำนอง 100,000 บาทกับ ดอกเบี้ยภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับหนังสือ แต่จำเลยก็มิได้ชำระโจทก์ จึงนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่จำเลยรับหนังสือ 27 วัน ประกอบกับจำเลย ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยเป็นเวลาปีเศษ ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวให้จำเลย ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือบอกกล่าวหนี้จำนองและการฟ้องคดีก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้จำนองพร้อมทั้งดอกเบี้ยภายในเดือนตุลาคม 2521 จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะชำระหนี้ดังกล่าวในวันใดก็ได้จนถึงวันสิ้นเดือนตุลาคม 2521 โจทก์ส่งหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยวันที่ 1 ตุลาคม 2521 และนำคดีมาฟ้องวันที่ 6 ตุลาคม 2521 เป็นการนำมาฟ้องก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งยังอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยจะชำระหนี้ให้โจทก์ได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยละเลยไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าวโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง