คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สำเร็จความใคร่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 642/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานค้าประเวณีและหน่วงเหนี่ยวกักขัง โดยมีเจตนาเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ศาลแก้ไขโทษกรรมเดียว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กับพวกที่หลบหนี โดยเจตนาเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไป ซึ่งผู้เสียหายโดยร่วมกันใช้อุบายหลอกลวงความจริงจำเลยกับพวกมีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารผู้เสียหายถูกจำเลยกับพวกพาตัวไปพักที่โรงแรม พ. พวกของจำเลยที่หลบหนีได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่หลายครั้ง ดังนั้น เมื่อตามคำฟ้องและทางพิจารณาที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาดังกล่าว ซึ่งโจทก์มิได้ฎีกาโต้แย้งให้รับข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น จึงเห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของ พ. ผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน จำเลยที่ 1จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 การที่จำเลยที่ 1 ใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายแล้ว พ.พาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารดังกล่าว ก็โดยเจตนาเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นซึ่งจำเลยที่ 1 กับพวกได้ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและบังคับขู่เข็ญให้ผู้เสียหายค้ำประเวณีในเวลาต่อมา การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันไปโดยเจตนาเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นเพียงประการเดียว จึงเป็นความผิดกรรมเดียว ให้ลงโทษจำเลยที่ 1บทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคแรกเพียงกระทงเดียว หาใช่เป็นความผิดตามมาตรา 283 วรรคแรก,83 กระทงหนึ่ง และมาตรา 283 วรรคแรก,284 วรรคแรกอีกกระทงหนึ่ง ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4749/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานค้ามนุษย์: เจตนาเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น vs. ของตนเอง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 ปรากฏว่าจำเลยกับนาย ส.กับพวกอีกคนหนึ่งนำรถยนต์ไปรอดักฉุดผู้เสียหายขณะผู้เสียหายออกจากหอพักเพื่อจะไปซื้อของ และเมื่อขึ้นไปบนรถแล้วนาย ส.ใช้อาวุธปืนขู่บังคับไม่ให้ผู้เสียหายร้อง และได้พาไปกักขังไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ถือได้ว่าจำเลยกับนาย ส.เป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วยกัน แม้การพาผู้เสียหายไปนั้นเพื่อสำเร็จความใคร่ของนาย ส. และเพื่อการอนาจารผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยก็หาเป็นความผิดตามมาตรา 283 ตามฟ้องไม่ เพราะความผิดตามมาตรา 283 นั้น ต้องเป็นกรณีที่เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ถ้าเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้กระทำนั้นเอง หรือร่วมกันกระทำเพื่อผู้ใดในบรรดาผู้ร่วมกระทำด้วยกันแล้วก็หาเป็นความผิดตามมาตรานี้ไม่ เมื่อจำเลยและนาย ส.กับพวกร่วมกันพาผู้เสียหายไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของนาย ส.ไม่ได้ร่วมกันพาไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นใด จึงจะแยกการกระทำที่ประกอบร่วมกันนี้ให้ตกเป็นความผิดแก่จำเลยว่าพาผู้เสียหายไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นไม่ใช่ของตนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4749/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ต้องเป็นการกระทำเพื่อผู้อื่น มิใช่เพื่อตนเองหรือผู้ร่วมกระทำ
การเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นอันจะเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 283 จะต้องเป็นกรณีที่เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นแต่หากเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้กระทำเองหรือร่วมกันกระทำเพื่อผู้ใดในบรรดาผู้ร่วมกระทำด้วยกันแล้วก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้ การที่จำเลยกับ ส. และพวกอีกคนหนึ่งร่วมกันดักฉุดผู้เสียหายเพื่อสำเร็จความใคร่ของส. และเพื่อการอนาจารผู้เสียหายเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อ ส. ซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน หาใช่เป็นกรณีร่วมกันพาไปให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นไม่จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 283.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4749/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น มาตรา 283 อาญา ต้องเป็นการจัดหา ล่อ หรือชักพา เพื่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตนเอง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283ปรากฏว่าจำเลยกับนาย ส.