พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5841/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารสำเนา และความรับผิดในหนี้จากการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างโดยบุคคลอื่น
การที่โจทก์นำสืบแสดงสำเนาเอกสารต่อศาล จำเลยที่ 1 มิได้โต้แย้งว่าโจทก์มิได้ส่งต้นฉบับเอกสารแต่อย่างใด การที่ศาลวินิจฉัยรับฟังตามสำเนาเอกสารดังกล่าว ถือได้ว่าศาลได้อนุญาตให้นำสำเนาเอกสารมาสืบได้ในกรณีไม่สามารถนำต้นฉบับเอกสารมาได้โดยประการอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2) แล้ว โดยโจทก์ไม่จำต้องขออนุญาตศาลก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้จากการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง: จำเลยร่วมผู้สั่งซื้อจริงมีหน้าที่ชำระหนี้
จำเลยทั้งสองว่าจ้างจำเลยร่วมให้ทำถนนลาดยางในโครงการบ้านสวนนำโชคของจำเลยทั้งสอง โดยมีข้อตกลงให้จำเลยร่วมเป็นผู้จัดหาเครื่องจักร เครื่องใช้ และวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เอง เมื่อ ก. ซึ่งเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยร่วมให้มีอำนาจดำเนินการใด ๆ แทนจำเลยร่วมได้นำ ส. ไปสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์โดยแนะนำว่า ส. เป็นผู้จัดการโครงการของจำเลยทั้งสองได้รับมอบหมายจากจำเลยทั้งสองให้มาติดต่อซื้อสินค้าของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์เชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยทั้งสองมอบหมายให้ ส. มาติดต่อซื้อจริงและส่งสินค้าไปให้จำเลยทั้งสองยังสถานที่ก่อสร้างตามโครงการ โดยมี ส. ร่วมลงชื่อเป็นผู้รับมอบสินค้าด้วย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยแต่งตั้งหรือมอบหมายให้ ส. มาซื้อสินค้าจากโจทก์ มีเพียง ก. ตัวแทนของจำเลยร่วมเป็นผู้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์เพื่อใช้ในงานทำถนนเท่านั้น แม้บางครั้งจะมีชื่อ ส. เป็นผู้สั่งซื้อ แต่ก็เนื่องมาจากการที่ ส. กับ ก. คุ้นเคยกันและ ก. เป็นผู้แนะนำว่า ส. เป็นผู้จัดการโครงการดังกล่าว โจทก์จึงไม่เคร่งครัดที่จะให้คนใดคนหนึ่งสั่งซื้อและลงชื่อในใบวางบิล/ส่งของ การที่ ส. ลงชื่อในใบวางบิล/ส่งของ หรือลงชื่อเป็นผู้รับสินค้าจึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทั้งสองมีนิติสัมพันธ์กับโจทก์แต่อย่างใด โจทก์ไม่มีอำนาจเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ค่าสินค้าแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วัสดุก่อสร้างผิดสัญญา: แผ่นยิปซัมไม่ใช่ 'วัสดุก่อเรียบทาสี' ตามสัญญา แม้มีมาตรฐานสากล
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายห้องชุดจากจำเลย โดยมีข้อสัญญาว่าผนังห้องชุดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กและวัสดุก่อเรียบทาสี ซึ่งคำว่า "วัสดุก่อเรียบทาสี" นี้น่าจะมีความหมายว่า นำวัสดุก่อสร้าง เช่น อิฐมอญหรืออิฐบล็อกมาเรียงก่อขึ้นเป็นผนังก่อนและฉาบด้วยปูนซีเมนต์ทับผิวให้เรียบแล้วทาสีดังนั้นเมื่อแผ่นยิปซัมเป็นวัสดุที่ผลิตขึ้นสำเร็จรูป มิใช่วัสดุก่อขึ้นอย่างก่ออิฐฉาบปูนแผ่นยิปซัมจึงไม่เป็นวัสดุก่อเรียบทาสีตามความหมายที่ระบุในสัญญา ซึ่งแม้ตามสัญญาจะให้สิทธิจำเลยที่จะนำวัสดุอื่นที่มีคุณภาพเท่าเทียมกับผนังที่ก่ออิฐฉาบปูนมาใช้แทนได้โดยจำเลยมีใบอนุญาตแสดงเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของประธานกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและหนังสือรับรองมาตรฐานคุณภาพ ไอเอสโอ 9002 ของบริษัท บ. มาแสดงก็ตาม แต่ก็เป็นการรับรองเพียงว่าผลิตภัณฑ์แผ่นยิปซัมที่จำเลยใช้ติดตั้งนั้นเป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นถูกต้องตามมาตรฐานการผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมประเภทแผ่นยิปซัมเท่านั้น มิได้เปรียบเทียบกับสินค้าประเภทอื่น ทั้งมิได้มีข้อความรับรองคุณภาพเมื่อใช้กั้นเป็นผนังแล้วจะมีความคงทนเท่าเทียมกับผนังที่ก่อด้วยอิฐฉาบปูนแต่อย่างใด จึงรับฟังได้เพียงว่าแผ่นยิปซัมที่จำเลยนำมาใช้มีคุณภาพอยู่ในระดับหนึ่งของสินค้าประเภทเดียวกันเท่านั้น แต่ไม่มีคุณภาพเท่าเทียมกันกับผนังที่ก่อด้วยอิฐฉาบปูน เมื่อจำเลยใช้วัสดุก่อสร้างผิดจากข้อตกลงในสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายวัสดุก่อสร้างโดยมิได้ปฏิบัติตามระเบียบการจัดซื้อของหน่วยราชการ ทำให้สัญญาไม่ผูกพัน
