คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รัฐบาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 748/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความภาษีอากร: สิทธิเรียกร้องของรัฐบาลมีอายุความ 10 ปี นับแต่เวลาที่อาจบังคับสิทธิได้
กรณีที่จำเลยหลีกเลี่ยงค่าภาษีอากร สิทธิของกรมศุลกากรโจทก์ที่ 1 ที่จะเรียกเงินอากรที่ขาดจึงเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา10 วรรคสามแห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 ดังนั้น จะนำอายุความสิบปีและการนับอายุความ โดยเริ่มนับจากวันที่นำของเข้าตามมาตราดังกล่าวมาใช้บังคับหาได้ไม่ จึงต้องใช้อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 167 เดิม (มาตรา 193/31)และการนับอายุความก็ต้องให้นับเริ่มแต่ขณะที่จะอาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 169 เดิม(มาตรา 193/12) เงินเพิ่มภาษีการค้านั้น ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89 ทวิกำหนดเงื่อนไขสำคัญว่า มิให้เกินกว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระโดยไม่รวมเบี้ยปรับ ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระเงินเพิ่มภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามใบขนสินค้าแต่ละฉบับนับแต่วันตรวจปล่อยจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยมิได้ระบุว่าเงินเพิ่มภาษีการค้ามิให้เกินกว่าจำนวนภาษีการค้าที่ต้องชำระเพิ่มโดยไม่รวมเบี้ยปรับ จึงไม่ถูกต้อง และเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความจะมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พ้นวิสัยจากเหตุอนุมัติสินค้าไม่อนุมัติจากรัฐบาลต่างประเทศ ไม่เป็นความผิดจำเลย
ข้อตกลงซื้อขายชุดสแครมเบลอร์ยี่ห้อดาต้าคริพเตอร์ทูระหว่างจำเลยกับโจทก์เป็นข้อตกลงหลวม ๆ ไม่มีข้อความระบุรายละเอียดความรับผิดของแต่ละฝ่ายไว้ กำหนดการส่งมอบสินค้าก็ไม่อาจกำหนดเวลาให้แน่ชัดลงไปได้เพราะต้องรอการตรวจสอบ ซึ่งโจทก์ทราบเงื่อนไขข้อนี้เป็นอย่างดี และสินค้าที่ซื้อขายเป็นยุทธปัจจัยการส่งออกจะต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาก่อนและโจทก์ทราบอุปสรรคข้อนี้ แต่ก็มิได้ยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นข้อสำคัญให้จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ แต่กลับปรากฏว่าเมื่อการรอคอยคำตอบจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นไปด้วยความล่าช้าโจทก์สอบถามจำเลยเพื่อจะดำเนินการติดต่อซื้อเองโดยตรงจากบริษัทร.ผู้ผลิตซึ่งจำเลยก็บอกว่าโจทก์สามารถทำได้และโจทก์ได้สั่งซื้อเองจึงเห็นได้ว่าโจทก์เองก็ถือว่า การที่รัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาไม่อนุมัติให้บริษัทร. ขายสินค้าให้โจทก์ จะถือเป็นความผิดของจำเลยมิได้ ต่อมาเมื่อจำเลยแจ้งว่ารัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาไม่อนุมัติโจทก์ก็ได้ขอแก้ไขสัญญากับกองบัญชาการทหารสูงสุดขอส่งมอบสินค้ายี่ห้ออื่นแทน โดยอ้างว่าการส่งมอบชุดสแครมเบลอร์ยี่ห้อดาต้าคริพเตอร์ทูเป็นการพ้นวิสัยและกองบัญชาการทหารสูงสุดก็ยินยอม โดยไม่ถือเป็นความผิดของโจทก์ดังนี้จึงเห็นได้ว่าโจทก์เองก็ถือว่าการที่รัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาไม่อนุมัติให้บริษัทร.ส่งชุดสแครมเบลอร์ยี่ห้อดาต้าคริพเตอร์ทูออกนอกประเทศครั้งนี้จะถือเป็นความผิดของฝ่ายใดมิได้ และสาเหตุดังกล่าวก็อยู่นอกเหนืออำนาจของจำเลย ถือได้ว่าภายหลังจากที่ได้ก่อหนี้ขึ้นแล้ว การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยอันมิใช่ความผิดของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2005/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาทุนรัฐบาลกับการชดใช้ค่าทุนและค่าใช้จ่ายเมื่อผิดสัญญา
