พบผลลัพธ์ทั้งหมด 32 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4602/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความอัตรากำไรมาตรฐานยาตามบัญชีอัตรากำไรมาตรฐานสินค้านำเข้า: ยาสำหรับสัตว์จัดอยู่ในอัตรา 11.5% ไม่ใช่ 21%
ยาทุกชนิดตามข้อ 3 (1) ของบัญชีอัตรากำไรมาตรฐานสินค้านำเข้า หมายถึงยาที่ใช้กับมนุษย์เท่านั้น สำหรับยาป้องกันกำจัดศัตรูและโรคพืชสัตว์ตามข้อ 3 (4) หมายถึงยาป้องกันกำจัดศัตรูและโรคพืชอย่างหนึ่งกับยาห้องกันกำจัดศัตรูและโรคสัตว์อีกอย่างหนึ่ง
สินค้าของโจทก์เป็นยารักษาโรคสัตว์ทั่วไป จึงเป็นยากำจัดโรคสัตว์ตามข้อ 3 (4) อัตรากำไรมาตรฐานกำหนดไว้ร้อยละ 11.5
สินค้าของโจทก์เป็นยารักษาโรคสัตว์ทั่วไป จึงเป็นยากำจัดโรคสัตว์ตามข้อ 3 (4) อัตรากำไรมาตรฐานกำหนดไว้ร้อยละ 11.5
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค
พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นๆ ในภาวะคับขันพ.ศ.2488 มาตรา 4 ได้บัญญัติให้คณะกรรมการมีอำนาจวางระเบียบหรือห้ามการส่งออกไปนอกหรือนำเข้ามาในท้องที่ใดท้องที่หนึ่งซึ่งสิ่งของควบคุมประกาศคณะกรรมการซึ่งได้วางระเบียบกำหนดการเคลื่อนย้ายโค กระบือหรือสุกรซึ่งมีชีวิตจากท้องที่อื่นๆ เข้าไปในเขตหรือการเคลื่อนย้ายออกนอกเขตแต่ละอำเภอจึงไม่นอกเหนือวัตถุประสงค์หรือขัดต่อเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองสัตว์และการแจ้งความผิดฐานลักทรัพย์/ยักยอกทรัพย์ ศาลฎีกาชี้ว่าการยิงสัตว์แล้วชำแหละเนื้อเป็นลักทรัพย์
ผู้เสียหายจับกระบือไม่ได้เพราะติดอยู่ในฝูงอื่นซึ่งอยู่บนเขาและเป็นทำเลเลี้ยงมิใช่เพริดไปจนพ้นการติดตาม ดังนี้ตามกฎหมายต้องถือว่าผู้เสียหายยังครอบครองกระบือตัวนั้นอยู่ เพราะผู้เสียหายยังไม่ได้สละการครอบครองกระบือตัวนั้น การที่จำเลยยิงกระบือของผู้เสียหายตายและชำแหละเอาเนื้อกระบือไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายเป็นการเอาไปโดยทุจริต เป็นการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ส่วนการที่จำเลยชำแหละเนื้อกระบือเอาไป ก็เป็นการครอบครอง เพราะยึดถือเพื่อตน แต่เป็นผลภายหลังการที่จำเลยลักกระบือนั้นแล้ว ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง เมื่อศาลเห็นว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลจะลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง เมื่อศาลเห็นว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลจะลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองสัตว์ การลักทรัพย์ และความแตกต่างระหว่างฐานความผิดยักยอกทรัพย์
ผู้เสียหายจับกระบือไม่ได้.เพราะติดอยู่ในฝูงอื่นซึ่งอยู่บนเขาและเป็นทำเลเลี้ยงมิใช่เพริดไปจนพ้นการติดตาม. ดังนี้ ตามกฎหมายต้องถือว่าผู้เสียหายยังครอบครองกระบือตัวนั้นอยู่. เพราะผู้เสียหายยังไม่ได้สละการครอบครองกระบือตัวนั้น. การที่จำเลยยิงกระบือของผู้เสียหายตายและชำแหละเอาเนื้อกระบือไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหาย.เป็นการเอาไปโดยทุจริต. เป็นการกระทำผิดฐานลักทรัพย์.ส่วนการที่จำเลยชำแหละเนื้อกระบือเอาไป. ก็เป็นการครอบครอง เพราะยึดถือเพื่อตน. แต่เป็นผลภายหลังการที่จำเลยลักกระบือนั้นแล้ว. ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง.
