พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1678/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์: ศาลพิจารณาจากมูลค่าทรัพย์ที่ยึดและหนี้สิน เพื่อตัดสินสิทธิในการเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้อง
ผู้ร้องได้นำยึดที่ดินของจำเลยซึ่งติดจำนองก. เป็นประกันเงินกู้ที่จำเลยได้ขอกู้เพื่อซื้อที่ดินเป็นเงิน500,000บาทมียอดหนี้จำนองถึงวันที่30มิถุนายน2534เป็นเงิน410,000บาทและต่อมามียอดหนี้ค้างเมื่อวันที่2ธันวาคม2537เพียง247,000บาทเท่านั้นแสดงว่าราคาที่แท้จริงของที่ดินแปลงนี้น่าจะมากกว่า500,000บาทตามที่ได้จดทะเบียนจำนองกับก.ไว้และหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยต้องชำระให้ผู้ร้องนับถึงวันที่ศาลมีคำสั่งคำร้องของผู้ร้องคดีนี้คิดเป็นเงินประมาณ257,760บาทจึงยังถือไม่ได้ว่าทรัพย์ที่ผู้ร้องยึดไว้ไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษาแม้ทรัพย์ที่ยึดมีการร้องขัดทรัพย์แต่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าทรัพย์ที่ยึดไม่ใช่ของจำเลยที่1ทรัพย์ที่ยึดจึงยังเป็นของจำเลยที่1กรณีจึงยังไม่ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา290วรรคสองที่ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้ร้องตามคำพิพากษา vs. สิทธิของเจ้าหนี้ในการยึดทรัพย์ก่อนมีคำพิพากษา
แม้โจทก์ยึดที่พิพาทก่อนศาลพิพากษาให้จำเลยโอนขายที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องก็ตาม แต่ต่อมาเมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยขายที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องย่อมถือได้ว่าผู้ร้องมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 ตราบใดที่ยังไม่มีการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท ผู้ร้องย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาและการปล่อยทรัพย์เมื่อไม่บังคับคดี ศาลต้องพิจารณาการปล่อยทรัพย์ตามสิทธิของผู้ร้อง
โจทก์นำยึดรถยนต์ก่อนคำพิพากษา เมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีแล้ว โจทก์ไม่บังคับคดี การยึดทรัพย์สิ้นผล ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้ร้องที่ศาลพิพากษาให้โอนกรรมสิทธิ์ ย่อมได้รับการคุ้มครอง แม้กรรมสิทธิ์ยังไม่โอน และโจทก์มิอาจบังคับคดียึดได้
ในระหว่างที่โจทก์นำยึดที่ดินพิพาทของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมนั้น ปรากฏว่าศาลชั้นต้นในคดีที่ผู้ร้องคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ได้พิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้แก่ผู้ร้อง คำพิพากษาในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องจึงย่อมมีผลผูกพันทั้งฝ่ายจำเลยและผู้ร้องนับตั้งแต่ได้มีคำพิพากษาดังกล่าวจนกระทั่งถึงวันที่คำพิพากษาดังกล่าวได้ถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับ หรืองดเสีย ดังนั้น แม้ผู้ร้องและจำเลยจะได้อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวของศาลชั้นต้นและคดียังไม่ถึงที่สุดก็ตาม หากไม่ปรากฏว่าคำพิพากษาดังกล่าวได้ถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรืองดเสียแต่ประการใด ผู้ร้องก็ย่อมอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของผู้ร้องตามคำพิพากษาดังกล่าวได้ โจทก์ไม่มีสิทธิยึดที่พิพาท แม้ว่าที่พิพาทจะยังมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อยู่ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการแบ่งแยกทรัพย์สินร่วม: สิทธิของผู้ร้องที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมและการตกลงแบ่งแยกก่อนฟ้อง
(1) เมื่อผู้ร้องไม่ได้ตั้งประเด็นว่าได้ครอบครองเป็นส่วนสัดมาเกิน 10 ปี จนได้กรรมสิทธิ์ในส่วนที่ครอบครอง ดังนี้ แต่ศาลไปวินิจฉัยว่าผู้ร้องครอบครองมาเกิน 10 ปี ได้กรรมสิทธิ์โดยทางครอบครองตามมาตรา 1382 ย่อมเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
(2) เมื่อจำเลยและผู้ร้องซึ่งมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้ตกลงแบ่งแยกที่พิพาทกันก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยนานแล้ว ข้อตกลงนี้ย่อมผูกมัดผู้ร้องและจำเลยตามมาตรา 1364 โจทก์มีสิทธิบังคับคดีได้เท่าที่จำเลยมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทนั้น เพราะโจทก์ไม่ใช่บุคคลภายนอกตามมาตรา 1299 วรรค 2 ไม่มีสิทธิเอาส่วนของผู้ร้องมาขายอทดตลาด
(3) การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ซึ่งไม่ใช่ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ตามมาตรา 288 นั้น ไม่ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมค่าขึ้นศาล ฯลฯ ค่าตันสิน ฯลฯ อย่างคดีธรรมดา
(2) เมื่อจำเลยและผู้ร้องซึ่งมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้ตกลงแบ่งแยกที่พิพาทกันก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยนานแล้ว ข้อตกลงนี้ย่อมผูกมัดผู้ร้องและจำเลยตามมาตรา 1364 โจทก์มีสิทธิบังคับคดีได้เท่าที่จำเลยมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทนั้น เพราะโจทก์ไม่ใช่บุคคลภายนอกตามมาตรา 1299 วรรค 2 ไม่มีสิทธิเอาส่วนของผู้ร้องมาขายอทดตลาด
