คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สงสัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6801/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานไม่เพียงพอในการพิสูจน์การจำหน่ายและครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย
การที่โจทก์มิได้นำสายลับที่อ้างว่าได้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 2 เม็ดจากจำเลยมาเป็นพยานยืนยันการกระทำผิดของจำเลยแต่กลับนำเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมจำเลยซึ่งไม่เห็นเหตุการณ์การขายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่สายลับมาเบิกความนั้น ไม่สามารถรับฟังได้ว่า สายลับจะได้ซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจากจำเลยหรือไม่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธตลอดมาทั้งในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณาและ เมทแอมเฟตามีนของกลางที่สายลับมอบให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจก็ไม่เป็นการแน่นอนว่าจะเป็นเมทแอมเฟตามีนที่สายลับล่อซื้อมาจากจำเลย ลำพังแต่ธนบัตรที่อ้างว่ามอบให้สายลับนำไปล่อซื้อและค้นได้จากตัวจำเลย แม้จะเป็นเช่นนั้นจริงก็ยังไม่เพียงพอที่จะฟังเป็นหลักฐานให้เชื่อได้โดยปราศจากสงสัยว่า เป็นเงินที่จำเลยได้มาจากการขายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่สายลับของเจ้าพนักงานตำรวจพยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มั่นคงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยในข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนได้ เจ้าพนักงานตำรวจที่ทำการตรวจค้นและจับกุมจำเลยต่างเบิกความแตกต่างกันบางคนว่าพบเมทแอมเฟตามีนอยู่ใต้เขียงบนพื้นบ้าน บางคนว่าพบซ่อนอยู่บริเวณไม้หน้าบ้าน บางคนว่าพบอยู่บริเวณกองไม้ภายในบ้าน ซึ่งไม่สอดคล้องกับบันทึกการตรวจค้นจับกุมจำเลย และภาพถ่ายที่เกิดเหตุที่ระบุว่า ตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนที่บริเวณใต้แผ่นกระดานซึ่งวางอยู่ข้างที่นอนภายในบ้าน พยานหลักฐานโจทก์จึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล่อซื้อยาเสพติด - พยานหลักฐานไม่เพียงพอ - ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
เจ้าพนักงานตำรวจให้สายลับไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย 1 เม็ด แต่ในการล่อซื้อนั้นสายลับไปล่อซื้อโดยลำพังเพียงคนเดียวไม่มีเจ้าพนักงานตำรวจติดตามไปเฝ้าดู แต่อย่างใด และจากการตรวจค้นที่บ้านจำเลยก็ไม่พบเมทแอมเฟตามีน แม้จะค้นพบธนบัตรของกลางจากกระเป๋ากางเกงของจำเลยที่แขวนไว้ ที่ฝาบ้านก็ตาม ก็ยังฟังไม่ถนัดนักว่าจำเลยรับธนบัตรมาเนื่องจาก การซื้อขายเมทแอมเฟตามีน อาจเป็นการรับจากสายลับโดยประการอื่น ก็เป็นได้ โดยเฉพาะคำบอกเล่าของสายลับต้องรับฟังด้วย ความระมัดระวัง ทั้งการที่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม และชั้นสอบสวนนั้น จำเลยก็นำสืบต่อสู้ว่า ถูกเจ้าพนักงาน ตำรวจบังคับให้รับสารภาพ และยังถูกหลอกว่ามีเพียงโทษปรับ สถานเดียว จำเลยจึงยอมรับสารภาพ เมื่อโจทก์ไม่มีประจักษ์ พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์โดยตรงมาเบิกความ มีแต่เพียงพยาน บอกเล่าเท่านั้นจึงยังไม่มีน้ำหนักมั่นคงที่จะทำให้เชื่อได้ โดยสนิทใจ คดีมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำ ความผิดตามฟ้องหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้น ให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการร่วมลักทรัพย์ - การพิสูจน์ความผิดฐานร่วมกระทำความผิดอาญา - ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
จำเลยที่ 1 ได้ติดต่อขอซื้อยูคาลิปตัส จากที่ดินของผู้เสียหายแล้ว เพียงแต่ยังมิได้มีการตกลงราคากันให้แน่นอน จำเลยที่ 2 ได้เข้ามาในที่เกิดเหตุและช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ในการตัดต้นยูคาลิปตัส โดยได้กระทำการโดยเปิดเผยมีการจ้างคนงานหลายคน ใช้เวลาในการตัดทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นเวลานานถึง 17 วัน ประกอบกับจำเลยที่ 1 มีอาชีพซื้อต้นยูคาลิปตัส เพื่อตัดส่งโรงงานข้อเท็จจริงจึงยังเป็นที่น่าสงสัยว่า จำเลยที่ 2 จะรู้หรือไม่ว่าการตกลงซื้อขายกันยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 2 ยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมลักทรัพย์ ต้นยูคาลิปตัส กับจำเลยที่ 1
เมื่อโจทก์สืบไม่ได้ว่าพวกจำเลยอีก 1 คน ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้ร่วมกระทำผิดด้วย จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการ พาทรัพย์นั้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย มาตรา 336 ทวิ แต่ไม่ผิดฐานร่วมกระทำความผิด ด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปตามมาตรา 335(7) โดยที่ปัญหานี้ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือพยานหลักฐาน, การพิสูจน์ความผิดอาญา, และหลักการสงสัยต้องเป็นประโยชน์แก่จำเลย
ตามปกติวิสัยของคนร้ายย่อมจะต้องปกปิดมิให้บุคคลอื่น รู้เห็นการกระทำความผิดของตน การที่ จ. รู้จักกับจำเลยมาก่อนเพราะเป็นญาติกัน หากจำเลยเป็นคนร้ายที่ยิงผู้ตาย จริงแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าขณะรถจักรยานยนต์ที่จำเลย นั่งซ้อนท้ายแล่นสวนทางกับรถจักรยานยนต์ที่ น.ขับจำเลยจะพยัก หน้าทักทายกับ จ. ทั้งไม่มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าจำเลยจะยิงผู้ตายในขณะที่รถจักรยานยนต์ที่ น. ขับและ จ.นั่งซ้อนท้ายเพิ่งจะแล่นสวนทางกับรถจักรยานยนต์ที่จำเลยนั่งซ้อนท้ายไปเพียงครึ่งนาที ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่ น. ขับและ จ.นั่งซ้อนท้ายแล่นไปได้เพียง 40 วาเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ความจากคำเบิกความของ พันตำรวจโท ย.พนักงานสอบสวนว่า หลังเกิดเหตุประมาณ1 ถึง 2 วัน จึงทราบว่าจำเลยเป็นคนร้าย โดยทราบจากการ สอบสวน ซึ่งหาก จ.รู้เห็นเหตุการณ์จริง จ.ย่อมจะแจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบในคืนเกิดเหตุทันทีเพราะผู้ตาย เป็นน้องของตน แต่ จ.หาได้กระทำไม่แม้ ร.