จำเลยที่ 1 ได้รับทุน เอ.ไอ.ดี. ซึ่งเป็นทุนที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลไทย ไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ โดยจำเลยที่ 1 สัญญาว่าเมื่อเสร็จการศึกษาแล้วจะกลับมารับราชการในหน่วยงานของโจทก์ที่ 1 หรือกระทรวง ทบวง กรมอื่นตามที่โจทก์ที่ 1 เห็นสมควรเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของเวลาที่ได้รับทุน หลังจากสำเร็จการศึกษา ณ ต่างประเทศแล้ว จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาลาออกจากราชการก่อนครบกำหนดรับราชการใช้ทุนคืนดังนี้จำเลยที่ 1 จะต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเงินทุนที่ได้รับมิใช่ของรัฐบาลไทยและค่าเครื่องบินก็เป็นของโจทก์ที่ 2 หาได้ไม่ เพราะทุนดังกล่าวรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้มอบให้แก่รัฐบาลไทย และเมื่อมีการผิดสัญญา เงินที่ได้รับชดใช้จากผู้ได้รับทุนจะได้นำไปจัดสรรเป็นทุนใหม่ต่อไป ส่วนค่าเครื่องบินนั้นแม้จะเป็นเงินของโจทก์ที่ 2 ก็เป็นเงินของทางราชการ ซึ่งจำเลยที่ 1 ทำสัญญาผูกพันให้ไว้แก่โจทก์ที่ 1 ว่าจะชำระคืนให้โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2113/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงปรับเงินเดือนตามมติรัฐบาล: ไม่ผูกพันตามจำนวนที่รัฐบาลกำหนด
บันทึกข้อตกลงระหว่างผู้แทนนายจ้างกับผู้แทนลูกจ้างมีความว่า การที่พนักงานขอให้ปรับเงินเดือนขึ้นอีก 20เปอร์เซ็นต์ นั้น เรื่องนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาให้แก่ข้าราชการอยู่ และในการนี้ก็จะพิจารณาปรับปรุงให้แก่รัฐวิสาหกิจเช่นเดียวกัน ซึ่งรวมทั้งบริษัทของนายจ้างด้วย และจะมีผลใช้บังคับในระยะเวลาพร้อมกัน ข้อตกลงดังนี้หมายความเพียงแต่ว่ารัฐบาลซึ่งเป็นนายจ้างจะปรับปรุงเงินเดือนให้เพียงใดนั้น ไม่มีการระบุไว้แน่ชัดเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะพิจารณา จะถือว่าบริษัทนายจ้างได้ตกลงรับเป็นข้อผูกพันว่า เมื่อรัฐบาลปรับปรุงเงินเดือนให้แก่ข้าราชการแล้ว จะปรับปรุงเงินเดือนให้ลูกจ้างขึ้นจากเดิม 20 เปอร์เซ็นต์หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1506/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับศาลเจ้า: ผู้จัดการศาลเจ้ามีอำนาจฟ้องแต่เพียงผู้เดียว รัฐบาลมีหน้าที่ตรวจตราและอุดหนุน
ศาลเจ้าเป็นที่กุศลสถานประเภทหนึ่งตามกฎเสนาบดีกระทรวงนครบาลและกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 15 มีนาคม2463 ออกตามความในพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา123 ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้จัดการปกครองและตรวจตราสอดส่องอยู่โดยเฉพาะ หาใช่ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงหามีอำนาจฟ้องห้ามมิให้ผู้อื่นครอบครองห้องพิพาทของศาลเจ้าได้ไม่
ตามกฎเสนาบดีกระทรวงนครบาลว่าด้วยที่กุศลสถานชนิดศาลเจ้า ข้อ14 ก. อำนาจฟ้องเกี่ยวด้วยเรื่องศาลเจ้าทุกประการเป็นของผู้จัดการปกครองศาลเจ้าและตามพระราชบัญญัติปกครองท้องที่พ.ศ.2457 มาตรา 123 เจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองมีหน้าที่เพียงคอยตรวจตราอุดหนุนผู้ปกปักรักษาวัดหรือกุศลสถานอย่างอื่นเท่านั้น การที่กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้มีชื่อเป็นเจ้าของในโฉนดก็ตาม เป็นผู้มีชื่อเป็นคู่สัญญากับผู้ทำสัญญาเช่าที่ดินบริเวณศาลเจ้าในหนังสือสัญญาก็ตาม ก็เป็นการกระทำแทนและในนามศาลเจ้าซึ่งมีผู้จัดการปกครองศาลเจ้าเป็นผู้มีอำนาจฟ้องอยู่แล้วตามกฎหมาย กระทรวงมหาดไทยจะเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้หาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2136/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดให้เล่นการพนันสลากกินแบ่งโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้แอบอิงสลากรัฐบาลก็ถือเป็นความผิด
