คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิ้นสภาพ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7484/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสภาพนิติบุคคลและการรับช่วงสิทธิของบริษัทประกันภัย ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
นายทะเบียนบริษัทแห่งประเทศอังกฤษและเวลส์ได้จำหน่ายชื่อบริษัทโจทก์ออกทะเบียนเมื่อวันที่ 29 กันยายน2530 ตามมาตรา 652(5) แห่งพระราชบัญญัติบริษัทค.ศ.1958และได้เลิกบริษัทไปโดยลงแจ้งความในราชกิจจานุเบกษาแห่งกรุงลอนดอนเมื่อวันที่20ตุลาคม2530และมีบริษัทส.เป็นผู้ชำระบัญชี แต่ผู้ชำระบัญชีมิได้เข้ามาว่าต่างในนามของโจทก์ในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1259(1) อีกทั้งบริษัท อ. ซึ่งได้รับประกันภัยสินค้าของโจทก์และเป็นตัวแทนของโจทก์ก็ยังมีสิทธิในหนี้รายนี้อยู่เพราะได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ไปแล้วหลังจากที่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ บริษัท อ. ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องเรียกเอาจำนวนเงินที่จ่ายให้แก่โจทก์จากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 880 วรรคแรก โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกให้จำเลยรับผิดชำระหนี้รายนี้ได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3317/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการสิ้นสภาพภารจำยอม ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนมีคำสั่ง
ในการบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งส่วนหนึ่งให้จำเลยขุดดินถมลำกระโดงภารจำยอมให้มีสภาพดังเดิมนั้น หากต่อมาปรากฏความจริงตามคำร้อง ของ จำเลยว่า ลำกระโดงดังกล่าวหมดสภาพภารจำยอมแล้วเพราะถูกถนนสาธารณะตัดผ่าน ภารจำยอมย่อมสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1400 และถ้าให้จำเลยขุดดินถมลำกระโดงให้มีสภาพดังเดิมแล้วจะทำให้บุคคลภายนอกเสียหายซึ่งเป็นเรื่องที่จำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาได้โดยสุจริต ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดีและยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ทำการไต่สวนจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้อง ของ จำเลยแล้วมีคำสั่งตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2451/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสภาพสมาชิกสภาฯ และสิทธิของผู้สมัครลำดับถัดไป: ไม่มีสิทธิเลื่อนลำดับ
มาตรา 77 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขแล้ว บัญญัติว่า ในเขตเลือกตั้งซึ่งมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มากกว่าหนึ่งคน ให้ผู้สมัครของพรรคการเมืองซึ่งได้คะแนนมากตามลำดับลงมาตามจำนวนที่จะพึงมีการเลือกตั้งได้เป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง เห็นได้ว่าไม่มีข้อความใดที่บัญญัติให้ผู้ที่ได้รับคะแนนต่ำถัดจากผู้ที่ได้รับคะแนนเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรคนสุดท้าย ให้เลื่อนขึ้นเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง ในกรณีที่ผู้ได้รับเลือกตั้งนั้นได้สิ้นสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ดังนี้โจทก์ซึ่งได้คะแนนมากเป็นลำดับที่ 4 จึงไม่ได้เลื่อนขึ้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่นเขตที่ 1 ซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้จำนวน 3 คนเป็นลำดับที่ 3 แทน ค. ผู้สิ้นสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากสิ้นสภาพเมื่อเรือนถูกรื้อถอน การฟ้องขับไล่เรือนหลังใหม่จึงไม่ชอบ
จำเลยขายฝากเรือนเลขที่ 126 ขนาดกว้าง 8 ศอก ยาว 3วาให้โจทก์ ต่อมาระหว่างอายุสัญญาจำเลยรื้อเรือนดังกล่าวแล้วสร้างขึ้นใหม่กว้าง 3 วา ยาว 4 วาโดยใช้ไม้ของเรือนหลังเดิมบางส่วน และใช้บ้านเลขที่ 126 ตามเดิมดังนี้ถือได้ว่าเรือนหลังเดิมซึ่งตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามสัญญาขายฝากและเป็นวัตถุแห่งหนี้นั้นได้สิ้นสภาพไปแล้วเรือนหลังใหม่คือเรือนพิพาทย่อมไม่ตกอยู่ในบังคับของสัญญาขายฝากโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากเรือนพิพาท คงมีอำนาจที่จะว่ากล่าวแก่จำเลยในกรณีที่จำเลยรื้อเรือนหลังเดิมอันเป็นวัตถุแห่งหนี้ตามสัญญาขายฝากเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511-512/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัคคีภัยทำให้ตึกสิ้นสภาพ สัญญาเช่าระงับตามข้อตกลง