ภริยาผู้ตายจะเบิกความว่า ในคืนเกิดเหตุ หลังจากพยานดูศพผู้ตายแล้ว จ. และ น. ไปบอกพยานที่บ้านว่าเห็นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายนั้นก็คงมี ร.เบิกความกล่าวอ้างลอย ๆจ. และ น.หาได้เบิกความถึงข้อนี้ไม่ ซึ่งหากเป็นความจริงแล้ว ร.คงจะไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนในคืนเกิดเหตุเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธตั้งแต่ชั้นจับกุมตลอดมา พยานหลักฐานโจทก์มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิด โดยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายหรือไม่ ต้องยกประโยชน์ แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6442/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดในคดีลักทรัพย์ พยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือ และการยกประโยชน์แห่งความสงสัย
ดวงไฟที่อยู่ที่บ้านใกล้เคียงห่างจากบ้านที่ผู้เสียหายพบคนร้ายครั้งแรกประมาณ 20 เมตร ไม่ปรากฏว่าดวงไฟดังกล่าวมีแสงสว่างขนาดกี่แรงเทียนมีความสว่างเพียงใด แสดงว่าบริเวณที่เกิดเหตุที่คนร้ายหอบของออกจากประตูหลังห้องนั้นไม่มีแสงสว่างเพียงพอ การที่คนร้ายกล้าเดินผ่านผู้เสียหายไปแสดงว่าบริเวณที่คนร้ายเดินสวนทางกับผู้เสียหายก็ไม่มีแสงสว่างอีกทั้งผู้เสียหายไม่เคยเห็นหน้าจำเลยมาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าผู้เสียหายจะจำหน้าคนร้ายได้ แม้ ว. อาสาสมัครของสถานีตำรวจจะพบจำเลยเดินมาในลักษณะแต่งกายตรงกับที่รับแจ้งและนำตัวจำเลยมาให้ผู้เสียหายชี้ตัว ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายก็ตาม แต่จุดที่พบจำเลยอยู่ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 700 เมตร และไม่พบของกลางที่จำเลย แม้จะได้ความว่าเจ้าพนักงานตำรวจค้นพบนาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายใน ห้องพักของจำเลย แต่ก็ไม่ปรากฏว่าระหว่างที่คนร้ายหลบหนีได้ขึ้นไปบนห้องพักของจำเลยแต่อย่างใด นอกจากนี้ อ.พยานโจทก์ได้ตอบทนายจำเลยถามค้านว่า พยานพบผู้เสียหายและจำเลยก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง สภาพจำเลยมีอาการมึนเมาพูดจาไม่รู้เรื่อง ซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความของ จำเลยที่ว่าไปดื่มสุราที่บ้าน บ. มา เมื่อพิเคราะห์ พยานหลักฐานโจทก์กับพยานหลักฐานจำเลยแล้ว คดีจึงมีเหตุ สงสัยตามสมควรว่าผู้เสียหายจะจำหน้าจำเลยได้จริงหรือไม่ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ชี้มูลความผิดฐานชิงทรัพย์ ศาลฎีกายกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
คำเบิกความของผู้เสียหายที่ว่าวันเกิดเหตุผู้เสียหายนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างออกจากที่ทำงานของน้องชายไปลงที่ปากซอยประชาอุทิศ 33 ขณะที่ผู้เสียหายกำลังลงจากรถจักรยานยนต์ได้พบกับจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 2 บอกให้ผู้เสียหายหยุด แล้วเข้าไปจับมือผู้เสียหาย ส่วนจำเลยที่ 1กอดผู้เสียหายทางด้านหลัง จากนั้นจำเลยที่ 2 ล้วงเอาหนังสือเดินทางและเงินสด 5,800 บาทของผู้เสียหายจากกระเป๋าเสื้อ กับดึงแว่นตาและถอดนาฬิกาไป