พบผลลัพธ์ทั้งหมด 49 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 523/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อต้องทำตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด หากไม่ถูกต้องสัญญาเป็นโมฆะ
หุ้นของบริษัททั้งหมดเป็นหุ้นสามัญชนิดระบุชื่อ แม้คู่ความจะรับกันว่าทางบริษัทยังไม่ออกใบหุ้นแต่การโอนหุ้นก็ต้องปฏิบัติตาม ป.พ.พ.มาตรา 1129 วรรคสอง เพราะเป็นกรณีโอนหุ้นชนิดระบุชื่อ ซึ่งกำหนดแบบไว้ว่าถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนและผู้รับโอน มีพยานคนหนึ่งเป็นอย่างน้อยลงชื่อรับรองลายมือนั้น ๆ ด้วยแล้ว ท่านว่าเป็นโมฆะ เมื่อหนังสือสัญญาโอนหุ้นไม่มีผู้ลงชื่อเป็นพยานรับรองลายมือดังกล่าว การโอนหุ้นระหว่างจำเลยกับโจทก์จึงเป็นโมฆะตามบทบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อบกพร่องรูปแบบอุทธรณ์ส่งผลให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยไม่ปรากฏว่ามีลายมือชื่อผู้เรียงอุทธรณ์ฟ้องอุทธรณ์ จึงไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(7) แต่การที่จะให้จำเลยแก้ไขหรือสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยก็ล่วงเลยเวลาที่จะปฏิบัติได้ เพราะศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้พิจารณาพิพากษาคดีนี้เสร็จไปแล้วการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาคดีนี้มาจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมโมฆะ: การจัดทำพินัยกรรมไม่เป็นไปตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด (มาตรา 1658, 1705)
การทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองจะต้องทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1658 ที่บัญญัติว่า "(1) ผู้ทำพินัยกรรมต้องไปแจ้งข้อความที่ตนประสงค์จะให้ใส่ไว้ในพินัยกรรมของตนแก่กรมการอำเภอต่อหน้าพยานอีกอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน (2) กรมการอำเภอต้องจดข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งให้ทราบนั้นลงไว้ และอ่านข้อความนั้นให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยานฟัง" เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าในการทำพินัยกรรมมีเฉพาะ ส. เข้าไปในบ้านเพื่อทำพินัยกรรมให้กับ บ. ตามที่ได้ยื่นคำร้องไว้ โดยปลัดอำเภออาวุโสรักษาราชการแทนนายอำเภอกับ ถ. นั่งรับประทานอาหารอยู่ที่ร้านอาหารตรงกันข้ามกับปากตรอกทางเข้าบ้าน บ. เมื่อทำพินัยกรรมเสร็จแล้ว ส. จึงนำพินัยกรรมนั้นมาให้ปลัดอำเภออาวุโสรักษาราชการแทนนายอำเภอและ ถ. ลงลายมือชื่อที่ร้านอาหารแม้ในหน้าสุดท้ายของพินัยกรรมจะระบุว่า ปลัดอำเภอรักษาราชการแทนนายอำเภอ รับรองว่าเป็นผู้ทำหน้าที่จดข้อความ แต่ข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่าผู้ทำหน้าที่จดข้อความคือ ส. แม้จะฟังว่า ปลัดอำเภอรักษาราชการแทนนายอำเภอสั่งให้ ส. ช่วยจดข้อความแทน แต่ขณะจดข้อความนั้นมิได้กระทำต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกันพินัยกรรมนี้จึงขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 1658 และตกเป็นโมฆะตามมาตรา 1705
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9501/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารหลักฐานในคดีแพ่ง: เจตนารมณ์กฎหมายเน้นให้ตรวจสอบเพื่อซักค้านพยาน แม้ไม่ปฏิบัติตามรูปแบบก็รับฟังได้
เจตนารมณ์ของการส่งสำเนาเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 มุ่งประสงค์เพียงให้ฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารมายันได้มีโอกาสตรวจสอบเอกสารก่อนเพื่อจะได้ซักค้านพยานได้ถูกต้องไม่เสียเปรียบแก่กัน เมื่อโจทก์ได้แนบสำเนาเอกสารดังกล่าวมาท้ายคำฟ้อง ย่อมนับได้ว่าตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายแล้ว แม้โจทก์จะมิได้แสดงความจำนงขอถือเอาเอกสารท้ายคำฟ้องแทนการส่งสำเนาให้คู่ความ หรือโจทก์มิได้ขออนุญาตศาลขอถือเอาเอกสารท้ายคำฟ้องแทนการส่งสำเนาให้แก่คู่ความก็ตาม ไม่มีผลทำให้คดีโจทก์ต้องเสียไป
แม้โจทก์จะมิได้ส่งสำเนาเอกสารให้แก่จำเลยภายในระยะเวลาตามกฎหมายและไม่ได้แนบสำเนามาท้ายฟ้อง ศาลก็ชอบที่จะรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามนัยแห่งเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90
