พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1573/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าในคดีสมคบกันฆ่า: การบรรยายฟ้องและการพิสูจน์เจตนา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจสมคบกันฆ่า ก็ย่อมหมายความว่า จำเลยกับพวกมีเจตนาจะฆ่าให้ตายอยู่ในตัว ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องระบุในฟ้องว่า จำเลยมีเจตนาจะฆ่าให้ตายไม่
ฟ้องของโจทก์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาได้ ในเมื่อปรากฏตามทางพิจารณาว่าจำเลยใช้พร่าฟันผู้ตายถึงแก่ตามความโดยเจตนา
ฟ้องของโจทก์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาได้ ในเมื่อปรากฏตามทางพิจารณาว่าจำเลยใช้พร่าฟันผู้ตายถึงแก่ตามความโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันฆ่า, ป้องกันตัว, และการทำร้ายร่างกาย: ความรับผิดทางอาญา
จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายถูกกลางหลังทะลุออกหัวนมขวาตายภายหลังเล็กน้อย ถือว่าจำเลยเจตนาฆ่า
การที่จำเลยที่ 1-2 ถือมีดคนละเล่มเข้าไปในบ้านผู้ตายและจำเลยที่ 1 แทงนาง น.ภรรยานาย ข. ๆ ฉวยหอก เข้าทำร้ายจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เข้าทำร้ายนาย ข.บุตรของนาย ข.ฟันจำเลยที่ 1-2 แล้วนาย ข.และบุตรถูกจำเลยที่ 1-2 ทำร้ายถึงตาย ถือว่านาย ข.ทำเพื่อป้องกันชีวิตนาง น.และบุตรนาย ข.ป้องกันชีวิตนาย ข.ไม่ถือว่าเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทต่อสู้ทำร้ายกัน
และการที่จำเลยที่ 3 ถือขวานอยู่ที่ประตูรั้วบ้านผู้ตายก่อน แต่ไม่ปรากฎว่าเข้ามาในบ้านผู้ตายพร้อมจำเลยที่ 1-2 เมื่อจำเลยที่ 3 ฟันนาย ข.1 ทีแล้วไม่ได้ทำอะไรอีก ไม่ถือว่าจำเลยที่ 3 สมคบกับจำเลยที่ 1-2 ฆ่าผู้ตาย มีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกาย
การที่จำเลยที่ 1-2 ถือมีดคนละเล่มเข้าไปในบ้านผู้ตายและจำเลยที่ 1 แทงนาง น.ภรรยานาย ข. ๆ ฉวยหอก เข้าทำร้ายจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เข้าทำร้ายนาย ข.บุตรของนาย ข.ฟันจำเลยที่ 1-2 แล้วนาย ข.และบุตรถูกจำเลยที่ 1-2 ทำร้ายถึงตาย ถือว่านาย ข.ทำเพื่อป้องกันชีวิตนาง น.และบุตรนาย ข.ป้องกันชีวิตนาย ข.ไม่ถือว่าเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทต่อสู้ทำร้ายกัน
และการที่จำเลยที่ 3 ถือขวานอยู่ที่ประตูรั้วบ้านผู้ตายก่อน แต่ไม่ปรากฎว่าเข้ามาในบ้านผู้ตายพร้อมจำเลยที่ 1-2 เมื่อจำเลยที่ 3 ฟันนาย ข.1 ทีแล้วไม่ได้ทำอะไรอีก ไม่ถือว่าจำเลยที่ 3 สมคบกับจำเลยที่ 1-2 ฆ่าผู้ตาย มีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันฆ่า: พฤติการณ์ร่วมกันไปในที่เกิดเหตุ, หนีไปด้วยกัน, และมีสาเหตุขัดแย้งเป็นหลักฐานสนับสนุน
สองคนไปเรียกให้เขาเปิดประตู แล้วคนหนึ่งยิงเขาตายแล้วหนีไปด้วยกันฟังได้ว่าทั้งสองคนสมคบกันเป็นตัวการยิงเขาตายด้วยกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานสมคบกันฆ่า และการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ศาลฎีกาพิจารณาถึงความผิดของจำเลยทั้งสอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุกคนละ 15 ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 2 ยังไม่ผิด จึงให้ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 1คงพิพากษายืน ดังนี้
แม้โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 อย่างเดียว ส่วนจำเลยที่ 1ไม่ติดใจฎีกาแล้วก็ตามเมื่อศาลฎีกาพิจารณาเห็นว่า เป็นเรื่องป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุอันเป็นเหตุลักษณะคดีแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษาลดโทษจำเลยที่ 1 ฐานป้องกันเกินสมควรแก่เหตุด้วยได้
