พบผลลัพธ์ทั้งหมด 30 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 487/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัสจากการเข้าใจผิด ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่มีเจตนาฆ่า
จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายโดยสำคัญผิดว่า ผู้เสียหายเป็นค. ซึ่งมีเหตุวิวาทกันมาก่อน จำเลยจึงถือเอาความสำคัญผิดขึ้นมาเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดหาได้ไม่ ต้องถือว่าจำเลยมีเจตนากระทำต่อ ค. เช่นใดก็ต้องรับผิดในผลของการกระทำที่เกิดขึ้นแก่ผู้เสียหายเช่นนั้น จำเลยมึนเมาสุราและโมโหจากเหตุการณ์ที่ถูก ค. ทำร้ายจึงหาไม้ดักทำร้าย ค. แต่พบมีดโต้เสียก่อน จึงหยิบฉวยเอาตามอารมณ์โกรธในขณะนั้นโดยมิได้ตระเตรียมไว้ล่วงหน้า เมื่อพบผู้เสียหาย และ ค. ก็เงื้อมีดขึ้นฟันผู้เสียหายลงไปตรง ๆ มิได้เจาะจงตำแหน่งที่จะฟัน เป็นการฟันเพียงครั้งเดียว พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่า จำเลยมีเจตนาทำร้ายเท่านั้น หามีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนไม่ ที่ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บง่ามมือซ้ายฉีกเกือบขาด อาจเป็นเพราะร่างกายส่วนนั้นไม่มีส่วนแข็งหรือกระดูกป้องกันคมมีดได้ จำเลยต้องรับผิดเพียงฐานทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6345/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินความรุนแรงของการบาดเจ็บเพื่อพิจารณาความผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัส
ผู้เสียหายถูกแทงมีบาดแผลที่ชายโครงซ้ายยาว 3 เซนติเมตรเพียงแห่งเดียว แพทย์ลงความเห็นว่าถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนรักษาไม่เกิน21 วันหายแม้ผู้เสียหายจะเบิกความว่าหลังเกิดเหตุไม่สามารถทำนาได้ตลอดระยะเวลา 6 เดือน แต่ก็ปรากฏว่าผู้เสียหายเพียงเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลรวมสองครั้งรวมแล้วไม่เกิน 20 วัน ผู้เสียหายออกจากโรงพยาบาลครั้งสุดท้ายทางโรงพยาบาลมิได้จ่ายยาให้ไปรักษาต่อที่บ้าน ไม่ปรากฏว่ามีอาการอย่างใดแทรกซ้อน จนผู้เสียหายต้องย้อนกลับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอีก ทั้งบาดแผลดังกล่าว แพทย์ผู้ตรวจรักษาก็เบิกความว่าลึกไม่ถึงปอด ย่อมไม่น่าเชื่อว่าจะก่อเกิดอันตรายแก่สุขภาพและอนามัยเป็นอุปสรรคให้ผู้เสียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้ตามที่ผู้เสียหายเบิกความ จึงไม่พอที่จะรับฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3129/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกายสาหัส ไม่ถึงเจตนาฆ่า ศาลลดโทษจากพยายามฆ่าเป็นทำร้ายร่างกาย
จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบปลายแหลมยาวประมาณ 1 แขนฟันศีรษะโจทก์ร่วม 2 ที โจทก์ร่วมยกแขนซ้ายขึ้นรับ คมมีดไม่ถูกศีรษะแต่ถูกหลังมือซ้ายระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับโคนนิ้วกลางทำให้เอ็น ขาด และถูกแขนซ้ายท่อนบนมีบาดแผลกว้างครึ่งเซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร เมื่อโจทก์ร่วมวิ่งหนีแล้วสะดุดล้มลง จำเลยทั้งสองวิ่งตามมา โจทก์ร่วมถูกฟันที่ศีรษะอีก 1 ที มีบาดแผลกว้างครึ่งเซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตรเมื่อ ส. จะเข้าช่วยก็ถูกจำเลยที่ 2 ผลักล้มคว่ำลง แล้วใช้ขวานหน้ากว้างประมาณ 3 นิ้ว ด้ามยาวประมาณ 1 ฟุต ฟันที่กกหูด้านซ้ายมีบาดแผลที่เหนือใบหู 1 แผล กว้าง 3 เซนติเมตร ยาว 