ทั้งพูดว่าจะเอาตัวผู้เสียหายไปด้วย ผู้เสียหายกลัวจึงร้องขอความช่วยเหลือและดิ้นจนหลุด วิ่งหลบหนีเข้าไปในซอยโดยถอดรองเท้าแตะทิ้งไว้นั้น คงมีแต่ตัวผู้เสียหายเท่านั้นที่ยืนยันถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น น้องชายของผู้เสียหายและ ช. ซึ่งเป็นพยานแวดล้อมที่สำคัญ โจทก์มิได้นำตัวมาเบิกความสนับสนุนเพื่อให้สมตามคำอ้างของผู้เสียหายปรากฏว่าขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน ทั้งสถานที่เกิดเหตุอยู่ในแหล่งชุมชนมีประชาชนเดินผ่านไปมาตลอดและเป็นคิวรถจักรยานยนต์รับจ้าง หากจำเลยทั้งสองลงมือกระทำความผิดดังที่ผู้เสียหายเบิกความก็น่าจะมีคนเห็น และสามารถอ้างบุคคลที่รู้เห็นมาเป็นพยานได้ไม่ยาก ประกอบกับผู้เสียหายแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้เจ้าพนักงานทราบและขอให้ไปจับจำเลยทั้งสองภายหลังเกิดเหตุแล้วถึง 8 วัน ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุพิเศษใดจึงปล่อยให้เนิ่นช้าถึงขนาดนั้น ทั้งที่ผู้เสียหายรับว่ารู้จักจำเลยที่ 2 เป็นอย่างดีตั้งแต่อยู่ที่ประเทศอินเดีย น่าจะทราบที่อยู่ของจำเลยที่ 2 ได้และควรรีบดำเนินการเพื่อจับจำเลยทั้งสองทันที นอกจากนี้ทรัพย์สินที่ผู้เสียหายอ้างว่าถูกจำเลยทั้งสองชิงไปนั้นก็หาได้ยึดคืนมาไม่เว้นแต่รองเท้าแตะของกลาง ซึ่งตามรูปเรื่องข้อเท็จจริงอาจจะเป็นไปดังที่จำเลยทั้งสองนำสืบต่อสู้ว่าวันเกิดเหตุผู้เสียหายนัดจำเลยที่ 2 ไปรับเงินที่ยืม 5,000 บาทโดยจำเลยที่ 2 ชวนจำเลยที่ 1 ไปด้วย แต่ผู้เสียหายกลับขอผัดผ่อน จำเลยที่ 2 ไม่ตกลง และขอให้ผู้เสียหายไปเจรจากันที่บ้าน ผู้เสียหายไม่ยอมวิ่งหลบหนีไปโดยทิ้งรองเท้าแตะไว้ จำเลยทั้งสองจึงเก็บรองเท้าแตะเพื่อส่งคืนให้ผู้เสียหายในวันหลังก็ได้ เช่นนี้ เมื่อพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงยังไม่อาจเชื่อได้โดยสนิทใจว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิด กรณีมีเหตุควรสงสัยให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอและคำรับสารภาพเกิดจากถูกขู่เข็ญ ศาลยกฟ้องคดีอาญา ฐานสงสัยว่าจำเลยกระทำผิด
โจทก์มีประจักษ์พยานมาเบิกความเป็นพยาน4ปากแต่มีบิดาผู้ตายเพียงปากเดียวที่ยืนยันว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายส่วนพยานนอกนั้นจำคนร้ายไม่ได้แต่คำเบิกความของบิดาผู้ตายขัดกับคำให้การในชั้นสอบสวนที่ระบุว่าไม่เห็นเหตุการณ์ขณะคนร้ายยิงผู้ตายอีกทั้งคำให้การในชั้นสอบสวนของพยานอื่นก็เป็นคำบอกเล่าที่เป็นพิรุธยิ่งกว่าที่เบิกความในชั้นศาลประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสองในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นคำรับสารภาพที่ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจใช้ยันจำเลยทั้งสองไม่ได้พยานหลักฐานโจทก์มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำผิดหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 162/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอในการพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดในคดีพยายามฆ่า ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนบ้านที่เกิดเหตุไม่ได้เปิดไฟฟ้าไว้ต้องอาศัยแสงสว่างของไฟฟ้าจากบ้านที่อยู่ใกล้เคียงแต่ไม่ปรากฏว่าสามารถมองเห็นได้ในระยะใกล้ไกลเพียงใดสำหรับไฟฟ้าที่เปิดอยู่ที่ปั๊มน้ำมันก็อยู่ห่างออกไปถึง50เมตรไม่น่าจะมีความสว่างพอให้มองเห็นคนร้ายได้ชัดเมื่อคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้วได้รีบวิ่งหลบหนีไปในทันที ผู้เสียหายย่อมไม่มีโอกาสได้สังเกตและจดจำหน้าคนร้ายได้ที่ผู้เสียหายได้เบิกความว่าระหว่างที่จำเลยวิ่งหลบหนีไปได้หันหน้ามามองผู้เสียหายจำได้ว่าเป็นจำเลยนั้นไม่น่าเชื่อและไม่สมเหตุผลผู้เสียหายเป็นคนพิการขาลีบเวลาเดินต้องใช้ไม้ค้ำยันเมื่อได้ยินเสียงปืนดังไม่น่าจะลุกได้ทันท่วงทีและเดินไปที่หน้าต่างได้ทันและมองเห็นจำเลยในขณะที่วิ่งหลบหนีหลังเกิดเหตุผู้เสียหายไม่ได้ระบุตัวคนร้ายในทันทีทันใดพยานโจทก์นอกจากนี้ไม่ได้รู้เห็นจำเลยกระทำผิดเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมก็จับจำเลยตามคำบอกเล่าของผู้เสียหายไม่อาจฟังประกอบคำเบิกความของผู้เสียหายให้มีน้ำหนักขึ้นได้ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3047/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอในการพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดฐานพยายามฆ่าและมีวัตถุระเบิด ศาลฎีกายกประโยชน์แห่งความสงสัย
ก่อนเกิดเหตุจำเลยเคยทำท่าฮึดฮัดจะชักอาวุธปืนยิงผู้เสียหายซึ่งแสดงว่าผู้เสียหายกับจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน คำเบิกความของผู้เสียหายที่ยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายจึงมีเหตุทำให้ระแวงสงสัยส่วนที่โจทก์อ้างส่งคำให้การชั้นสอบสวนของ ย. ที่ระบุว่าในวันเกิดเหตุ ย. ได้ยินจำเลยพูดกับเพื่อนของจำเลยว่า อย่างผู้เสียหายไม่ต้องยิงให้เสียเวลาหรอกแค่ขว้างก็ช็อกตายแล้วนั้นคำให้การในชั้นสอบสวนดังกล่าวเป็นเพียงพยานบอกเล่า ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2307/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยานผู้เห็นเหตุการณ์และหลักการยกประโยชน์แห่งความสงสัยในคดีอาญา
อ. พยานโจทก์เบิกความว่า จำเลยยิงผู้ตาย แต่กลับปรากฏว่าหลังเกิดเหตุประมาณ 10 นาที เจ้าพนักงานตำรวจได้มาที่เกิดเหตุพยานไม่ได้บอกเจ้าพนักงานตำรวจ พยานอ้างว่าเพราะกลัวคนร้ายจะมาทำร้ายพยาน แต่กับ ท. พี่ของผู้ตายพยานก็ไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนร้าย พยานเป็นคนบอก ท. ทันทีที่เกิดเหตุว่าผู้ตายถูกยิงพยานไม่น่าจะเกิดความกลัวจนไม่กล้าบอกชื่อจำเลยต่อ ท. การที่พยานกลับไปภูมิลำเนาและญาติของผู้ตายไปตามให้มาเป็นพยานก็เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะญาติของผู้ตายรู้ได้อย่างไรว่าพยานจำคนร้ายได้ในเมื่อพยานไม่ได้บอกใครไว้เลยว่า พยานจำคนร้ายได้ นอกจากนี้คนงานที่อยู่ด้วยในที่เกิดเหตุคือ ส.เบิกความว่าส. กับพวกอีก 3 คน ไม่มีใครจำหน้าคนร้ายได้ พ.เบิกความว่าพ.อ.และลูกจ้างคนอื่นไม่มีใครจำหน้าคนร้ายได้ จึงทำให้น่าสงสัยว่าอ. จำคนร้ายได้แน่นอนหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย.
of 3