++ เรื่อง ซื้อขาย ++
++ โจทก์ฎีกา
++ โปรดดูย่อจากหนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม
++ เล่มที่ 1 หน้า 11 ++
++ ขอดูชุดพิเศษโปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
++ โจทก์ฎีกา
++ โปรดดูย่อจากหนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม
++ เล่มที่ 1 หน้า 11 ++
++ ขอดูชุดพิเศษโปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6340/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของกรรมการบริษัทต่อหนี้จากการซื้อขายวัสดุก่อสร้าง ทั้งในนามบริษัทและส่วนตัว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ซื้อสินค้าจากโจทก์ โดยจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 รับรองต่อโจทก์ว่ายินยอมรับผิดชอบทั้งหมดในการสั่งซื้อสินค้าของโจทก์ จำเลยที่ 2ให้การว่า ได้ลงนามสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์จริง แต่มีเงื่อนไขและวงเงินในการสั่งซื้อ จำเลยที่ 2 จะรับผิดเฉพาะรายการสินค้า ที่สั่งซื้อเท่านั้น อีกทั้งโจทก์ไม่เคยแจ้งยอดหนี้หรือบอกเลิกสัญญาต่อจำเลยที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คดีจึงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ซื้อสินค้าในนามของจำเลยที่ 1 และยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ในฐานะส่วนตัวด้วย คดีจึงไม่มีประเด็นว่าจำเลยที่ 2 ทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์ในนามจำเลยที่ 1 หรือในฐานะส่วนตัวอีก ศาลล่างวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 สั่งซื้อสินค้าในนามของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นเป็นการไม่ชอบ ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าจำเลยที่ 2 สั่งซื้อสินค้าในนามของจำเลยที่ 1 หรือในฐานะส่วนตัว จึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลล่าง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อจำเลยที่ 2 ทำสัญญาซื้อขายวัสดุและอุปกรณ์การก่อสร้างในฐานะกระทำแทนจำเลยที่ 1 และในฐานะส่วนตัว จำเลยที่ 1และที่ 2 ย่อมต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ และแม้ตามสัญญาซื้อขายวัสดุการก่อสร้างระบุจำนวนเงินไว้ 200,000 บาทแต่ในทางปฏิบัติระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 คู่สัญญาได้ซื้อขายวัสดุก่อสร้างเกินจำนวนเงินดังกล่าวตลอดมาแสดงว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ถือว่าจำนวนเงินดังกล่าวเป็นเงื่อนไขสาระสำคัญในการจำกัดความรับผิด จำเลยที่ 2จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ในเงินค่าสินค้าจำนวน376,479 บาท ตามที่รับสินค้าไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8418/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีซื้อขายวัสดุก่อสร้าง: การกระทำโดยไม่ได้รับมอบอำนาจทำให้โจทก์ไม่ใช่คู่สัญญา
ว. มิได้มีรายชื่อเป็นกรรมการของโจทก์ ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ขายวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างในหนังสือสัญญาซื้อขายวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้าง และประทับตราสำคัญของโจทก์ในช่องผู้ขายแทนโจทก์เพียงผู้เดียว โดยไม่ปรากฏว่า ว. มีสิทธิหรืออำนาจอันใดที่จะลงลายมือชื่อในสัญญาฉบับนั้นแทนโจทก์ได้ จึงเป็นการกระทำโดยไม่มีสิทธิและโดยปราศจากอำนาจ โจทก์จึงไม่ใช่คู่สัญญาของจำเลยแม้โจทก์จะนำสืบว่า โจทก์ได้ส่งมอบวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างงวดที่ 2 และงวดที่ 3 ให้แก่จำเลย และจำเลยได้รับสินค้าแล้วตามเอกสารหมาย จ.6 และ จ.7 โดย ป. ลงลายมือชื่อในช่องผู้ขายผู้ส่งมอบวัสดุแทนโจทก์ เมื่อปรากฏว่าป.เป็นพนักงานของบริษัทอื่น มิได้เป็นกรรมการหรือพนักงานของโจทก์ ป.จึงไม่มีสิทธิทั้งไม่ใช่ผู้มีอำนาจที่จะขายวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างแทนโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่คู่สัญญาของจำเลยในการซื้อขายวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างตามเอกสารหมาย จ.6 และ จ.7เช่นกัน โจทก์ไม่มีสิทธิกล่าวอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาต่อโจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จำเลยจะไม่ได้ให้การต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องไว้ แต่เรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน และปัญหานี้เกิดจากข้อเท็จจริงตามเอกสารที่โจทก์อ้างมา จึงเป็นข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3775/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีสินค้าพลาสติก: สินค้าประเภทวัสดุก่อสร้างหรือพลาสติกเป็นผืน และอัตราภาษีที่ถูกต้อง
