พบผลลัพธ์ทั้งหมด 48 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6371/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์สำเร็จ: การเคลื่อนย้ายทรัพย์ออกจากที่เก็บของผู้เสียหาย แม้จะยังอยู่ในสถานที่เดียวกัน
การที่จำเลยนำชุดก้านสูบรถจักรยานยนต์ออกจากที่เก็บซึ่งจำเลยไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องด้วย แล้วนำไปวางบนผ้ากันเปื้อนของจำเลย แต่เมื่อถูกทักท้วงจึงนำไปเก็บนั้น แม้การกระทำของจำเลยยังอยู่ภายในโรงงานของผู้เสียหายก็ตาม แต่เป็นการนำทรัพย์ของผู้เสียหายออกจากที่เก็บของของผู้เสียหาย เป็นการเคลื่อนย้ายทรัพย์ไปจากความครอบครองของผู้เสียหายแล้ว การนำมาวางที่ผ้ากันเปื้อนของจำเลยก็เป็นการที่จำเลยเข้าถือเอาทรัพย์นั้นแล้ว แม้จำเลยจะยังมิได้นำออกนอกโรงงานของผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยก็เป็นการเอาทรัพย์นั้นไปจากความครอบครองของผู้เสียหาย อันเป็นการกระทำผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6354/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดสิทธิเรียกร้องสำเร็จเมื่อมีเงินเข้าบัญชี แม้ไม่ครบหนี้ โจทก์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมถอนอายัด
การอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 2 ในบัญชีเงินฝากธนาคารมิใช่เป็นการอายัดสิทธิเรียกร้องแห่งรายได้เป็นคราว ๆ ซึ่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบมาตรา 26 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 313 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้รวมตลอดถึงจำนวนเงินซึ่งถึงกำหนดชำระภายหลังการอายัดนั้นด้วย การที่ธนาคารส่งมอบเงินในบัญชีเงินฝากที่โจทก์ขอให้อายัดซึ่งมีจำนวนเพียง 490 บาท แก่เจ้าพนักงานบังคับคดี การอายัดสิทธิเรียกร้องจึงเสร็จสิ้นไปแล้ว แม้เงิน 490 บาท นั้นจะไม่ครบจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ และหากต่อมาปรากฏว่ามีเงินในบัญชีเงินฝากที่จำเลยที่ 2 มีสิทธิเรียกร้องเกิดขึ้นใหม่ โจทก์ก็มีสิทธิที่จะขอให้อายัดสิทธิเรียกร้องดังกล่าวได้เป็นอีกสถานหนึ่งต่างหาก กรณีจึงไม่มีเหตุผลและความจำเป็นที่โจทก์จะขอถอนการอายัดซึ่งได้เสร็จสิ้นไปแล้วนั้นอีก ความรับผิดในค่าธรรมเนียมการถอนอายัดตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบมาตรา 26 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 5 ข้อ 4 จึงไม่อาจเกิดขึ้นได้ แต่การที่โจทก์ขอรับเงิน 490 บาท ที่อายัดได้นั้นโจทก์ต้องเสียค่าธรรมเนียมอัตราร้อยละ 3.5 ตามตาราง 5 ข้อ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6354/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเงินในบัญชี การคิดค่าธรรมเนียมเมื่ออายัดสำเร็จ และสิทธิในการอายัดเงินที่เกิดขึ้นใหม่
โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 2 ในบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 1,347,571.19 บาท แต่ในบัญชีของจำเลยที่ 2 มีเงินเพียง 490 บาท โจทก์ขอรับเงิน 490 บาท พร้อมแถลงไม่ติดใจอายัดเงินในบัญชีของจำเลยที่ 2 การที่ธนาคารส่งมอบเงินตามสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 2 จำนวน 490 บาท แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีและแจ้งเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีสอบถามเพิ่มเติมว่าบัญชีของจำเลยที่ 2 ที่ใช้กับธนาคารมียอดเป็นลูกหนี้ธนาคารอยู่ ย่อมแสดงให้เห็นว่าสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 2 ในบัญชีเงินฝากธนาคารที่โจทก์ขอให้อายัดมีจำนวนเงินเพียง 