เอกสารที่แม้จะเป็นเพียงสำเนา มิใช่ต้นฉบับ แต่จำเลยเป็นผู้ทำขึ้นเอง เมื่อไม่ปรากฎเหตุสงสัยว่าจะมีข้อความผิดไปจากความจริง การที่โจทก์มิได้อ้างไว้ในบัญชีระบุพยานซึ่งฝ่าฝืนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลมีอำนาจรับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2) แม้จำเลยมิได้รับรองความถูกต้องของเอกสารนั้น คดีโจทก์ก็ไม่เสียไปเพราะเหตุดังกล่าว
แม้โจทก์จะมิได้ส่งสำเนาเอกสารให้แก่จำเลยภายในระยะเวลาตามกฎหมายและไม่ได้แนบสำเนามาท้ายฟ้อง ศาลก็ชอบที่จะรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามนัยแห่งเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90
เอกสารที่แม้จะเป็นเพียงสำเนา มิใช่ต้นฉบับ แต่จำเลยเป็นผู้ทำขึ้นเอง เมื่อไม่ปรากฎเหตุสงสัยว่าจะมีข้อความผิดไปจากความจริง การที่โจทก์มิได้อ้างไว้ในบัญชีระบุพยานซึ่งฝ่าฝืนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลมีอำนาจรับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2) แม้จำเลยมิได้รับรองความถูกต้องของเอกสารนั้น คดีโจทก์ก็ไม่เสียไปเพราะเหตุดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6466/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องอุทธรณ์ที่ผิดรูปแบบ และอำนาจศาลในการย้อนสำนวนเพื่อแก้ไขกระบวนการ
ฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ทนายความลงลายมือชื่อเป็นผู้อุทธรณ์โดยที่จำเลยยังมิได้ยื่นใบแต่งทนายความตั้งทนายความผู้นั้นเป็นทนายจำเลยเท่ากับเป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ยังมิได้ลงลายมือชื่อจำเลยผู้อุทธรณ์ จึงเป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่ถูกต้องในส่วนที่เป็นรูปแบบซึ่งสามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจสั่งให้จำเลยแก้ไขฟ้องอุทธรณ์ให้ถูกต้องเสียก่อน ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 161 วรรคหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นกลับสั่งรับฟ้องอุทธรณ์ของจำเลย และศาลอุทธรณ์พบข้อผิดพลาดในการดำเนินกระบวนพิจารณาของคู่ความและศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้ว ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องได้ ด้วยการให้จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้อุทธรณ์หรือยื่นใบแต่งทนายความตั้งทนายความที่ลงลายมือชื่อเป็นผู้อุทธรณ์เป็นทนายจำเลย และกรณีนี้ก็หาได้ล่วงเลยเวลาที่ควรปฏิบัติไม่ ทั้งไม่ต้องด้วยความยุติธรรมที่จะให้จำเลยเสียสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์อันเนื่องมาแต่ข้อผิดพลาดในการดำเนินกระบวนพิจารณาของคู่ความและศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยเพราะเหตุที่จำเลยมิได้ยื่นใบแต่งทนายความจำเลย ย่อมเป็นการไม่ชอบ ประกอบกับคดีนี้จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ และผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยต่อไป จึงมีเหตุสมควร ให้ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้จำเลยแก้ไขฟ้องอุทธรณ์ให้ถูกต้อง แล้วดำเนินการต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9502/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แบบพิมพ์อุทธรณ์ที่ใช้มีลักษณะใกล้เคียงกับแบบพิมพ์ศาล แม้ไม่ตรงทุกประการ ก็ถือเป็นอุทธรณ์ที่ชอบแล้ว
แบบพิมพ์อุทธรณ์ที่จำเลยใช้มีสาระสำคัญเหมือนกับกระดาษแบบพิมพ์ที่ศาลจัดไว้ จะต่างกันบ้างก็เพียงเล็กน้อยและมิใช่สาระสำคัญ ทั้งศาลชั้นต้นก็สั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยโดยมิได้สั่งให้ทำใหม่เสียให้ถูกต้อง ดังนี้ อุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6560/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในข้อเท็จจริงต้องเป็นไปตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด หากไม่เป็นไปตามนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 รับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริงโดยมิได้ระบุให้ผู้พิพากษาคนใดเป็นผู้พิจารณารับรองเป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาคดีใหม่ต้องทำตามรูปแบบและระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หากไม่เป็นไปตามจะถูกยกคำร้อง