แม้โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 อย่างเดียว ส่วนจำเลยที่ 1ไม่ติดใจฎีกาแล้วก็ตามเมื่อศาลฎีกาพิจารณาเห็นว่า เป็นเรื่องป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุอันเป็นเหตุลักษณะคดีแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษาลดโทษจำเลยที่ 1 ฐานป้องกันเกินสมควรแก่เหตุด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันฆ่า: การร่วมเดินทาง, ท้าทาย, และการอยู่ในที่เกิดเหตุแสดงเจตนา
จำเลยกับผู้มีชื่ออีก 3 คนเดินทางไปบ้านผู้ตายด้วยกัน คนหนึ่งร้องท้าทายผู้ตาย ๆ ลงเรือนมาแล้วเกิดทำร้ายกันขึ้นกับผู้ที่ไปด้วยกันนั้นจำเลยก็ใช้มีดแทงผู้ตาย 1 ที แล้วจำเลยกับผู้มีชื่อก็หนีไปด้วยกันทั้งพวกปรากฎว่าผู้ตายตายในที่เกิดเหตุนั่นเอง ดังนี้ถือว่าจำเลยกับพวกสมคบกันฆ่าผู้ตายตายโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันฆ่าโดยเจตนา: การกระทำร่วมกันทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
จำเลยกับผู้มีชื่ออีก 3 คนเดินทางไปบ้านผู้ตายด้วยกันคนหนึ่งร้องท้าทายผู้ตาย ผู้ตายลงเรือนมาแล้วเกิดทำร้ายกันขึ้นกับผู้ที่ไปด้วยกันนั้นจำเลยก็ใช้มีดแทงผู้ตาย 1 ที แล้วจำเลยกับผู้มีชื่อก็หนีไปด้วยกันทั้งพวกปรากฏว่าผู้ตายตายในที่เกิดเหตุนั่นเอง ดังนี้ ถือว่าจำเลยกับพวกสมคบกันฆ่าผู้ตายตายโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557-1558/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมโทษอาญา – ความผิดฐานสมคบกันฆ่าและทำร้ายร่างกาย – การฎีกาความเห็นไม่ตรงกัน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริง และพิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 กระทงหนึ่งและตามมาตรา 254 อีกกระทงหนึ่ง แต่ให้รวมกระทงลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปีดังนี้ แม้โทษฐานทำร้ายร่างกายตามกฎหมายลักษณะอาญา ตามมาตรา 254ให้จำคุกไม่เกิน 2 ปีก็ดี แต่ศาลล่างทั้ง 2 ให้รวมกระทงลงโทษร่วมกับความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ไม่ได้กำหนดโทษฐานทำร้ายร่างกายไว้ชัดแจ้ง อันจะพึงอนุมานได้ว่าต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 หรือ 220 ฉะนั้นเมื่อจำเลยฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงรวมกันมาทั้ง2 ฐาน ก็ชอบจะฎีกาได้ ไม่ต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดสมคบกันฆ่า VS. ฆ่าโดยเจตนาและทำร้ายร่างกาย: การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาและลดโทษ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลย 3 คนสมคบกันฆ่าคนโดยเจตนาทางพิจารณาปรากฏว่า จำเลยที่ 2-3 ใช้ไม้ตีผู้ตายคนละทีก่อน แล้วจำเลยที่ 1 จึงเอาปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ตามลักษณะคดี จำเลยทั้ง 3 หาได้สมคบกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนาไม่ จำเลยที่ 1 ผู้เดียวมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา จำเลยที่ 2-3 มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาฐานสมคบกันฆ่า: การระบุตัวผู้สมคบ
กรณีที่ถือว่าฟ้องระบุเพียงพอว่า จำเลยสมคบกันฆ่าเขาตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาฐานสมคบกันฆ่า: การระบุตัวผู้สมคบ
ฟ้องโจทก์มีใจความว่าจำเลยที่ 1 เป็นทหารประจำการกับพวกได้บังอาจสมคบกันมีขวดเหล้า ไม้กระบองและกริชเป็นสาตราวุธสมคบกันขว้างตีและแทงทำร้ายร่างกายผู้ตายถึงบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่จำเลยสมคบกันทำร้าย เป็นฟ้องที่อ่านได้ความว่าจำเลยทั้งสามสมคบกันกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายแล้ว ไม่มีทางให้เข้าใจว่าสมคบกับใครอื่นนอกจากจำเลยในฟ้อง จึงนับว่าเป็นฟ้องที่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว