พบผลลัพธ์ทั้งหมด 40 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆะกรรมซื้อขายที่ดินจากการสมคบกันจดทะเบียนโอนโดยไม่สุจริต และอายุความการฟ้องเพิกถอน
จำเลยที่ 1 ตกลงขายที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสองโดยได้มีการส่งมอบที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสองเข้าซ่อมแซมครอบครองตลอดมา อันเป็นการชำระหนี้บางส่วน ข้อตกลงจะซื้อจะขายที่ดินและบ้านพิพาทจึงมีผลผูกพันบังคับต่อกันได้แล้ว
จำเลยทั้งสองสมคบกันจดทะเบียนโอนซื้อขายที่ดินพิพาทโดยไม่สุจริตและไม่มีการชำระเงินกันจริง จำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทที่แท้จริง การแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสองในทางทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินพิพาท จึงเป็นการแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กันเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคหนึ่ง และผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะยกความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมขึ้นกล่าวอ้างตาม ป.พ.พ. มาตรา 172 ก็ได้ โจทก์ทั้งสองชอบที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนเมื่อใดก็ได้ ฟ้องโจทก์ทั้งสองมิใช่การฟ้องขอเพิกถอนการฉ้อฉลตาม ป.พ.พ. มาตรา 237 ไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องฟ้องภายใน 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 240
จำเลยทั้งสองสมคบกันจดทะเบียนโอนซื้อขายที่ดินพิพาทโดยไม่สุจริตและไม่มีการชำระเงินกันจริง จำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทที่แท้จริง การแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสองในทางทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินพิพาท จึงเป็นการแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กันเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคหนึ่ง และผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะยกความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมขึ้นกล่าวอ้างตาม ป.พ.พ. มาตรา 172 ก็ได้ โจทก์ทั้งสองชอบที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนเมื่อใดก็ได้ ฟ้องโจทก์ทั้งสองมิใช่การฟ้องขอเพิกถอนการฉ้อฉลตาม ป.พ.พ. มาตรา 237 ไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องฟ้องภายใน 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 240
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินเพื่อชำระหนี้ การสมคบกันโอนโดยไม่สุจริต และสิทธิของผู้รับเหมา
จำเลยที่ 1 ตกลงโอนที่ดินชำระหนี้ค่ารับเหมาก่อสร้างอาคารแก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 สมคบกันโอนที่ดินไปเสียก่อนโดยจำเลยที่ 2 รับโอนโดยไม่สุจริตและไม่เสียค่าตอบแทน แม้โจทก์ยังไม่ได้จดทะเบียนรับโอนที่ดินเพียงได้เข้าครอบครองก็ถือได้ว่าโจทก์เป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนโจทก์จึงมีสิทธิเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5912/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันทำสัญญาซื้อขายย้อนหลังเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ และผลกระทบต่อการเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิ
ประเด็นสำคัญในคดีแพ่งที่โจทก์ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสองซึ่งจะเป็นประเด็นที่ทำให้แพ้หรือชนะคดีนั้นมีอยู่ว่าจำเลยที่1และจำเลยที่2ได้สมคบกันทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทลงวันที่ย้อนหลังไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่1ขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่2ก่อนขายให้โจทก์จริงหรือไม่ถ้าเป็นการทำสัญญาย้อนหลังไปจริงจำเลยทั้งสองก็จะแพ้คดีแพ่งซึ่งเป็นประเด็นเดียวกันกับคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองว่าสมคบกันทำนิติกรรมโดยไม่สุจริตอันเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้เพราะในคดีอาญาดังกล่าวถ้าจำเลยทั้งสองสมคบกันทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทฉบับดังกล่าวโดยเป็นการทำสัญญาย้อนหลังไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่1ขายที่ดินพิพาทให้จำเลยที่2ก่อนขายให้โจทก์การกระทำของจำเลยทั้งสองก็อาจจะเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ได้จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาโกงเจ้าหนี้ศาลวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดสาระสำคัญไม่ครบองค์ประกอบแห่งความผิดเพราะไม่ได้บรรยายในฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำไปโดยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้และตามคำบรรยายฟ้องการกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้โดยมิได้ชี้ขาดว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทลงวันที่ย้อนหลังไปเพื่อแสดงให้จำเลยที่1ขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่2ก่อนขายให้โจทก์หรือไม่ในการพิพากษาคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวศาลย่อมมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงในปัญหาที่ว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทลงวันที่ย้อนหลังหรือไม่ตามที่คู่ความนำสืบได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการร้องสอดเพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้จากการสมคบกันแสดงเจตนาลวงของลูกหนี้และโจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1)โดยอ้างว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองสมคบกันแสดงเจตนาลวงทำสัญญากู้ยืมเงินตามฟ้องเพื่อมิให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1บังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 กรณีเช่นนี้มีความจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิซึ่งผู้ร้องมีอยู่ เพื่อให้ได้ชำระหนี้ ไม่ให้จำเลยทั้งสองโอนทรัพย์ไปเสียอันจะทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย คำร้องของผู้ร้องมีเหตุผลต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 57(1) โดยไม่ต้องไปดำเนินการตามขั้นตอนอื่น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของบุคคลที่สามในการร้องสอดเพื่อคุ้มครองสิทธิจากการสมคบกันแสดงเจตนาลวงเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ ผู้ร้องร้องสอดว่าจำเลยที่ 1 ทุจริตเบียดบังเงินของผู้ร้อง และผู้ร้องได้ฟ้องเรียกคืนไว้แล้ว โจทก์กับจำเลยทั้งสองสมคบกันแกล้งเป็นหนี้ตามฟ้องเพื่อมิให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ขอให้พิพากษาว่าสัญญากู้เป็นโมฆะ กรณีเป็นเรื่องผู้ร้องมีความจำเป็นเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองหรือบังคับให้ได้รับชำระหนี้ไม่ให้จำเลยโอนทรัพย์ไปเสียอันจะทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายผู้ร้องจึงร้องสอดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าร่วมกัน: การดื่มสุรา, สมคบกัน, และการร่วมกันลงมือกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมดื่มสุรากันที่ร้านค้าแล้วพากันนั่งรถจักรยานยนต์ไปยังที่เกิดเหตุ พบผู้ตายกำลังนั่งจดบัญชีรายการไม้อยู่ จำเลยที่ 1 หยุดรถ พวกของจำเลยลงจากรถใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วทุกคนพากันนั่งรถจักรยานยนต์กลับไปที่ฐานปฏิบัติการอาสาสมัครรักษาดินแดนที่จำเลยที่ 1เป็นสมาชิกอยู่ หลังจากนั้นพากันไปดื่มสุรากันอีก และได้นอนค้างคืนที่บ้านพักของจำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่ติดกับฐานปฏิบัติการดังกล่าว เช้าวันรุ่งขึ้นจำเลยที่ 2 กับพวกได้แยกย้ายกันกลับไปพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นของทางราชการที่มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้ใช้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ แม้จำเลยที่ 1จะไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองก็ตามเมื่อจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และพวกครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้นำไปใช้ฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 ย่อมมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไว้ในครอบครอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานซ่องโจร: การสมคบกันเพื่อปล้นทรัพย์ตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
จำเลยกับพวกรวมห้าคนปรึกษากันว่าจะไปปล้นรถจักรยานยนต์เป็นการสมคบกันเพื่อกระทำความผิด และการกระทำความผิดที่สมคบกันเพื่อจะไปกระทำนั้นเป็นการปล้นทรัพย์ อันเป็นความผิดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 แห่ง ป.อ. ซึ่งมีโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไปการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานช่องโจรตาม ป.อ. มาตรา 210วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันทำนิติกรรมซื้อขายเพื่อหลีกเลี่ยงการโอนทรัพย์สินตามสัญญาประนีประนอม ศาลเพิกถอนการโอนได้
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนหย่ากัน และต่อมาได้ ทำสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งสินสมรสกัน โดยจำเลยที่ 1 ยอมโอนที่ดินและตึกแถวพิพาทให้แก่บุตร หลังจากนั้น 7 วัน จำเลยที่ 1 นำที่ดินและตึกแถวพิพาทไปขายฝาก ต่อมาจึงไถ่ถอน การขายฝากแล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยที่ 2 ในวันเดียวกัน ทั้งที่ ยังมิได้รับชำระค่าที่ดินครบถ้วนโดยจำเลยที่ 2 รู้ดีว่าจำเลยที่ 1 มิได้เป็นผู้ครอบครองทรัพย์ที่ซื้อขาย แต่โจทก์ เป็นผู้ครอบครองและมี ปัญหาพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จึงเป็นการสมคบกันทำ นิติกรรมซื้อขายเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงมิให้ จำเลยที่ 1 ต้องโอนทรัพย์สิน รายนี้ให้แก่บุตรตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั่นเอง หาใช่เป็น การซื้อขายโดยสุจริตไม่ ศาลเพิกถอนการ โอนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3791/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดรวมกันได้ หากแยกขายอาจได้ราคาต่ำกว่า และไม่มีหลักฐานสมคบกันกดราคา
ทรัพย์ที่ขายทอดตลาดเป็นสถานีบริการน้ำมัน มีบ้านบังกาโลว์4 หลัง ถ้าแยกขายผู้ซื้อก็จะต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างไปอาจทำให้ขายได้ราคาต่ำกว่าขายรวมกัน เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีอำนาจขายทรัพย์สินดังกล่าวรวมกันได้ ไม่เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องขัดทรัพย์: สิทธิในรถเช่าซื้อยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ แม้มีการกล่าวอ้างถึงการสมคบกันเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี
ผู้ร้องร้องขอให้ศาลสั่งปล่อยรถยนต์จากการยึด โดยอ้างว่าจำเลยเช่าซื้อรถคันนี้ไปจากผู้ร้องแล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ รถจึงตกเป็นของผู้ร้อง โจทก์ให้การคัดค้าน โดยอ้างด้วยว่าเจ้าหน้าที่ของผู้ร้องสมคบกับจำเลยให้มีการค้างค่าเช่าซื้อขึ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากการบังคับคดี เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต โจทก์จะมาอ้างเช่นนี้ในคดีร้องขัดทรัพย์หาได้ไม่ แม้จะให้โจทก์สืบในประเด็นข้อนี้ ก็ไม่เป็นเหตุให้รถคันนี้ตกเป็นของจำเลยอันจะทำให้โจทก์ยึดได้ศาลย่อมสั่งงดสืบพยานในประเด็นข้อนี้