490 บาท ตามที่ธนาคารส่งมอบแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีเท่านั้น การอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวจึงเสร็จสิ้นไปแล้ว แม้เงินจำนวน 490 บาท นั้นจะไม่ครบจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ก็ตาม และหากต่อมาปรากฏว่ามีเงินในบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 ที่จำเลยที่ 2 มีสิทธิเรียกร้องเกิดขึ้นใหม่ โจทก์ก็มีสิทธิที่จะขอให้อายัดสิทธิเรียกร้องดังกล่าวได้เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. ว่าด้วยการบังคับคดี ความรับผิดในค่าธรรมเนียมการถอนอายัดร้อยละ 1 ของจำนวนเงินที่ขออายัดตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 45 ประกอบมาตรา 26 และ ป.วิ.พ. ตาราง 5 ข้อ 4 จึงไม่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม การที่โจทก์ขอรับเงินจำนวน 490 บาท ที่อายัดได้นั้น โจทก์ต้องเสียค่าธรรมเนียมอัตราร้อยละ 3.5 ตามตาราง 5 ข้อ 2 ของจำนวนเงิน 490 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7007/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์สำเร็จเมื่อทรัพย์สินถูกเคลื่อนย้ายออกจากที่เก็บ แม้เพียงเล็กน้อย การใช้รถเพื่อเอื้อการกระทำความผิดไม่ถึงฐานตาม ม.336 ทวิ
จำเลยนำรถจักรยานยนต์เคลื่อนออกมาจากคอกเก็บรถหลังจากตัดต่อสายไฟสายตรงของสวิสต์กุญแจปิดเปิดเครื่องยนต์แล้ว โดยนำห่างออกมาจากคอกเก็บประมาณ 3 เมตร เข้าองค์ประกอบคำว่า "เอาทรัพย์ไป"แล้ว การกระทำของจำเลยจึงครบองค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์
คนที่ขับรถของจำเลยเพียงแต่ขับรถยนต์มาส่งจำเลยกับพวกที่บ้านของผู้เสียหายก่อนเกิดเหตุและหลังจากเกิดเหตุแล้วก็ได้ขับวนเวียนในลักษณะคล้ายกับจะตามหาจำเลยกับพวกเท่านั้น คนที่ขับรถดังกล่าวไม่ได้ร่วมกับจำเลยกับพวกลักทรัพย์ผู้เสียหาย จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้ใช้รถยนต์คันดังกล่าวเพื่อสะดวกในการลักทรัพย์หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ
คนที่ขับรถของจำเลยเพียงแต่ขับรถยนต์มาส่งจำเลยกับพวกที่บ้านของผู้เสียหายก่อนเกิดเหตุและหลังจากเกิดเหตุแล้วก็ได้ขับวนเวียนในลักษณะคล้ายกับจะตามหาจำเลยกับพวกเท่านั้น คนที่ขับรถดังกล่าวไม่ได้ร่วมกับจำเลยกับพวกลักทรัพย์ผู้เสียหาย จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้ใช้รถยนต์คันดังกล่าวเพื่อสะดวกในการลักทรัพย์หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2441/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประนอมหนี้ก่อนล้มละลายสำเร็จ ทำให้ลูกหนี้พ้นจากภาวะล้มละลาย และคดีพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดสิ้นสุดลง
พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 56, 57, 58, 60, 77
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8098/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล้นทรัพย์สำเร็จ แม้ผู้เสียหายแย่งทรัพย์คืนได้ในทันที
จำเลยกับคนร้ายอีก 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะทำการปล้นสร้อยข้อมือทองคำของผู้เสียหาย เมื่อคนร้ายคนหนึ่งปลดสร้อยข้อมือออกไปจากข้อมือของผู้เสียหายไปได้นั้น ทรัพย์นั้นจึงขาดจากการครอบครองของผู้เสียหาย แต่อยู่ในมือคนร้ายคนนั้นพร้อมที่จะนำไปได้ย่อมเป็นการเคลื่อนที่ไปจากแหล่งที่ทรัพย์นั้นติดตรึงอยู่ตามปกติไปอยู่ในความครอบครองของคนร้ายเป็นการเอาไปโดยสมบูรณ์เป็นการปล้นทรัพย์สำเร็จแม้ผู้เสียหายแย่งคืนมาในทันทีก็เป็นกรณีเกิดขึ้นหลังจากการเอาทรัพย์นั้นไปแล้ว ย่อมไม่ทำให้การเอาทรัพย์ไปซึ่งสมบูรณ์แล้วกลับเป็นว่าไม่สมบูรณ์ไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8098/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล้นทรัพย์สำเร็จ แม้ผู้เสียหายแย่งคืนได้ทันที การเอาทรัพย์ไปโดยสมบูรณ์เกิดขึ้นแล้ว
จำเลยกับคนร้ายอีก 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะทำการปล้นสร้อยข้อมือทองคำของผู้เสียหาย เมื่อคนร้ายคนหนึ่งปลดสร้อยข้อมือออกไปจากข้อมือของผู้เสียหายไปได้นั้น ทรัพย์นั้นจึงขาดจากการครอบครองของผู้เสียหาย แต่อยู่ในมือคนร้ายคนนั้นพร้อมที่จะนำไปได้ย่อมเป็นการเคลื่อนที่ไปจากแหล่งที่ทรัพย์นั้นติดตรึงอยู่ตามปกติไปอยู่ในความครอบครองของคนร้ายเป็นการเอาไปโดยสมบูรณ์เป็นการปล้นทรัพย์สำเร็จแม้ผู้เสียหายแย่งคืนมาในทันทีก็เป็นกรณีเกิดขึ้นหลังจากการเอาทรัพย์นั้นไปแล้ว ย่อมไม่ทำให้การเอาทรัพย์ไปซึ่งสมบูรณ์แล้วกลับเป็นว่าไม่สมบูรณ์ไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6446/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าตอบแทนนายหน้า: การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษเมื่อยังไม่มีการซื้อขายสำเร็จ
บันทึกข้อตกลงท้ายสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่าง ป.ผู้ขาย กับจำเลยผู้ซื้อระบุว่า จำเลยต้องการให้โจทก์เป็นนายหน้าหรือตัวแทนในการขายที่ดินให้กับบริษัท ค.ไม่ว่าจะเป็นที่ดินส่วนใดก็ตาม ซึ่งทางจำเลยขายให้กับทางบริษัท ค.ได้ จำเลยสัญญาว่าจะจัดค่านายหน้าให้กับโจทก์ 20,000 บาท ต่อไร่ของที่ดินทุก ๆ แปลง ข้อตกลงดังกล่าวมีลักษณะเป็นการกำหนดค่าตอบแทนพิเศษเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากข้อตกลงให้ค่าบำเหน็จนายหน้า 3 เปอร์เซ็นต์ โดยมีเงื่อนไขว่าจำเลยจะจ่ายให้แก่โจทก์ในอัตราไร่ละ 20,000 บาท ต่อเมื่อโจทก์ดำเนินการให้จำเลยขายที่ดินดังกล่าวได้จนเป็นผลสำเร็จ เมื่อโจทก์เพียงแต่จัดให้จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายกับ พ.กรรมการบริษัท ค. แต่ต่อมาผู้จะซื้อผิดสัญญาจนมีการเลิกสัญญาจะซื้อจะขายดังกล่าวไปแล้ว กรณีจึงหาได้มีการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดอันจะทำให้จำเลยได้รับเงินตามราคาที่ตกลงกันไว้ไม่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดจ่ายเงินส่วนเกินหรือค่าตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3227/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีที่ดินสำเร็จก่อนศาลฎีกาพิจารณาคำร้องงดบังคับคดี จึงไม่จำต้องพิจารณาคำร้องอีก
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาเมื่อปรากฏว่าที่ดินมีโฉนดเฉพาะส่วนเนื้อที่60ไร่20ตารางวาโจทก์ได้ดำเนินการบังคับคดีเสร็จสิ้นลงโดยโอนที่ดินดังกล่าวไปเป็นของโจทก์ตามคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วศาลฎีกาจึงไม่จำต้องพิจารณาคำร้องของดการบังคับคดีของจำเลยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าบำเหน็จนายหน้าเกิดเมื่อทำสัญญาซื้อขายสำเร็จ แม้ยังไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์
จำเลยตกลงให้ค่านายหน้าแก่โจทก์ที่ 2 และที่ 3ที่ชี้ช่องจนจำเลยสามารถขายที่ดินแก่โจทก์ที่ 1 ได้เมื่อจำเลยกับโจทก์ที่ 1 ได้เข้าทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันจำเลยต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จนายหน้าให้แก่โจทก์ที่ 2และที่ 3 แม้ต่อมาสัญญาจะซื้อขายเป็นอันเลิกกันด้วยเหตุใดจำเลยก็ต้องชำระค่าบำเหน็จนายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845