8เซนติเมตร และที่หลังใบหูมีบาดแผลกว้าง 1 เซนติเมตร ยาว 3เซนติเมตร แม้มีดดาบของจำเลยที่ 1 กับขวานของจำเลยที่ 2 อาจใช้ทำร้ายบุคคลให้ถึงแก่ความตายได้ แต่ไม่ปรากฏว่าบาดแผลทุกแผลของโจทก์ร่วมกับ ส. ลึกเท่าใด กะโหลกศีรษะของบุคคลทั้งสองแตกหรือไม่เนื้อสมองได้รับอันตรายหรือไม่ โจทก์ร่วมรับการรักษาที่โรงพยาบาล 20 กว่าวันแล้วกลับไปรักษาตัวที่บ้านไม่ปรากฏว่ารักษานานเท่าใดส่วน ส. รับการรักษาที่โรงพยาบาล 4 วันแล้วกลับบ้านแต่ต้องมาทำแผลอีก 1 เดือนเศษ พิจารณาถึงบาดแผลของโจทก์ร่วมกับ ส. ทุกแผลแล้วเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสองมิได้ฟันโจทก์ร่วมกับ ส. อย่างแรงนอกจากนี้เมื่อโจทก์ร่วมวิ่งหนีแล้วสะดุดล้มลงและถูกจำเลยคนหนึ่งฟันที่ศีรษะอีก 1 ที แล้วก็ไม่ฟันซ้ำอีกทั้งที่มีโอกาสจะฟันซ้ำได้พฤติการณ์เหล่านี้ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วมกับ ส. คงมีเจตนาทำร้ายบุคคลทั้งสองเท่านั้น เมื่อโจทก์ร่วมกับ ส. ต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายสาหัส: เจตนาฆ่าไม่ปรากฏ แม้ฟันหลายครั้ง แต่บาดแผลไม่รุนแรงถึงชีวิต
ผู้เสียหายและจำเลยต่างมีสามีคนเดียวกันอยู่คนละบ้านวันเกิดเหตุผู้เสียหายไปหาสามีที่บ้านจำเลยแล้วเกิดโต้เถียงกันในเรื่องหึงหวงสามีจำเลยจึงเอามีดทำครัวมาฟันผู้เสียหายในบ้านทันทีทันใดโดยมิได้คาดคิดมาก่อนผู้เสียหายถูกจำเลยฟันมีบาดแผลที่หนังศีรษะและข้อศอกข้างขวาแล้วผู้เสียหายล้มลงหมดสติจำเลยมีโอกาสเลือกฟันผู้เสียหายได้อีกแต่กลับไม่ฟันตรงอวัยวะสำคัญโดยฟันที่ขาข้างซ้ายด้านข้างของผู้เสียหายบาดแผลทั้งหมดเสียเลือดไม่มาก ไม่ทำให้ถึงแก่ความตายคงมีเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอกที่ทำให้ข้อศอกอาจใช้การไม่ได้เท่านั้นและปรากฏว่าใช้เวลารักษา1 เดือน 10 วันหาย เพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะแสดงให้เห็นเจตนาฆ่าจำเลยควรมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063-1065/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายสาหัสร่วมกัน ชุลมุนต่อสู้ เจตนาทำร้าย ไม่ใช่ฆ่า
ป. กับพวกวิวาทกับ อ. กับพวก พวกของ ป. คนหนึ่งกระชากคอเสื้อ อ. แล้วอีกคนหนึ่งใช้ไม้ตี อ. พวกของ อ. จึงใช้ไม้และตะหลิวเหล็กเข้าช่วยเหลือมิให้ ป. กับพวกทำร้าย อ. ต่อไป จึงเกิดชุลมุนต่อสู้กัน ป. ฉวยได้มีดหั่นเนื้อสุกรที่วางอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุแล้ว ใช้มีดนั้นฟัน อ. ในระหว่างชุลมุนกันนั้นเป็นบาดแผลสาหัส 4 แผลกะโหลกศีรษะแตกทำให้สมองเสีย แผลที่ไหล่ขวาลึกถึงกระดูก และกระดูกปลายนิ้วก้อยขาด เช่นนี้ ป. กับพวกไม่มีเจตนาฆ่า แต่มีเจตนาเพียงทำร้าย อ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063-1065/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายสาหัสจากการทะเลาะวิวาท เจตนาเพียงทำร้าย ไม่ใช่ฆ่า
ป.กับพวกวิวาทกับ อ. กับพวก พวกของ ป. คนหนึ่งกระชากคอเสื้อ อ. แล้วอีกคนหนึ่งใช้ไม้ตี อ. พวกของ อ. จึงใช้ไม้และตะหลิวเหล็กเข้าช่วยเหลือมิให้ ป. กับพวกทำร้าย อ. ต่อไป จึงเกิดชุลมุนต่อสู้กัน ป. ฉวยได้มีดหั่นเนื้อสุกรที่วางอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุแล้วใช้มีดนั้นฟัน อ. ในระหว่างชุลมุนกันนั้น เป็นบาดแผลสาหัส 4 แผลกะโหลกศีรษะแตกทำให้สมองเสีย แผลที่ไหล่ขวาลึกถึงกระดูก และกระดูกปลายนิ้วก้อยขาดเช่นนี้ ป. กับพวกไม่มีเจตนาฆ่า แต่มีเจตนาเพียงทำร้าย อ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกายสาหัส: การพิจารณาจากลักษณะบาดแผลและพฤติการณ์
