คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สถานการณ์คับขัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4185/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในสถานการณ์คับขัน: การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายจากการเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้าย
เหตุเกิดเวลากลางคืน บริเวณที่เกิดเหตุมีต้นไม้ขึ้นอยู่ข้างทางมืดครึ้ม บ้านจำเลยเคยถูกคนร้ายปล้นทรัพย์และลักทรัพย์หลายครั้งการที่ผู้เสียหายมาเดินอยู่ข้างบ้านจำเลยในยามวิกาลเวลาเกือบเที่ยงคืนโดยปราศจากผู้คนสัญจรไปมา เมื่อจำเลยร้องถามว่าใครก็ไม่ตอบย่อมทำให้จำเลยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย ครั้นจำเลยวิ่งออกมาจากบ้านเห็นเพียงตัวคนดำ ๆ เคลื่อนไหวไปมา ไม่อาจรู้ได้ว่าจะมีอาวุธหรือไม่ จึงยิงผู้เสียหายไปเพียง 1 นัด แต่เมื่อผู้เสียหายลุกขึ้นวิ่งหนีก็มิได้ยิงซ้ำนั้น เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายจึงใช้ปืนยิง จึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบด้วยมาตรา 62 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2508/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: ปืนและมีดในสถานการณ์คับขัน
ขณะที่จำเลยกับเพื่อนคนหนึ่งกำลังยืนคุยกันถูกต.กับพวก3-4คนวิ่งเข้ามาทำร้ายแล้วพากันวิ่งหนีไปจำเลยถือปืนวิ่งไล่ตามแต่เมื่อไล่ไม่ทันจำเลยก็วิ่งกลับมาที่เดิมนำเพื่อนขึ้นไปนั่งบนรถยนต์สองแถวเพื่อจะกลับบ้านแสดงว่าจำเลยไม่สมัครใจที่จะวิวาทกับต.และพวกต่อไปแล้วต.กับพวกแจ้งให้ผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุทราบผู้เสียหายพร้อมด้วยต.กับพวกรวม7-8คนมีมีดเป็นอาวุธพากันวิ่งไปหาจำเลยซึ่งยืนอยู่ท้ายรถยนต์สองแถวจำเลยร้องห้ามไม่ให้ผู้เสียหายกับพวกเข้ามาผู้เสียหายกับพวกไม่ฟังเสียงพวกผู้เสียหายกลับพูดว่าลุยเข้าไปเลยกระสุนปืนหมดแล้วจำเลยชักปืนออกมาถือจ้องไว้ผู้เสียหายกับพวกก็ยังวิ่งเข้ามาจำเลยจึงยิงปืนออกไป1นัดในขณะที่ผู้เสียหายอยู่ห่างจำเลย10เมตรและต.อยู่ห่าง5เมตรดังนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2171/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดในสถานการณ์คับขัน
คำให้การของพยานในชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่า จะรับฟังได้แต่เพียงเป็นพยานประกอบคำเบิกความของพยานในชั้นศาลเท่านั้นเมื่อโจทก์ไม่ได้ตัวพยานมาสืบคงส่งแต่คำให้การพยานชั้นสอบสวนเป็นพยานเท่านั้น จึงรับฟังไม่ได้
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนในที่เปลี่ยว พวกผู้เสียหาย3 คนอยู่ในวัยฉกรรจ์ร่วมกันจะแย่งทรัพย์สินของ อ. เมื่อจำเลยเข้ามาช่วยเหลือ พวกผู้เสียหายคนหนึ่งมีมีดวิ่งเข้ามาจะกลุ้มรุมทำร้ายจำเลย จำเลยยิงปืนขู่ 1 นัด ผู้เสียหายกับพวกก็ไม่ยอมหยุด หากจำเลยไม่ยิง ก็เชื่อได้ว่าจะถูกแทงถึงตายได้ ถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ ใกล้จะถึงการที่จำเลยยิงผู้เสียหายกับพวก 2 นัดเมื่อกระสุนปืนถูกผู้เสียหายล้มลง จำเลยก็มิได้กระทำอย่างใดอีกจนผู้เสียหายกับพวกวิ่งหนีไป ดังนี้ จำเลยได้กระทำพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเอง: การใช้กำลังเพื่อตอบโต้การประทุษร้ายด้วยอาวุธปืนในสถานการณ์คับขัน