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง. เมื่อศาลเห็นว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์. ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ. ศาลจะลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม.
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง. เมื่อศาลเห็นว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์. ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ. ศาลจะลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำฟ้องคดีฆ่าสัตว์: การระบุประเภทสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ป่าในคำฟ้อง
คำฟ้องที่บรรยายว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันฆ่ากระบือโดยมิได้รับอนุญาตและมิได้เสียอากรฆ่าสัตว์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2502 มาตรา 6, 18 นั้น ย่อมเป็นการแสดงว่ามุ่งหมายถึงสัตว์ซึ่งมิใช่สัตว์ป่าอยู่ในตัว ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าเป็นสัตว์บ้านหรือสัตว์เลี้ยงแต่อย่างใด จึงถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำฟ้องคดีฆ่าสัตว์ การระบุประเภทสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ป่าในคำฟ้อง
คำฟ้องที่บรรยายว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันฆ่ากระบือโดยมิได้รับอนุญาตและมิได้เสียอากรฆ่าสัตว์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2502 มาตรา 6,18 นั้น. ย่อมเป็นการแสดงว่ามุ่งหมายถึงสัตว์ซึ่งมิใช่สัตว์ป่าอยู่ในตัว.ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าเป็นสัตว์บ้านหรือสัตว์เลี้ยงแต่อย่างใด. จึงถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์จากผู้ประกอบกสิกรรม ต้องพิสูจน์ว่าทรัพย์ที่ถูกลักเป็นผลิตภัณฑ์หรือสัตว์ที่ใช้ในการกสิกรรม
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยลักห่านซึ่งเป็นของผู้มีอาชีพกสิกรรมไป ไม่ได้กล่าวว่าห่านนั้นเป็นผลิตภัณฑ์หรือสัตว์อันมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรมหรือได้มาจากการกสิกรรมจึงยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335 (12)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาของผู้เลี้ยงสัตว์ ปล่อยปละละเลยให้สัตว์ทำลายทรัพย์สินผู้อื่น
โคเป็นของจำเลยและพ่อตารวมกัน จำเลยเป็นผู้เลี้ยงดูรักษาแต่ผู้เดียว โดยเวลาเช้าจำเลยก็เปิดคอกปล่อยโคให้ออกหากินโดยลำพัง ไม่มีคนคอยควบคุมเลี้ยงดูรักษา ตกเวลาเย็นจำเลยจึงไปไล่กลับมาเข้าคอก ดังนี้ต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้ควบคุมสัตว์ตามความหมายแพ่ง ประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 395แล้ว การที่จำเลยไม่ควบคุมปล่อยปละละเลยให้โคเข้าไปกัดกินพืชพันธุ์ในไร่ของผู้เสียหายปลูกไว้ จึงมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้เลี้ยงสัตว์ปล่อยปละละเลย ทำให้สัตว์เข้าทำลายทรัพย์สินผู้อื่น
โคเป็นของจำเลยและพ่อตารวมกัน จำเลยเป็นผู้เลี้ยงดูรักษาแต่ผู้เดียว โดยเวลาเช้าจำเลยก็เปิดคอกปล่อยโคให้ออกหากินโดยลำพัง ไม่มีคนคอยควบคุมเลี้ยงดูรักษา ตกเวลาเย็นจำเลยจึงไปไล่กลับมาเข้าคอก ดังนี้ต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้ควบคุมสัตว์ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 395 แล้ว การที่จำเลยไม่ควบคุมปล่อยปละละเลยให้โคเข้าไปกัดกินพืชพันธุ์ในไร่ของผู้เสียหายปลูกไว้จึงมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกตั๋วพิมพ์รูปพรรณสัตว์ปลอมและการหลอกลวงนายอำเภอ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้สมคบกันทำบัญชีสัตว์ที่ยังไม่ทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณขึ้นทั้งฉบับ แล้วนำไปใช้หรือแสดงต่อนายอำเภอ นายอำเภอหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงจึงได้ออกตั๋วพิมพ์รูปพรรณสัตว์ให้หนึ่งฉบับ ทำให้นายอำเภอและนายทองเสียหาย ดังนี้ น่าจะเข้าใจได้แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 26/2503)