(3) การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ซึ่งไม่ใช่ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ตามมาตรา 288 นั้น ไม่ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมค่าขึ้นศาล ฯลฯ ค่าตันสิน ฯลฯ อย่างคดีธรรมดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเอาทรัพย์จำนองหลุดในคดีที่เจ้าหนี้อื่นยึดทรัพย์ ผู้ร้องต้องแสดงสิทธิและพิสูจน์ราคาทรัพย์
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดินไว้จากจำเลยมิได้ฟ้องผู้จำนอง (จำเลย)เพื่อเอาทรัพย์ (ที่ดิน) จำนองหลุด แต่ได้ร้องเข้ามาในคดีที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา(โจทก์)ได้ยึดที่ดินนั้นเพื่อเอาชำระหนี้เช่นนี้ผู้ร้องจะว่าเป็นหน้าที่ของผู้จำนองจะต้องนำสืบว่าราคาทรัพย์สินนั้นท่วมจำนวนเงินอันค้างชำระ ฟังไม่ได้เพราะไม่ใช่คดีระหว่างผู้รับจำนองกับผู้จำนอง
เมื่อผู้ร้องต้องการเอาทรัพย์จำนองหลุดเป็นสิทธิเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและยึดทรัพย์สินนั้นไว้ผู้ร้องก็ต้องแสดงสิทธิของตนให้ปรากฏโจทก์โต้แย้งอยู่ว่าราคาทรัพย์สินไม่ท่วมจำนวนหนี้ของผู้ร้อง ซึ่งศาลรับฟังเป็นประเด็นข้อพิพาทเมื่อผู้ร้องไม่นำสืบ ก็แสดงสิทธิที่จะเรียกเอาทรัพย์จำนองหลุดเป็นสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา289 ไม่ได้
เมื่อผู้ร้องต้องการเอาทรัพย์จำนองหลุดเป็นสิทธิเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและยึดทรัพย์สินนั้นไว้ผู้ร้องก็ต้องแสดงสิทธิของตนให้ปรากฏโจทก์โต้แย้งอยู่ว่าราคาทรัพย์สินไม่ท่วมจำนวนหนี้ของผู้ร้อง ซึ่งศาลรับฟังเป็นประเด็นข้อพิพาทเมื่อผู้ร้องไม่นำสืบ ก็แสดงสิทธิที่จะเรียกเอาทรัพย์จำนองหลุดเป็นสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา289 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 579/2477
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องก่อนขายทอดตลาด แม้คดียังไม่ถึงที่สุด ศาลต้องพิจารณาตามสิทธิที่มีอยู่
ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ก่อนขายทอดตลาดแลก่อนคดี.ที่สุด แลศาลเดิมได้รอคำร้องนั้นไว้จนคดีถึงที่สุดแล้วจึงสั่งนั้น ผู้ร้องย่อมมีสิทธิได้รับส่วนเฉลี่ยเจ้าหนี้ซึ่งต่างคนต่างยึดทรัพย์ของลูกหนี้ไว้นั้นมีสิทธิขอเฉลี่ยจากอีกฝ่ายหนึ่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยหนี้จากการยึดทรัพย์: สิทธิของผู้ร้องที่คดียังไม่เด็ดขาด
ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์โดยยังไม่มีคำตัดสินค่าธรรมเนียม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7198/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ร้องผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินและสร้างบ้าน ย่อมมีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินจากการบังคับคดีได้
ผู้ร้องประกอบธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี 2546 เมื่อผู้ร้องทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 2 แล้วได้สร้างบ้านในที่ดินดังกล่าวซึ่งมีรูปแบบเดียวกันกับบ้านหลังอื่นที่อยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรรของผู้ร้อง และประกาศขายแก่บุคคลทั่วไป หากผู้ร้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทก็คงไม่สร้างบ้านในที่ดินดังกล่าวเพราะต้องใช้เงินลงทุนมาก และที่ผู้ร้องอ้างเหตุที่ยังไม่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทเป็นของตนเนื่องจากต้องการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็นชื่อผู้ซื้อเพื่อประหยัดค่าธรรมเนียมในการโอนนั้น ก็เป็นเหตุผลทางด้านการประกอบธุรกิจที่รับฟังได้ไม่ถึงกับเป็นข้อพิรุธแต่อย่างใด
ผู้ร้องทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทกับจำเลยที่ 2 และชำระราคาครบถ้วนแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เป็นของตน ผู้ร้องจึงเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300 และโดยเหตุที่การบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ซึ่งบุคคลภายนอกอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินที่ยึดได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธินำยึดที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อบังคับคดีอันเป็นการกระทบกระทั่งถึงสิทธิผู้ร้องตามบทกฎหมายดังกล่าว ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอให้ปล่อยที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ยึดไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 แต่เป็นทรัพย์สินของผู้ร้อง ขอให้ถอนการยึดจึงเป็นคำร้องขอตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 เป็นคดีมีทุนทรัพย์เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์แพ้คดี ศาลชั้นต้นชอบที่จะกำหนดให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้องได้ ส่วนค่าทนายความที่ศาลชั้นต้นกำหนดนั้น ก็เป็นจำนวนที่อยู่ระหว่างอัตราขั้นสูงและขั้นต่ำตามที่ระบุไว้ในตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อคำนึงถึงเหตุสมควรและการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวงแล้ว ค่าทนายความที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาเป็นจำนวนที่เหมาะสมแล้ว ไม่มีเหตุจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข