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเกิดโทสะใช้มีดโต้ ใบมีดกว้างราว 3 นิ้วมือผู้ใหญ่ติดกันยาวราว 1 ฟุต ฟันผู้เสียหายซึ่งเป็นพ่อตา 2 ที ถูกที่ใบหน้า 1 แห่งแผลเย็บแล้วยาว 14 เซนติเมตร ยาวจากโหนกแก้มอีกข้างหนึ่งพาดผ่านจมูกเต็มใบหน้าเห็นได้ชัด อันเป็นเหตุให้หน้าเสียโฉม อีกแผลหนึ่งที่กลางหลังยาว 9 เซนติเมตรสาเหตุเนื่องจากผู้เสียหายดุด่าลูกจำเลย ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า เพราะถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่า จำเลยต้องฟันมากครั้งกว่านี้และเลือกฟันที่อวัยวะสำคัญมากกว่านี้ได้ ทั้งลักษณะบาดแผลก็ไม่ปรากฏว่าอาจทำให้ถึงอันตรายแก่ชีวิต จำเลยจึงมีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายสาหัสเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกายสาหัส vs. เจตนาฆ่า: พิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเกิดโทสะใช้มีดโต้ ใบมีดกว้างราว 3 นิ้วมือผู้ใหญ่ติดกันยาวราว 1 ฟุต. ฟันผู้เสียหายซึ่งเป็นพ่อตา 2 ที ถูกที่ใบหน้า 1 แห่งแผลเย็บแล้วยาว 14 เซนติเมตร ยาวจากโหนกแก้มอีกข้างหนึ่งพาดผ่านจมูกเต็มใบหน้าเห็นได้ชัด อันเป็นเหตุให้หน้าเสียโฉม. อีกแผลหนึ่งที่กลางหลังยาว 9 เซนติเมตร.สาเหตุเนื่องจากผู้เสียหายดุด่าลูกจำเลย. ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า. เพราะถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่า จำเลยต้องฟันมากครั้งกว่านี้และเลือกฟันที่อวัยวะสำคัญมากกว่านี้ได้ ทั้งลักษณะบาดแผลก็ไม่ปรากฏว่าอาจทำให้ถึงอันตรายแก่ชีวิต. จำเลยจึงมีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายสาหัสเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องทำร้ายร่างกายในการชุลมุนต่อสู้ หากไม่มีผู้เสียชีวิตหรือสาหัส แม้จำเลยรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้
บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ฝ่ายหนึ่ง และจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 กับพวกอีกฝ่ายหนี่ง บังอาจสมัครใจเข้าใช้กำลังชกต่อยเตะถีบทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จนจำเลยที่ 3 กับที่ 5 บาดเจ็บ ดังนี้เห็นได้ว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยคนใดทำร้ายใคร และถือไม่ได้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยแต่ละฝ่ายต่างร่วมกันมากระทำความผิด ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องฐานทำร้ายร่างกายในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป ซึ่งเมื่อไม่ปรากฎว่ามีบุคคลถึงตายหรือได้รับอันตรายสาหัส โดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้กันตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 294 หรือ 299 แล้วแม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีทำร้ายร่างกายสาหัส: ศาลต้องพิจารณาความจริงก่อน หากโจทก์ฟ้องก่อนครบ 20 วัน
การที่โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่า ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถทำมาหาเลี้ยงชีพได้ตามปกติเกินกว่า 20 วัน.โดยโจทก์ยื่นฟ้องเสียก่อนครบ20 วันนับจากวันเกิดเหตุ ดังนี้ ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบก่อนว่าจะถึงสาหัสจริงตามฟ้องหรือไม่ ศาลจะงดสืบพยานโจทก์และลงโทษจำเลยเพียงฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่ได้