ซื้อสลากกินแบ่งของรัฐบาลมาแบ่งเป็นชุด แต่ละชุดเอามาพิมพ์เป็นใบรวมหุ้นนำออกขายได้กำไรเกินไปกว่าราคาเดิมที่รัฐบาลขายด้านหลังใบรวมหุ้นวางเงื่อนไขการให้รางวัลไว้ ซึ่งต่ำกว่าอัตรารางวัลที่กองสลากของรัฐบาลจ่าย แล้วอาศัยวิธีออกสลากของรัฐบาล ดั่งนี้มีลักษณะเป็นเรื่องค้าและเสี่ยงโชคในการพนันโดยนำเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลมาจัดทำเป็นสลากขึ้นใหม่ มีรางวัลและการได้เสียเป็นการเสี่ยงโชคพนันเอาทรัพย์สินกัน จึงเป็นผิดฐานออกสลากกินแบ่งโดยไม่ได้รับอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1754/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะผู้ใหญ่บ้านและการมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด
ผู้ใหญ่บ้านไม่ใช่ลูกจ้างหรือคนงานของรัฐบาลตามความหมายของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งของสมาชิกจังหวัด
ผู้ใหญ่บ้านที่สมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัด จึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ.2482 ม.21,64 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2498 ม.9

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1153-1154/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบคิดก่อการกบถ: วันเวลาที่ระบุในฟ้อง และการล้มล้างรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ฟ้องหาว่าจำเลยได้สมคบกันพยายามจะก่อการกบถโดยจะกระทำการประทุษฐร้ายเพื่อทำลายรัฐบาล ฯลฯ ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2491 เวลาใดไม่ปรากฎถึง วันที่ 2 ตุลาคม ปีเดียวกันเวลากลางวัน ฯลฯ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นฟ้องที่ระบุวันเวลาจำกัดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้แล้ว กฎหมายหาได้บังคับให้แยกเป็นเวลา เป็นรายตัวบุคคลไม่ และไม่จำเป็นต้องแยกว่า จำเลยคนใดกระทำผิดอย่างใด เมื่อได้บรรยายการกระทำผิดมาพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
การล้มล้างรัฐบาลเก่า ตั้งเป็นรัฐบาลขึ้นใหม่โดยใช้กำลังนั้น ในตอนต้นอาจไม่ชอบด้วยกฎหมายจนกว่าประชาชนจะได้ยอมรับนับถือแล้ว เมื่อเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามความเป็นจริงคือหมายความว่า ประชาชนได้ยอมรับนับถือแล้ว ผู้ก่อการกบถล้มล้างรัฐบาลดั่งกล่าวก็ต้องเป็นผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 102

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1153-1154/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีกบฏ และการเปลี่ยนแปลงสถานะของรัฐบาล
ฟ้องหาว่าจำเลยได้สมคบกันพยายามจะก่อการกบฏโดยจะกระทำการประทุษร้ายเพื่อทำลายรัฐบาล ฯลฯ ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2491 เวลาใดไม่ปรากฏถึงวันที่ 2 ตุลาคมปีเดียวกันเวลากลางวัน ฯลฯ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นฟ้องที่ระบุวันเวลาจำกัดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้แล้วกฎหมายหาได้บังคับให้แยกเป็นเวลา เป็นรายตัวบุคคลไม่ และไม่จำเป็นต้องแยกว่า จำเลยคนใดกระทำผิดอย่างใด เมื่อได้บรรยายการกระทำผิดมาพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
การล้มล้างรัฐบาลเก่า ตั้งเป็นรัฐบาลขึ้นใหม่โดยใช้กำลังนั้น ในตอนต้นอาจไม่ชอบด้วยกฎหมายจนกว่าประชาชนจะได้ยอมรับนับถือแล้ว เมื่อเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามความเป็นจริงคือหมายความว่า ประชาชนได้ยอมรับนับถือแล้วผู้ก่อการกบฏล้มล้างรัฐบาลดังกล่าวก็ต้องเป็นผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 102

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1647/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเจือปนสุราชนิดเดียวกันโดยไม่ใช้วัตถุอื่น ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน
ผู้ค้าสุราเอาน้ำสุราของรัฐบาลชะนิดต่าง ๆ เจือปนกันโดยมิได้ใช้น้ำหรือวัตถุอย่างอื่นเจือปน หามีความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นในแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2476 มาตรา 9 ไม่
(อ้างฎีกาที่ 336/2484)
of 3