พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6930/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลยกคำคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลถือเป็นที่สุด ไม่อุทธรณ์ได้
คำร้องของผู้ร้องเป็นคำร้องคัดค้านว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลเขาทรายเป็นไปโดยมิชอบอันเป็นการยื่นคำร้องคัดค้านตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา 57 ซึ่งมาตรา 58 บัญญัติว่า เมื่อศาลได้รับคำร้องคัดค้าน ให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งโดยเร็ว โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งหรือผู้ได้รับเลือกตั้งที่มีส่วนได้เสียมีโอกาสต่อสู้การคัดค้านนั้น เมื่อศาลสั่งอย่างใดให้แจ้งคำสั่งไปยังเทศบาลโดยมิชักช้า คำสั่งศาลนั้นให้เป็นที่สุด ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุด และผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อไป ตามบทบัญญัติ ป.วิ.พ. มาตรา 223 ที่กำหนดในเรื่องการอุทธรณ์ไว้ว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ เว้นแต่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นจะได้บัญญัติว่าให้เป็นที่สุด ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ร้องจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5360/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล: เทศบาลไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนคำวินิจฉัยคุณสมบัติผู้สมัคร
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 ได้กำหนดช่องทางให้บุคคลเสนอคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลต่อศาลได้เพียง 2 กรณี กรณีแรกผู้มีสิทธิเลือกตั้งเห็นว่าผู้ไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งผู้ใดไปสมัครรับเลือกตั้งและมีการประกาศชื่อให้รับผู้นั้นเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง กรณีที่สองผู้เลือกตั้งไม่น้อยกว่าสิบคนหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดในเขตเลือกตั้งนั้นเห็นว่า การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นเป็นไปโดยไม่ชอบ แต่โจทก์ซึ่งเป็นเทศบาลตำบลเสนอคำฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้พิจารณาและวินิจฉัยคุณสมบัติของสมาชิกสภาเทศบาล จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะเสนอคำฟ้องได้ ทั้งไม่มีบทบัญญัติใดแห่งกฎหมายให้อำนาจโจทก์ที่จะเสนอคำฟ้องเช่นนี้ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 885/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาลาออกสมาชิกสภาเทศบาลต้องมีขณะยื่นใบลาออก การลงชื่อล่วงหน้าโดยไม่มีเจตนาถือเป็นโมฆะ
การลาออกจากสมาชิกภาพแห่งสภาเทศบาลตาม พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 19 (3) ต้องเป็นกรณีที่สมาชิกสภาเทศบาลนั้นมีเจตนาจะลาออกในขณะที่ยื่นใบลาออกต่อผู้ว่าราชการจังหวัด การที่โจทก์ทั้งสามได้ลงลายมือชื่อในใบลาออกไว้ล่วงหน้าโดยโจทก์ทั้งสามไม่มีเจตนาจะลาออกในขณะลงลายมือชื่อและในขณะยื่นใบลาออกต่อจำเลย จึงไม่มีผลเป็นการลาออกจากสมาชิกภาพแห่งสภาเทศบาลตามบทบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7695/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล: คำสั่งให้มีการเลือกตั้ง
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 57 และ 58
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4137/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลชั้นต้นในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเป็นที่สุด ไม่อุทธรณ์ได้
พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา 58วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ศาลเมื่อได้รับคำร้องคัดค้านแล้วให้ดำเนินการพิจารณาตาม ป.วิ.พ.โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งหรือผู้ได้รับเลือกตั้งที่มีส่วนได้เสียมีโอกาสต่อสู้การคัดค้านนั้น เมื่อศาลสั่งอย่างใด ให้แจ้งคำสั่งไปยังเทศบาลโดยมิชักช้า คำสั่งศาลนั้นให้เป็นที่สุด ซึ่งหมายความว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอย่างไรเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลแล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นที่สุด คู่ความไม่สามารถอุทธรณ์ฎีกาได้สาระสำคัญในการไต่สวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 อยู่ที่คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482มาตรา 58 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวให้เป็นที่สุด คู่ความทุกฝ่ายจึงไม่สามารถอุทธรณ์ฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4137/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเป็นที่สุด ห้ามอุทธรณ์ฎีกา แม้มีข้อโต้แย้งเรื่องกระบวนการ
