คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สารบริสุทธิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4538/2549 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายองค์ประกอบความผิดในฟ้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติด: ปริมาณสารบริสุทธิ์ต้องระบุในฟ้อง
ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) โจทก์ต้องบรรยายว่าการกระทำทั้งหลายอันเป็นองค์ประกอบความผิดที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ทั้งตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 66 วรรคสอง (เดิม) บัญญัติว่า "ถ้ายาเสพติดให้โทษนั้นมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินหนึ่งร้อยกรัม" ซึ่งแสดงว่าปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ของยาเสพติดให้โทษเป็นการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด กรณีที่โจทก์ไม่บรรยายจึงถือว่า ไม่ปรากฏปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ จึงต้องห้ามพิพากษาให้ลงโทษฐานมียาเสพติดให้โทษที่คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ที่โจทก์นำสืบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง เพราะเกินคำขอและมิได้กล่าวในฟ้อง ทั้งยังเป็นการรับฟังอันเป็นผลร้ายแก่จำเลยซึ่งไม่ชอบ จึงต้องลงโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) อันเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4538/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายองค์ประกอบความผิดฐานมียาเสพติดฯ ในฟ้อง – ปริมาณสารบริสุทธิ์เป็นองค์ประกอบสำคัญ
จำเลยกระทำความผิดก่อนกฎหมายแก้ไขใหม่ แม้โจทก์นำสืบว่า เมทแอมเฟตามีน 14,000 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 232.106 กรัม แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายในคำฟ้องว่า คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด ซึ่งตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) โจทก์ต้องบรรยายการกระทำทั้งหลายอันเป็นองค์ประกอบความผิดที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ทั้งตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสอง (เดิม) บัญญัติว่า "ถ้ายาเสพติดให้โทษนั้นมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินหนึ่งร้อยกรัม?" แสดงว่าปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ของยาเสพติดให้โทษเป็นการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยได้กระทำความผิด ที่โจทก์ไม่บรรยายจึงถือว่า ไม่ปรากฏปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ จึงต้องห้ามพิพากษาให้ลงโทษฐานมียาเสพติดให้โทษที่คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ที่โจทก์นำสืบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง เพราะเกินคำขอและมิได้กล่าวในฟ้อง ทั้งยังเป็นการรับฟังอันเป็นผลร้ายแก่จำเลยซึ่งไม่ชอบ จึงต้องลงโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) อันเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2924/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยในคดียาเสพติดประเภท 2 (โคคาอีน) ต้องพิจารณาปริมาณสารบริสุทธิ์เพื่อใช้บทลงโทษที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้ใดจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 17 ต้องถูกลงโทษตามมาตรา 69 วรรคสอง ยกเว้นยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 เฉพาะมอร์ฟีน ฝิ่น หรือโคคาอีน ต้องถูกลงโทษตามมาตรา 69 วรรคสาม เมื่อโจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีโคคาอีนจำนวน 3 ซอง น้ำหนัก 2.36 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้ไม่ปรากฏว่ามีการคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใดก็ตาม แต่ต้องถือว่าโคคาอีนของกลางมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกินหนึ่งร้อยกรัม จึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 69 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6651/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดียาเสพติดและการลงโทษตามปริมาณสารบริสุทธิ์ ศาลต้องยึดตามที่ฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 2,000 เม็ด น้ำหนัก 177.9 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำนวน 1,000 เม็ด น้ำหนัก 88.95 กรัม โดยการขายให้แก่สายลับ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 เป็นการบรรยายฟ้องตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม) แม้โจทก์จะนำสืบว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 45.327 กรัม ซึ่งถ้ายาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 15 วรรคสอง (เดิม) ต้องระวางโทษตามมาตรา 66 วรรคสาม (ที่แก้ไขใหม่) อันมีระวางโทษหนักกว่ามาตรา 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ก็ตาม แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เท่าใด จึงไม่อาจลงโทษตามมาตรา 66 วรรคสาม (ที่แก้ไขใหม่) ซึ่งมีระวางโทษหนักกว่ามาตรา 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) และเกินไปกว่าที่โจทก์บรรยายในคำฟ้องได้ เพราะต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง
ความผิดหลายกระทง การลดโทษต้องลดเป็นรายกระทงก่อนแล้วจึงรวมโทษไม่ใช่รวมโทษทุกกระทงก่อนแล้วจึงลด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้จำหน่าย ต้องมีหลักฐานประกอบคำรับสารภาพและคำนวณสารบริสุทธิ์