ในสัญญาเช่ามีข้อความว่า "ถ้าห้องเช่าเกิดอัคคีภัยขึ้น สัญญาเช่าเป็นอันระงับสิ้นสุดลง"
ปรากฏว่าห้องพิพาทสองห้องเป็นตึก 3 ชั้น ห้องแรกชั้น 3 ไฟไหม้หมด ชั้น 2 ผนังอิฐเหลืออยู่ 2 ด้าน มีรอยร้าวบ้าง กะเทาะบ้าง ผนังตึกอีก 2 ด้านเป็นไม้ไหม้หมด เพดานไหม้หมด ผู้เช่าเอาสังกะสีมุงไว้แทน พื้นห้องเป็นไม้ไหม้เกรียมบางส่วนมีรอยไฟไหม้ทะลุกว้าง 1 ศอก ยาว 1 วา ชั้นล่าง ขณะนี้ยังเปิดทำการค้าอยู่ ตู้โชว์สินค้าอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้ตลอดแต่เดิม เดิมมีครัว 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมด ทางเดินไปครัวจากพื้นชั้นสองก็ไหม้เกรียม รอดรองรับไม้ก็ไหม้เกรียม บันไดทางขึ้นจากชั้นล่างไปชั้น 2 ไหม้หมด ประตูครัวชั้นล่างที่เปิดออกไปด้านหลังไหม้หมด เหลือแต่ลูกกรงเหล็กด้านข้างของทางเดินไปห้องครัวซึ่งเป็นฝาไม้ ตรงช่องลมไหม้ครึ่งหนึ่ง ฝาไม้ชั้นล่างไม่ไหม้
ห้องพิพาทอีกห้องหนึ่งชั้น 2-3 ไฟไหม้หมด เหลือแต่พื้นไม้ชั้น 2 ไหม้เกรียม 50 % และมีช่องโหว่กว้าง 3 นิ้วฟุต ยาว 2 ฟุต ที่พื้นมีสังกะสีตีตะปูปิดไว้ กันน้ำฝนรั่วไหล โดยผู้เช่าทำไว้ ผนังด้านหน้าเป็นอิฐยังเหลืออยู่ มีรอยร้าวบ้าง ชั้นล่างอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้แต่เดิมตลอดบันไดชั้นล่างขึ้นไปชั้น 2 ไหม้หมด ครัวเดิมมี 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมด ประตูห้องครัวชั้นล่างที่ออกไปด้านหลังไหม้หมด และไม่มีประตูลูกกรงเหล็ก ผนังครัวที่เป็นอิฐมีรอยร้าว ดังนี้ ถือว่าตึกพิพาทเกิดอัคคีภัยจนสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย และสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้ประกอบการค้าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันระงับไปตามสัญญาเช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511-512/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัคคีภัยทำให้ตึกสิ้นสภาพ สัญญาเช่าระงับตามข้อตกลง
ในสัญญาเช่ามีข้อความว่า 'ถ้าห้องเช่าเกิดอัคคีภัยขึ้นสัญญาเช่าเป็นอันระงับสิ้นสุดลง'
ปรากฏว่าห้องพิพาทสองห้องเป็นตึก 3 ชั้น ห้องแรกชั้น 3 ไฟไหม้หมด ชั้น 2 ผนังอิฐเหลืออยู่ 2 ด้านมีรอยร้าวบ้าง กระเทาะบ้าง ผนังตึกอีก 2 ด้านเป็นไม้ไหม้หมดเพดานไหม้หมดผู้เช่าเอาสังกะสีมุงไว้แทนพื้นห้องเป็นไม้ไหม้เกรียมบางส่วนมีรอยไฟไหม้ทะลุกว้าง 1 ศอก ยาว 1 วา ชั้นล่างขณะนี้ยังเปิดทำการค้าอยู่ตู้โชว์สินค้าอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้ตลอดแต่เดิม เดิมมีครัว 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมดทางเดินไปครัวจากพื้นชั้นสองก็ไหม้เกรียมรอดรองรับไว้ก็ไหม้เกรียม บันไดทางขึ้นจากชั้นล่างไปชั้น 2ไหม้หมด ประตูครัวชั้นล่างที่เปิดออกไปด้านหลังไหม้หมด เหลือแต่ลูกกรงเหล็กด้านข้างของทางเดินไปห้องครัวซึ่งเป็นฝาไม้ตรงช่องลมไหม้ครึ่งหนึ่ง ฝาไม้ชั้นล่างไม่ไหม้
ห้องพิพาทอีกห้องหนึ่งชั้น 2-3 ไฟไหม้หมดเหลือแต่พื้นไม้ชั้น 2 ไหม้เกรียม 50% และมีช่องโหว่กว้าง 3 นิ้วฟุต ยาว 2 ฟุตที่พื้นมีสังกะสีตีตะปูปิดไว้ กันน้ำฝนรั่วไหลโดยผู้เช่าทำไว้ ผนังด้านหน้าเป็นอิฐยังเหลืออยู่ มีรอยร้าวบ้าง ชั้นล่างอยู่ในสภาพเรียบร้อยตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้แต่เดิมตลอดบันไดชั้นล่างขึ้นไปชั้น 2 ไหม้หมด ครัวเดิมมี 2 ชั้นครัวชั้นบนไม้หมด ประตูห้องครัวชั้นล่างที่ออกไปด้านหลังไหม้หมด และไม่มีประตูลูกกรงเหล็ก ผนังครัวที่เป็นอิฐมีรอยร้าว ดังนี้ ถือว่าตึกพิพาทเกิดอัคคีภัยจนสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย และสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้ประกอบการค้าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันระงับไปตามสัญญาเช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องมีการชำระบัญชีเพื่อให้สภาพนิติบุคคลสิ้นสุดตามกฎหมาย
(1) สภาพของนิติบุคคลจำพวกห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนแล้ว จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการจดทะเบียนและจำสิ้นสภาพก็ด้วยการจดทะเบียน และกฎหมายได้บัญญัติให้ผู้ชำระบัญชีเป็นผู้จดทะเบียนเพื่อให้นิติบุคคลสิ้นสภาพไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการในมาตรา 1254,1270
(2) การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องมีการชำระบัญชี
(3) ความในมาตรา 1061 นั้น ใช้บังคับได้เฉพาะห้างหุ้นส่วนสามัญเท่านั้น จะใช้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ได้ เพราะมีหมวด 5 บัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว.