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482มาตรา 58 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ศาลชั้นต้นเมื่อได้รับคำร้องคัดค้านแล้วให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งหรือผู้ได้รับเลือกตั้งที่มีส่วนได้เสียมีโอกาสต่อสู้การคัดค้านนั้น เมื่อศาลสั่งอย่างใดให้แจ้งคำสั่งไปยังเทศบาลโดยมิชักช้า คำสั่งศาลนั้นให้เป็นที่สุด ซึ่งหมายความว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอย่างไรเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลแล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นที่สุด คู่ความไม่สามารถอุทธรณ์ฎีกาได้ สาระสำคัญในการไต่สวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตาม พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 อยู่ที่คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 58 วรรคหนึ่งบัญญัติให้คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวให้เป็นที่สุดคู่ความทุกฝ่ายจึงไม่สามารถอุทธรณ์ฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5398/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเป็นที่สุด เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้อง
พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 ตามนัยมาตรา 58 วรรคแรก เมื่อศาลได้รับคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลแล้ว ให้ดำเนินการพิจารณาตาม ป.วิ.พ. โดยเร็ว โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งที่มีส่วนได้เสียมีโอกาสต่อสู้การคัดค้านนั้น เมื่อศาลสั่งอย่างใดให้แจ้งคำสั่งไปยังเทศบาลโดยมิชักช้า คำสั่งศาลนั้นให้เป็นที่สุด ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุด และผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อไป ตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 223 ที่กำหนดในเรื่องการอุทธรณ์ไว้ว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ เว้นแต่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นจะได้บัญญัติว่าให้เป็นที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8167/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมาชิกสภาเทศบาลมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายล้มละลาย สิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่อถึงแก่กรรม
คดีนี้ผู้ร้องขอให้ศาลสั่งว่าผู้คัดค้านเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งและสมาชิกภาพแห่งเทศบาลเมืองราชบุรีสิ้นสุดลง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ตามคำร้องเมื่อกรณีตามคำร้องเป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้คัดค้านและผู้คัดค้านได้ถึงแก่กรรมก็ไม่อาจมีการเข้าเป็นคู่ความแทนได้จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยฎีกาของผู้คัดค้านต่อไปศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3818/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลโดยยังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัด มีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง
จำเลยเป็นสมาชิกสภาจังหวัดอยู่ในขณะที่ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาเทศบาล โดยไม่ยอมลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาจังหวัด เป็นการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 21(7) และมาตรา 65 แม้จำเลยได้ปรึกษา ผู้ตรวจการส่วนท้องถิ่นก่อนแล้วว่าจำเลยสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาเทศบาลได้ เพราะสภาพการเป็นสมาชิกสภาจังหวัด ของจำเลยจะสิ้นสุดก่อนวันเลือกตั้ง ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิด ทางอาญาโดยแก้ตัวว่าไม่รู้กฎหมายได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 64 และจะอ้างว่าได้รับยกเว้นโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 ประกอบด้วยมาตรา 59 ก็ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านผลเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลต้องยื่นภายใน 15 วันตามกฎหมายเฉพาะ แม้เข้าเป็นคู่ความร่วมก็ไม่ช่วย
พระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482มาตรา 57 ผู้สมัครที่จะคัดค้านการประกาศผลของการเลือกตั้งจะต้องดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายใน 15 วัน นับตั้งแต่เทศบาลประกาศผลของการเลือกตั้ง ฉะนั้น เมื่อผู้ร้องสอดทั้งสามยื่นคำร้องสอดคัดค้านการประกาศผลการเลือกตั้งเมื่อพ้นกำหนด15 วัน นับแต่วันที่เทศบาลประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ผู้ร้องสอดทั้งสามจึงไม่มีสิทธิที่จะคัดค้านการประกาศผลดังกล่าว