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของศาล แต่โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำพยานหลักฐานเข้าสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยให้ศาลรับฟังได้ว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง จึงจะลงโทษจำเลยได้ ลำพังแต่คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนไม่อาจจะยกขึ้นมาลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ อีกทั้งเมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักเพียง 13.50 กรัม และไม่ปรากฏว่าคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้จำนวนเท่าใด จึงไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม) ที่จะถือว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7075/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายยาเสพติดปริมาณมากเกิน 100 กรัม (สารบริสุทธิ์) ศาลฎีกาแก้ไขบทมาตราผิด
คำฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 51,400 เม็ด น้ำหนัก 4,657.390 กรัม คำนวณเป็น น้ำหนักสารบริสุทธิ์ 946.187 กรัมและเฮโรอีนจำนวน 333 หลอด น้ำหนัก 403.820 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 314.333 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งเห็นได้ว่าเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของกลางที่จำเลยมีไว้ เพื่อจำหน่ายต่างก็มีปริมาณที่คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินหนึ่งร้อยกรัม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือ ประหารชีวิต การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง จึงเป็นการอ้างบทมาตราผิด ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1811/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดียาเสพติดต้องพิจารณาปริมาณสารบริสุทธิ์ หากต่ำกว่าเกณฑ์กฎหมาย โจทก์ต้องพิสูจน์เจตนา
บทบัญญัติมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯหมายความว่า บุคคลที่มียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเมื่อคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไป ให้ถือว่าบุคคลนั้นมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาดตามกฎหมายโดยโจทก์ไม่ต้องนำสืบว่าบุคคลนั้นมีเจตนามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ถ้ามีไว้ในครอบครองคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ไม่ถึงยี่สิบกรัม โจทก์ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายถ้าโจทก์นำสืบไม่ได้จะฟังว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่ คงฟังได้เพียงว่ามีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
คำฟ้องระบุว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักรวมเพียง5.76 กรัม เห็นได้ชัดแจ้งว่าคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ไม่ถึงยี่สิบกรัมและโจทก์ก็มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพราะมีเมทแอมเฟตามีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไป จึงหาต้องคำนวณและระบุจำนวนสารบริสุทธิ์มาในคำฟ้องและรายงานผลการตรวจพิสูจน์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำหน่ายฝิ่นต้องสอดคล้องกับคำฟ้อง หากคำฟ้องไม่ระบุปริมาณสารบริสุทธิ์ ศาลต้องลงโทษตามวรรคสองของมาตรา 69
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 69 วรรคสาม มีระวางโทษหนักกว่า มาตรา 69 วรรคสอง หากวัตถุแห่งการกระทำความผิดเป็นฝิ่นซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ไม่เกิน 100 กรัม การที่โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยมีฝิ่นอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 จำนวน 4 ห่อ น้ำหนัก 2.80 กรัม ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มิได้บรรยายว่าจำเลยมีฝิ่นดังกล่าวคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด ศาลจึงไม่อาจลงโทษตามมาตรา 69 วรรคสามได้ เพราะจะเป็นการลงโทษเกินไปกว่าที่โจทก์บรรยายในคำฟ้องต้องห้ามตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: น้ำหนักสารบริสุทธิ์เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาความผิด
เมทแอมเฟตามีนของกลางที่ตรวจค้นพบจากตัวจำเลย แม้จะมีจำนวนถึง600 เม็ด แต่เมื่อคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนักเพียง 11.3 กรัม ไม่อาจถือได้ว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบ เมื่อโจทก์นำสืบเพียงว่าร้อยตำรวจตรีอ. รับแจ้งจากสายลับว่าคนร้ายจะนำเมทแอมเฟตามีนไปส่งให้ลูกค้า แต่ไม่ปรากฏชัดว่าสายลับเป็นใคร อีกทั้งโจทก์ก็ไม่ได้นำสายลับมาเบิกความและไม่มีพยานหลักฐานอื่นแสดงให้เห็นว่าจำเลยจะนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปจำหน่าย จึงฟังลงโทษจำเลยได้เพียงฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7579/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย แม้คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 20 กรัม ก็มีโทษได้ และการรับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษ
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง เป็นเพียงบทบัญญัติสันนิษฐานเด็ดขาดว่า หากมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ 20 กรัม ขึ้นไป ให้ถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเท่านั้น มิได้หมายความว่า หากยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้น้อยกว่านั้นแล้ว จะลงโทษจำเลยฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ได้ เมื่อจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์น้อยกว่า 20 กรัม ก็ตาม ย่อมลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวได้
แม้ข้อนำสืบของจำเลยจะไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษก็ตาม แต่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนและศาลล่างทั้งสองก็ยกเอาคำให้การดังกล่าวของจำเลยขึ้นมาฟังประกอบการวินิจฉัยด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าคำให้การของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นการให้ความรู้แก่ศาล อันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว สมควรลดโทษให้แก่จำเลย ถึงแม้จำเลยจะมิได้ฎีกาปัญหาข้อนี้ขึ้นมา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและลดโทษให้แก่จำเลยได้
of 3