ผลิตภัณฑ์สินค้าของโจทก์เป็นแผ่น พี.วี.ซี หรือแผ่นพลาสติกนิ่มมีความเหนียวแน่นทนทาน กว้าง 2 เมตร ยาว 20-30 เมตร หนา1-1.5 มิลลิเมตร โจทก์ผลิตขึ้นด้วยความประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้สินค้านำไปใช้ประโยชน์เป็นวัสดุสำหรับปูพื้นอาคารและปิดผนังอาคารโดยเฉพาะการที่มีผู้นำไปใช้ประกอบเป็นสินค้า เช่น รองเท้า กระเป๋าที่รองจานเป็นเพียงผลพลอยได้ที่นอกเหนือจากความประสงค์ของโจทก์สินค้าของโจทก์จึงจัดเป็นวัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือนเข้าลักษณะสิ่งปูลาดตามความหมายในหมวด 4(7) บัญชีที่ 1 ท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 ซึ่งมิได้รับการลดหย่อนภาษีการค้า ต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 9 ของรายรับตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 1. การขายของชนิด 1(ก) ในประมวลรัษฎากร ไม่อาจจัดเป็นสินค้าพลาสติกเป็นผืนประเภท ผ้า เครื่องหนัง เครื่องประดับหรือเครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์เครื่องแต่งกายในหมวด 2(2) ซึ่งต้องเสียภาษีการค้าเพียงอัตราร้อยละ 7 ของรายรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาเป็นตัวแทนเชิดและการรับผิดในหนี้สินจากการซื้อวัสดุก่อสร้าง
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ซื้อไม้และวัสดุก่อสร้างไปจากโจทก์เพื่อใช้ในการก่อสร้างบ้านจัดสรร จำเลยที่ 2 และที่ 3 เคยแจ้งต่อผู้จัดการของโจทก์ว่าเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ในสถานที่ก่อสร้างมีป้ายโฆษณาว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดสรรบ้านและที่ดินผู้จัดการของโจทก์เคยไปรับเงินค่าวัสดุก่อสร้างที่สำนักงานของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2เคยพาโจทก์ไปพบจำเลยที่ 1 และสมุหบัญชีของจำเลยที่ 1 ผัดหนี้กับโจทก์ จำเลยที่ 2 ที่ 3 เคยพาผู้รับเหมาตกแต่งบ้านจัดสรรแห่งนี้ไปรับเงินที่จำเลยที่ 1 มีการพิมพ์แผ่นใบปลิวโฆษณาระบุชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ร่วมจัดสรรที่ดิน พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวเป็นการแสดงออกต่อโจทก์และบุคคลภายนอกว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกิจการจัดสรรบ้านและที่ดินเอง โดยเชิดจำเลยที่ 2 และที่ 3 ออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในหนี้สินที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซื้อไม้และวัสดุก่อสร้างไปจากโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้จากการซื้อวัสดุก่อสร้าง แม้ใบสั่งซื้อจะลงชื่อโดยตัวแทน แต่กระทำในนามบริษัท ห้างหุ้นส่วนต้องรับผิด
ความประสงค์ของกฎหมายที่ให้ฝ่ายที่อ้างเอกสารส่งสำเนาให้อีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันนัดสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันนั้น ก็เพื่อให้ฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารมายันได้มีโอกาสตรวจสอบเอกสารก่อน จะได้ซักค้านพยานได้ถูกต้องไม่เสียเปรียบแก่กัน เมื่อจำเลยว่ายังมิได้รับสำเนาเอกสาร โจทก์ขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อนเพื่อจัดส่งสำเนาเอกสารให้จำเลย จำเลยก็พอใจไม่คัดค้าน นัดต่อไปจำเลยไม่ทักท้วงอะไรอีก แสดงว่าจำเลยได้รับสำเนาเอกสารประกอบการซักค้านพยานในนัดต่อไปนั้นแล้ว ไม่มีการเสียเปรียบแก่กัน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลย่อมรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ไปติดต่อกับโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ขอซื้อคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 รับเหมาจาก ท. โจทก์นำไปเสนอราคา เงื่อนไขการส่งของ และการชำระเงินเสนอต่อจำเลยที่ 1 ต่อมามีการตกลงซื้อและเสนอใบสั่งซื้อต่อโจทก์ โจทก์คอนกรีตให้จำเลยที่ 1 ณ. สถานที่ก่อสร้าง ใบสั่งซื้อลงชื่อโดยจำเลยที่ 4 แต่ใช้กระดาษแบบจดหมายชื่อของห้างจำเลยที่ 1 เท้าความถึงคำเสนอของโจทก์ต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างแทนจำเลยที่ 1 และเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ในการติดต่อกับ ท.