ตรงที่เกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยวและมืด จำเลยถูกผู้ตายใช้ปืนยิง 1 นัด ในระยะกระชั้นชิดถูกที่ท้องจำเลย จำเลยจึงมีสิทธิที่จะกระทำการเพื่อป้องกันตนเองได้ การที่จำเลยใช้มีดทำครัวแทงสวนผู้ตายไปเพียงครั้งเดียวผู้ตายถึงแก่ความตาย ก็แสดงว่ากระทำเพื่อยับยั้งมิให้ผู้ตายยิงจำเลยซ้ำอีก เป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ จำเลยย่อมไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความจำเป็นในการกระทำความผิด: จำเลยถูกขู่บังคับช่วยเหลือคนร้ายภายใต้สถานการณ์คับขัน จึงไม่มีความผิด
จำเลยถูกคนร้ายที่มีสมัครพรรคพวกหลายคนแต่ละคนมีอาวุธปืนครบมือ ใช้ปืนจี้ขู่บังคับให้เอาเรือรับส่งข้ามฟากเพื่อช่วยคนร้ายให้พ้นจากการจับกุม ดังนี้ เป็นการที่จำเลยกระทำไปเพราะอยู่ในที่บังคับหรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงขัดขืนได้ จึงเป็นการกระทำความผิดด้วย ความจำเป็น จำเลยไม่ต้องรับโทษ
เมื่อปรากฏว่าจำเลยกระทำความผิดด้วยความจำเป็น ไม่ต้องรับโทษแม้จำเลยจะไม่ได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้เป็นคุณแก่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในสถานการณ์คับขัน: การกระทำเพื่อป้องกันตนเองที่เกินสมควรแก่เหตุ และอำนาจศาลฎีกาในการวินิจฉัยปัญหาความสงบเรียบร้อย
โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามฟ้อง เมื่อจำเลยอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำโดยสำคัญผิดว่าเป็นพวกคนร้ายมาปล้นเรือน แต่เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ดังนี้ แม้โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามศาลชั้นต้น ส่วนจำเลยไม่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพียงแต่แก้ฎีกาโจทก์ขอให้ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ก็ตาม เมื่อศาลฎีกาฟังว่าเป็นการป้องกันพอควรแก่เหตุย่อมเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ซึ่งศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเอง/ทรัพย์สินจากผู้บุกรุกและการใช้กำลังสมควรแก่เหตุในสถานการณ์คับขัน
ข้อเท็จจริงได้ความว่า แถวนั้นมีผู้ร้ายชุกชุมฝ่ายผู้ตายมีพวกมาด้วยกันถึง 3 คน บุกรุกเข้ามาลักทรัพย์ในไร่จำเลย จำเลยร้องทักว่า ใคร 2 ครั้ง ฝ่ายผู้ตายก็ใช้กระบองขว้าง 2 ครั้ง พยายามที่จะทำให้จำเลยกับพวกบาดเจ็บ เป็นการใช้กำลังเพื่อประทุษร้ายจำเลยให้เป็นความสะดวกในการที่ผู้ตายจะทการลักทรัพย์ ขณะเกิดเหตุเดือนมืดมองไม่เห็นกัน จำเลยรู้ไม่ได้ว่าผู้ตายกับพวกมีปืนมีมีดติดตัวมาด้วยหรือไม่ การที่จำเลยใช้ปืนยิงต่อสู้ไปนัดเดียวแล้ววิ่งกลับบ้าน แสดงว่าจำเลยมีความกลัวผู้ร้ายอยู่มาก เห็นได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงไปในขณะที่เห็นได้ว่าภยันตรายใกล้จะถึงตัวจำเลยกับพวกอยู่แล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นไปพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถราง ชนรถยนต์เก๋ง ผู้ขับมีหน้าที่ต้องเบารถหรือหยุดเมื่อเห็นรถเก๋งอยู่ในสถานการณ์คับขัน