กับพวกอีกคนหนึ่งนำรถยนต์ไปรอดักฉุดผู้เสียหายและผู้เสียหายออกจากหอพักเพื่อจะไปซื้อของ และเมื่อขึ้นไปบนรถแล้วนาย ส. ใช้อาวุธปืนขู่บังคับไม่ให้ผู้เสียหายร้อง และได้พาไปกักขังไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ถือได้ว่าจำเลยกับนายส.เป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วยกัน แม้การพาผู้เสียหายไปนั้นเพื่อสำเร็จความใคร่ของนายส.และเพื่อการอนาจารผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยก็หาเป็นความผิดตามมาตรา 283 ตามฟ้องไม่ เพราะความผิดตามมาตรา 283 นั้น ต้องเป็นกรณีที่เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ถ้าเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้กระทำนั้นเอง หรือร่วมกันกระทำเพื่อผู้ใดในบรรดาผู้ร่วมกระทำด้วยกันแล้วก็หาเป็นความผิดตามมาตรานี้ไม่เมื่อจำเลยและนายส.กับพวกร่วมกันพาผู้เสียหายไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของนายส.ไม่ได้ร่วมกันพาไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นใด จึงจะแยกการกระทำที่ประกอบร่วมกันนี้ให้ตกเป็นความผิดแก่จำเลยว่าพาผู้เสียหายไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นไม่ใช่ของตนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็ก แม้ไม่มีการสอดใส่ แต่มีการถูไถสำเร็จความใคร่
จำเลยเพียงแต่ใช้อวัยวะเพศของจำเลยถูไถสัมผัสที่ด้านนอกของอวัยวะเพศของผู้เสียหายซึ่งเป็นบุตรสาวของจำเลยจนสำเร็จความใคร่โดยไม่มีเจตนาสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศผู้เสียหายแต่อย่างใดจึงไม่มีความผิดฐานพยายามกระทำชำเรา แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก และเป็นการกระทำแก่ผู้สืบสันดาน จึงมีโทษหนักขึ้นตามมาตรา 285 โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277และ 285 โดยไม่ได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา 279 แต่ความผิดตามที่โจทก์ฟ้องนั้นรวมการกระทำความผิดฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 279อยู่ด้วย ศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยตามความผิดที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา แม้ไม่สำเร็จความใคร่ หากมีการล่วงล้ำอวัยวะเพศ ถือเป็นความผิดสำเร็จ
การข่มขืนกระทำชำเรานั้น เมื่ออวัยวะเพศของจำเลยได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายแล้ว แม้จำเลยไม่สำเร็จความใคร่ ก็เป็นควาผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเรา: การล่วงล้ำทางเพศแม้ไม่สำเร็จความใคร่ก็เป็นความผิดสำเร็จ
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรานั้น เมื่ออวัยวะเพศของจำเลยได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายแล้ว แม้จำเลยไม่สำเร็จความใคร่ก็เป็นความผิดสำเร็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิง และการยับยั้งการกระทำจนไม่สำเร็จ
จำเลยชวนผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 4 ปีเศษไปดูการ์ตูนที่บ้านจำเลยแล้วพาไปนอนบนกระดาน ถอดกางเกงผู้เสียหายและจำเลยออก แล้วจำเลยใช้อวัยวะเพศดันไปตรงอวัยวะเพศของผู้เสีหายเพียงครั้งเดียว บริเวณอวัยวะเพศของผู้เสียหายไม่มีบาดแผล จำเลยไม่ได้กระทำซ้ำต่อไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ทั้ง ๆที่จำเลยมีโอกาสที่จะกระทำได้นับได้ว่าเป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 80,82
แม้ผู้เสียหายไม่มีช่องคลอด ผิดปกติแต่กำเนิด อันเป็นเหตุประกอบให้เห็นว่า โดยสภาพวัตถุที่มุ่งหมายกระทำต่อทำให้การกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ก็ตาม ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยหยุดการกระทำต่อผู้เสียหายเพราะได้เห็น หรือทราบข้อเท็จจริงอันนี้ เมื่อจำเลยยับยั้งเสียเองได้ จำเลยก็ไม่ต้องรับโทษสำหรับการพยายามกระทำความผิดนั้นคงมีความผิดเท่าที่ต้องตามกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด คือกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามกระทำชำเราเด็กหญิง แม้ยังมิได้สอดใส่สำเร็จความใคร่ แต่มีเจตนาชัดเจน
จำเลยใช้อวัยวะสืบพันธุ์ของตนทิ่มอวัยวะเพศของเด็กหญิง ส. อายุ 4 ปีเศษจนสำเร็จความใคร่ เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำชำเรา แม้จำเลยจะสำเร็จความใคร่เสียก่อนโดยที่อวัยวะสืบพันธุ์ของจำเลยยังมิได้สอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของเด็กหญิง ส. ก็ตาม ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำไปโดยตลอดแล้ว แต่การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เป็นความผิดฐานพยายามกระทำชำเรา หาใช่เป็นเพียงการกระทำอนาจารไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี แม้สำเร็จความใคร่ก่อนการสอดใส่ ก็ถือเป็นความผิด
จำเลยใช้อวัยวะสืบพันธุ์ของตนทิ่ม อวัยวะเพศของเด็กหญิงส.อายุ4ปีเศษจนสำเร็จความใคร่เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำชำเราแม้จำเลยจะสำเร็จความใคร่เสียก่อนโดยที่อวัยวะสืบพันธุ์ของจำเลยยังมิได้สอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของเด็กหญิงส.ก็ตามถือได้ว่าจำเลยได้กระทำไปโดยตลอดแล้วแต่การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เป็นความผิดฐานพยายามกระทำชำเราหาใช่เป็นเพียงการกระทำอนาจารไม่
of 3