ตามหนังสือแต่งตั้ง การรับเงินค่าก่อสร้าง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับก็มี จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับก็มี แสดงว่าจำเลยที่ 4 ทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ไปติดต่อกับโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ขอซื้อคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 รับเหมาจาก ท. โจทก์นำไปเสนอราคา เงื่อนไขการส่งของ และการชำระเงินเสนอต่อจำเลยที่ 1 ต่อมามีการตกลงซื้อและเสนอใบสั่งซื้อต่อโจทก์ โจทก์คอนกรีตให้จำเลยที่ 1 ณ. สถานที่ก่อสร้าง ใบสั่งซื้อลงชื่อโดยจำเลยที่ 4 แต่ใช้กระดาษแบบจดหมายชื่อของห้างจำเลยที่ 1 เท้าความถึงคำเสนอของโจทก์ต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างแทนจำเลยที่ 1 และเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ในการติดต่อกับ ท.ตามหนังสือแต่งตั้ง การรับเงินค่าก่อสร้าง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับก็มี จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับก็มี แสดงว่าจำเลยที่ 4 ทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้จากการซื้อวัสดุก่อสร้าง โดยตัวแทนของห้างหุ้นส่วนจำกัด และการรับฟังพยานเอกสาร
ความประสงค์ของกฎหมายที่ให้ฝ่ายที่อ้างเอกสารส่งสำเนาให้อีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันนัดสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันนั้น ก็เพื่อให้ฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารมายันได้มีโอกาสตรวจสอบเอกสารก่อน จะได้ซักค้านพยานได้ถูกต้องไม่เสียเปรียบแก่กัน เมื่อจำเลยว่ายังมิได้รับสำเนาเอกสารโจทก์ก็ขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อนเพื่อจัดส่งสำเนาเอกสารให้จำเลย จำเลยก็พอใจไม่คัดค้าน นัดต่อไปจำเลยไม่ทักท้วงอะไรอีก แสดงว่าจำเลยได้รับสำเนาเอกสารประกอบการซักค้านพยานในนัดต่อไปนั้นแล้ว ไม่มีการเสียเปรียบแก่กันเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลย่อมรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ไปติดต่อกับโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ขอซื้อคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 รับเหมาจาก ท. โจทก์ทำใบเสนอราคา เงื่อนไขการส่งของ และการชำระเงินเสนอต่อ จำเลยที่ 1 ต่อมามีการตกลงซื้อและเสนอใบสั่งซื้อต่อโจทก์ โจทก์ส่งคอนกรีตให้จำเลยที่ 1 ณ สถานที่ก่อสร้าง ใบสั่งซื้อลงชื่อโดยจำเลยที่ 4 แต่ใช้กระดาษแบบจดหมายชื่อของห้างจำเลยที่ 1 เท้าความถึงคำเสนอของโจทก์ต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างแทนจำเลยที่ 1 และเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ในการติดต่อกับ ท. ตามหนังสือแต่งตั้ง การรับเงินค่าก่อสร้าง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับก็มี จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับก็มี แสดงว่าจำเลยที่ 4 ทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ไปติดต่อกับโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ขอซื้อคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 รับเหมาจาก ท. โจทก์ทำใบเสนอราคา เงื่อนไขการส่งของ และการชำระเงินเสนอต่อ จำเลยที่ 1 ต่อมามีการตกลงซื้อและเสนอใบสั่งซื้อต่อโจทก์ โจทก์ส่งคอนกรีตให้จำเลยที่ 1 ณ สถานที่ก่อสร้าง ใบสั่งซื้อลงชื่อโดยจำเลยที่ 4 แต่ใช้กระดาษแบบจดหมายชื่อของห้างจำเลยที่ 1 เท้าความถึงคำเสนอของโจทก์ต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างแทนจำเลยที่ 1 และเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ในการติดต่อกับ ท. ตามหนังสือแต่งตั้ง การรับเงินค่าก่อสร้าง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับก็มี จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับก็มี แสดงว่าจำเลยที่ 4 ทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์