(ข้อ 2 ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2507).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกห้างหุ้นส่วนโดยไม่ชำระบัญชีและการสิ้นสภาพนิติบุคคลเมื่อไม่มีหนี้สิน
หุ้นส่วนขอจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยไม่ชำระบัญชี โดยอ้างว่าห้างหุ้นส่วนไม่มีหนี้สินและทรัพย์สินใด ๆ กันแล้ว นายทะเบียนได้จดทะเบียนเลิกห้างให้ ห้างหุ้นส่วนนั้นสิ้นสภาพนิติบุคคลนับตั้งแต่วันจดทะเบียน แม้ภายหลังปรากฎว่าห้างหุ้นส่วนนั้นไม่ได้ชำระบัญชี และยังมีหนี้สินอยู่ ก็ไม่ทำให้ห้างนั้นคงมีสภาพเป็นนิติบุคคลต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1663/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์บังคับคดีที่ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากไม่มีผู้รักษาทรัพย์ และการสิ้นสภาพของทรัพย์
ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระข้าวค่าเช่าหรือเงินแก่โจทก์จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานไปยึดทรัพย์(ข้าว) จำเลยแล้ว แต่การยึดขัดข้องเพราะโจทก์ไม่สามารถหาคนรักษา แทนที่โจทก์จะดำเนินการตามวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 303(2) เกี่ยวกับเรื่องยึดทรัพย์ โจทก์กลับยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ตำรวจเป็นผู้รักษาทรัพย์ต่อไป เมื่อตำรวจตอบขัดข้องเพราะกำลังไม่พอประกอบกับมีเหตุพอสันนิษฐานได้ว่าข้าวในนาจำเลยได้เก็บเกี่ยวไปหมดแล้วเช่นนี้ คดีของโจทก์ก็ไม่มีทางที่จะสั่งประการใดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10110/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสภาพนิติบุคคลของบริษัทจำกัดที่ถูกขีดชื่อออกจากทะเบียน และผลกระทบต่ออำนาจฟ้องคดีล้มละลาย
การที่นายทะเบียนขีดชื่อจำเลยที่ 1 ออกจากทะเบียน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1273/3 อันเป็นบทบัญญัติในหมวด 6 การถอนทะเบียนห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัดร้าง ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 18) พ.ศ.2551 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2551 เช่นนี้ การขีดชื่อบริษัทดังกล่าวออกจากทะเบียนย่อมเป็นไปตามมาตรา 1273/3 กล่าวคือ บริษัทนั้นสิ้นสภาพนิติบุคคลตั้งแต่เมื่อนายทะเบียนขีดชื่อบริษัทออกจากทะเบียนและบริษัทที่ถูกขีดชื่อจะกลับคืนฐานะนิติบุคคลอีกครั้งเมื่อศาลได้มีคำสั่งให้จดชื่อบริษัทกลับคืนเข้าสู่ทะเบียนตามมาตรา 1273/4 เมื่อปรากฏว่าในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีล้มละลายศาลยังไม่ได้มีคำสั่งให้จดชื่อจำเลยที่ 1 กลับคืนเข้าสู่ทะเบียน จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสภาพนิติบุคคลในขณะโจทก์ยื่นฟ้อง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 กรณีของจำเลยที่ 1 เป็นการถอนทะเบียนบริษัทจำกัดร้าง กรณีจึงต้องบังคับตามบทบัญญัติในหมวด 6 หาใช่เป็นการเลิกบริษัทแล้วต้องมีการชำระบัญชีตามบทบัญญัติในหมวด 4 ส่วนที่ 8 ซึ่งจะต้องดำเนินการชำระบัญชีตามบทบัญญัติในหมวด 5 แต่อย่างใดไม่
of 2