รถยนต์เก๋งออกพ้นปากตรอกมาคารางรถรางอยู่ก่อนแล้ว และไม่สามารถจะแล่นต่อไปในถนนได้ เพราะกำลังมีรถยนต์แล่นผ่านไปมา ทั้งจะถอยหลังก็ไม่ได้ เพราะจะชนรถยนต์บรรทุกที่แล่นสวนเข้าตรอกไป เวลานั้นจำเลยกำลังขับรถรางมาและจำเลยเห็นรถยนต์เก๋งในระยะประมาณ 30 เมตร จำเลยก็ไม่หยุดหรือเบารถราง แต่จำเลยกลับโบกมือให้รถยนต์เก๋งถอยออกไป ต่อเมื่อเข้ามาในระยะใกล้แล้วจำเลยจึงได้พยายามหยุดรถ แต่หยุดไม่ทันท่วงที รถรางถึงชนรถยนต์เก๋งเสียหาย เช่นนี้ ถือว่าจำเลยกระทำโดยประมาทตามกฎหมายแล้ว
ฎีกาว่า ศาลฟังข้อเท็จจริงโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนสนับสนุน เป็นฎีกาในข้อกฎหมาย
แต่ถ้าฎีกาว่า ศาลฟังโดยมีพยานหลักฐานแต่ไม่ควรฟังดังนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2074/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: สถานการณ์คับขัน ผู้ตายมีอาวุธ การยิงเพื่อป้องกันชีวิต
ผู้ตายถือปืนวิ่งไล่ติดตามจำเลยมาในลักษณะอาการซึ่งจำเลยเข้าใจว่าเป็นคนร้าย จนได้ร้องบอกกล่าวว่าคนร้ายไล่ยิงตนเช่นนี้ ย่อมทำให้จำเลยคิดเห็นไปว่าผู้ตายมีเจตนาจะฆ่าจำเลยมาแต่แรกแล้ว เมื่อจำเลยหนีหลบไปแล้วกลับมาเจอผู้ตายเข้าอีกในสถานที่คับขัน ห่างกันเพียงประมาณ 7 วา ขณะนั้นผู้ตายมีปืนติดตัวอยู่ถึง 2 กระบอกถ้าจะวิ่งหนีก็อาจจะถูกผู้ตายยิงตายในเวลาฉุกละหุกกระทันหันเช่นนี้ จำเลยได้ตัดสินใจยิงไปก่อนที่ปืนของผู้ตายจะลั่นมาถูกจำเลยจะตำหนิว่าไม่ถูกต้อง ถ้าผู้ใดตกอยู่ในสถานการณ์คับขันอย่างจำเลยและคิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายจะยิงจำเลยทันทีทันใดโดยจำเลยไม่มีทางหลบหนีดังคดีนี้แล้ว การที่จำเลยตัดสินใจยิงผู้ตายเสียก่อนเป็นการกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของจำเลยพอสมควรแก่เหตุเพื่อให้พ้นภยันตรายซึ่งกำลังเผชิญหน้าจำเลยอยู่ในขณะนั้นจะมัวรอให้ผู้ตายยกปืนจ้องจะยิงจำเลยเสียก่อนแล้วจึงยิงโต้ตอบอาจไม่ทันได้ป้องกันชีวิตของตนได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2485

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิและการช่วยเหลือบิดาในสถานการณ์คับขัน ไม่เป็นความผิดอาญา
ผู้เสียหายถือมีดยาวประมาณ 2 ศอกบุกรุกเข้าไปในบ้านจำเลยที่ 1 ในเวลากลางคืนเพื่อทำร้ายเพราะจำเลยที่ 1 ไม่ให้ค่าจ้างผู้เสียหายเงื้อมีดจะฟันจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 กระโดดเข้ากอดผู้เสียหายโดยรวบมีดและตัวผู้เสียหายไว้ และร้องเรียกจำเลยที่ 2 บุตรชายให้ช่วย จำเลยที่ 2กระโดดเอากำปั้นทุบผู้เสียหาย 2 ทีผู้เสียหายไม่ละจากกอดและไม่ปล่อยมีดที่ถือ จำเลยที่ 1 จึงบอกให้จำเลยที่ 2 เอาไม้ตี จำเลยที่ 2 ตีผู้เสียหายถูกท้ายทอยมีผู้เข้าช่วยแย่งมีดจากผู้เสียหายได้จากนั้นจำเลยที่ 3 มาช่วยจับผู้เสียหายส่งผู้ใหญ่บ้านการที่จำเลยที่ 2 ทำร้ายผู้เสียหายเนื่องจากจำเลยที่ 1บิดาเรียกให้ช่วย ซึ่งเป็นธรรมดาของบุตรจะต้องช่วยบิดาในเวลาคับขันการกระทำเป็นการป้องกันบิดาพอสมควรแก่เหตุ ไม่เป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50 จำเลยที่ 3 มาช่วยจับเท่านั้นจำเลยที่ 1 ถูกรุกรานเป็นข้อแก้ตัวได้ที่บอกให้จำเลยที่ 2 ตีผู้เสียหาย จำเลยจึงมิได้กระทำความผิด
of 2