ที่จำเลยฎีกาข้อแรกว่า จำเลยขอถือเอาอุทธณ์ของจำเลยเอกสารท้ายฎีกาเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาด้วย ไม่เป็นการกล่าวชัดแจ้งซึ่งข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างในฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคแรกศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่า คำร้องของจำเลยไม่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งสาเหตุที่ขาดนัดและข้อคัดค้านคำชี้ขาดตัดสินของศาลตาม ป.วิ.พ.มาตรา208 วรรคสอง จึงมีอำนาจสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยได้โดยไม่จำต้องส่งสำเนาคำร้องให้แก่โจทก์เพื่อคัดค้านหรือไม่อย่างไรอีก
จำเลยได้ยื่นคำร้องฉบับที่ 2 เพื่อให้คำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยสมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้คำร้องฉบับที่ 2 จะต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียวกันกับฉบับแรกก็ตาม แต่เมื่อจำเลยยื่นคำร้องฉบับที่ 2 เมื่อพ้น 15 วัน นับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำเลย จำเลยย่อมไม่มีสิทธิจะขอให้พิจารณาใหม่
เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่า คำร้องของจำเลยไม่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งสาเหตุที่ขาดนัดและข้อคัดค้านคำชี้ขาดตัดสินของศาลตาม ป.วิ.พ.มาตรา208 วรรคสอง จึงมีอำนาจสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยได้โดยไม่จำต้องส่งสำเนาคำร้องให้แก่โจทก์เพื่อคัดค้านหรือไม่อย่างไรอีก
จำเลยได้ยื่นคำร้องฉบับที่ 2 เพื่อให้คำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยสมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้คำร้องฉบับที่ 2 จะต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียวกันกับฉบับแรกก็ตาม แต่เมื่อจำเลยยื่นคำร้องฉบับที่ 2 เมื่อพ้น 15 วัน นับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำเลย จำเลยย่อมไม่มีสิทธิจะขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3493/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบ และการผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญา
แม้โจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า3 วัน ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 แต่ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจรับฟังพยานเอกสารเพราะเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี อันเป็นอำนาจตามมาตรา 87(2) จึงเป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ไม่ตรงตามงวดที่ได้กำหนดเวลาชำระไว้ในสัญญากู้ แต่โจทก์ก็ได้รับเงินไว้แล้วนำไปหักชำระดอกเบี้ยและต้นเงินที่ค้างชำระเรื่อยมาแสดงว่าโจทก์มิได้ถือกำหนดเวลาชำระหนี้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้เป็นสำคัญเมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์อีก จึงต้องถือว่าจำเลยผิดนัดต้องชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในต้นเงินที่ค้างชำระตั้งแต่วันถัดจากวันที่ชำระเงินครั้งสุดท้ายเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5272/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำให้การโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบ แต่มีการแต่งตั้งทนายและศาลอนุญาตแก้ไขได้ ถือว่าการยื่นคำให้การชอบแล้ว
จำเลยเป็นผู้นำคำให้การซึ่งทนายจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อในคำให้การและในฐานะผู้เรียงและพิมพ์ไว้มายื่นต่อศาล โดยไม่มีใบแต่งทนายความลงลายมือชื่อจำเลยและทนายจำเลยมายื่นต่อศาล ภายในกำหนดเวลายื่นคำให้การ ทนายจำเลยพึ่งยื่นคำร้องแจ้งเหตุบกพร่องต่อศาล พร้อมกับยื่นใบแต่งทนายความภายหลังเมื่อพ้นกำหนดเวลายื่นคำให้การแล้ว แต่ศาลชั้นต้นก็สั่งรับใบแต่งทนายความไว้พฤติการณ์ดังกล่าวกระทำให้น่าเชื่อว่าจำเลยได้ตั้งแต่ง ทนายจำเลยในคดีนี้ไว้แล้วจริง แม้ใบแต่งทนายความไม่ได้ยื่นต่อศาลในวันที่จำเลยนำคำให้การมายื่น ศาลก็มีอำนาจที่จะอนุญาตให้แก้ไขจัดทำเสียให้เป็นการถูกต้องได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้แต่งตั้งทนายจำเลยในวันที่ยื่นใบแต่งทนายความแล้วจึงถือว่าจำเลยได้ยื่นคำให้การไว้โดยชอบแล้ว.