ผู้ร้องเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300 การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปล่อยที่ดินพิพาทคืนแก่จำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบ
ผู้ร้องทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทกับจำเลยที่ 2 และชำระราคาครบถ้วนแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เป็นของตน ผู้ร้องจึงเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300 และโดยเหตุที่การบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ซึ่งบุคคลภายนอกอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินที่ยึดได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธินำยึดที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อบังคับคดีอันเป็นการกระทบกระทั่งถึงสิทธิผู้ร้องตามบทกฎหมายดังกล่าว ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอให้ปล่อยที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ยึดไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 แต่เป็นทรัพย์สินของผู้ร้อง ขอให้ถอนการยึดจึงเป็นคำร้องขอตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 เป็นคดีมีทุนทรัพย์เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์แพ้คดี ศาลชั้นต้นชอบที่จะกำหนดให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้องได้ ส่วนค่าทนายความที่ศาลชั้นต้นกำหนดนั้น ก็เป็นจำนวนที่อยู่ระหว่างอัตราขั้นสูงและขั้นต่ำตามที่ระบุไว้ในตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อคำนึงถึงเหตุสมควรและการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวงแล้ว ค่าทนายความที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาเป็นจำนวนที่เหมาะสมแล้ว ไม่มีเหตุจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข
ผู้ร้องเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300 การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปล่อยที่ดินพิพาทคืนแก่จำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14884/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแบ่งทรัพย์สินจากการหย่าโดยความยินยอมมีผลสมบูรณ์ แม้ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีกระทบสิทธิไม่ได้
ผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 หย่ากันโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย ป.พ.พ. มาตรา 1532 (ก) บัญญัติให้จัดการแบ่งทรัพย์สินของสามีภริยาตามที่มีอยู่ในเวลาจดทะเบียนการหย่า ข้อตกลงตามสำเนาบันทึกด้านหลังทะเบียนการหย่าระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ยินยอมยกที่ดินโฉนดเลขที่ 32498 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 6/82 ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง เป็นสัญญาแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาตามบทมาตราดังกล่าว มิใช่สัญญาให้ทรัพย์สินอันจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงจะสมบูรณ์ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 525 เมื่อนายทะเบียนจดทะเบียนหย่าให้แล้ว ถือว่าทั้งสองฝ่ายได้จัดการแบ่งทรัพย์สินกันเรียบร้อยแล้ว ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจึงเป็นของผู้ร้องแต่เพียงผู้เดียว การที่จำเลยที่ 1 ยังมิได้จดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างส่วนของตนให้แก่ผู้ร้อง มีผลเพียงทำให้การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งอสังหาริมทรัพย์ของผู้ร้องยังไม่บริบูรณ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคหนึ่ง เท่านั้น แต่สิทธิของผู้ร้องตามสัญญาแบ่งทรัพย์สินที่นายทะเบียนจดทะเบียนหย่าให้แล้วและผู้ร้องได้ครอบครองทรัพย์เพียงผู้เดียวตลอดมา ทั้งเป็นผู้ชำระหนี้จำนองและไถ่ถอนจำนองจากธนาคาร ก. ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300 ผู้ร้องไม่ใช่ผู้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรมและโจทก์เป็นเพียงเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 ซึ่งนำยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์เท่านั้น โจทก์มิใช่ผู้รับโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอันมีค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว โจทก์จึงมิใช่บุคคลภายนอกที่ได้รับความคุ้มครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300 ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะมิได้จดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ส่วนของจำเลยที่ 1 ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้ โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะบังคับให้กระทบถึงสิทธิของผู้ร้องไม่ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 โจทก์จึงไม่มีสิทธิยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องมีสิทธิเรียกร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดได้