พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2907/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาททางจราจร: การเลี้ยวขวาที่สี่แยกต้องรอสัญญาณไฟลูกศรหรือไฟแดงก่อนจึงปลอดภัย
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 51 ข้อ 2(จ) ใช้บังคับแก่ผู้ขับขี่ในทางเดินรถโดยทั่วไปที่ทางเดินรถนั้นไม่มีสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรปรากฏอยู่ข้างหน้า เมื่อตรงสี่แยกที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุมีสัญญาณไฟจราจรเปิดอยู่ การที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าไม่มีสัญญาณไฟจราจรที่สี่แยกเกิดเหตุอันเป็นการขัดต่อพยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบในสำนวนและนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาปรับกับบทบัญญัติมาตรา 51 ข้อ 2(จ) อันเป็นการปรับบทกฎหมายที่มิชอบและเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดต่อกฎหมาย ศาลฎีกามีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่แล้วชี้ขาดตัดสินคดีไปตามนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 243(3)(ก) ประกอบมาตรา 247
สี่แยกที่เกิดเหตุมีสัญญาณไฟจราจรเปิดอยู่ เมื่อไม่มีสัญญาณจราจรไฟลูกศรสีเขียวชี้ให้เลี้ยวขวาในขณะเกิดเหตุจำเลยจึงไม่อาจเลี้ยวขวาได้ทันที โดยจำเลยจะต้องรอให้สัญญาณไฟจราจรทางตรงเป็นไฟแดงเสียก่อนแล้วเลี้ยวไปจึงจะปลอดภัยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 22(4) การที่จำเลยขับรถเลี้ยวขวาตัดหน้ารถยนต์ที่ จ. ขับในระยะกระชั้นชิดขณะที่ จ. ขับสวนทางมาในทางตรงตามสัญญาณไฟจราจรสีเขียวและชนกับรถยนต์ที่ จ. ขับ จำเลยจึงเป็นฝ่ายประมาท
สี่แยกที่เกิดเหตุมีสัญญาณไฟจราจรเปิดอยู่ เมื่อไม่มีสัญญาณจราจรไฟลูกศรสีเขียวชี้ให้เลี้ยวขวาในขณะเกิดเหตุจำเลยจึงไม่อาจเลี้ยวขวาได้ทันที โดยจำเลยจะต้องรอให้สัญญาณไฟจราจรทางตรงเป็นไฟแดงเสียก่อนแล้วเลี้ยวไปจึงจะปลอดภัยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 22(4) การที่จำเลยขับรถเลี้ยวขวาตัดหน้ารถยนต์ที่ จ. ขับในระยะกระชั้นชิดขณะที่ จ. ขับสวนทางมาในทางตรงตามสัญญาณไฟจราจรสีเขียวและชนกับรถยนต์ที่ จ. ขับ จำเลยจึงเป็นฝ่ายประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม การชนสี่แยก ความรับผิดทางละเมิด จำเลยให้การต่อสู้ได้
โจทก์ฟ้องความว่าจำเลยที่1กับโจทก์ต่างขับรถไปตามถนนคนละสายแต่ต่างมุ่งหน้าไปที่สี่แยกพระยาตรังซึ่งถนนทั้งสองสายจะต้องตัดผ่านจำเลยที่1ขับรถยนต์บรรทุกผ่านสี่แยกด้วยความเร็วสูงไม่ระมัดระวังจึงเป็นเหตุให้ชนกับรถจักรยานยนต์ที่โจทก์ขับมาด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎหมายคำฟ้องดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดแล้วว่าจำเลยที่1กับโจทก์ขับรถมาอย่างไรและเกิดชนกันอย่างไรทั้งจำเลยที่2สามารถให้การต่อสู้คดีได้โจทก์ไม่จำต้องกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายขับรถตามกันหรือสวนกันหรือต่างฝ่ายต่างจอดรอสัญญาณไฟหรือฝ่าฝืนสัญญาณไฟและชนกันในลักษณะอย่างไรซึ่งเป็นรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5463/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สี่แยกทางเอก: ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่ถึงก่อนผ่านก่อน หากฝ่าฝืนถือเป็นฝ่ายผิด
รถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับแล่นมาถึงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุก่อนรถยนต์คันที่ พ. ขับซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ พ.ย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1) โดยต้องให้รถคันที่จำเลยที่ 1 ขับ ผ่านไปเสียก่อนแต่ พ. กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว เป็นเหตุให้เกิดชนกันขึ้น พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1)เป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์จะปกป้องบุคคลอื่น ๆ พ.ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเช่นว่านั้นย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นฝ่ายผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 422
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5463/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สี่แยกทางเอก: ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่มาถึงก่อนผ่านก่อน ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ม.71(1) หากฝ่าฝืนถือเป็นฝ่ายผิด
รถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับแล่นมาถึงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุก่อนรถยนต์คันที่ พ.ขับซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้พ.ย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 71(1) โดยต้องให้รถคันที่จำเลยที่ 1 ขับ ผ่านไปเสียก่อนแต่ พ. กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว เป็นเหตุให้เกิดชนกันขึ้น พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1)เป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์จะปกป้องบุคคลอื่น ๆ พ.ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเช่นว่านั้นย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นฝ่ายผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 422
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2862/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถที่สี่แยก: ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรและเครื่องหมายหยุด หากไม่ปฏิบัติตามถือว่าประมาท
ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 นั้น บทบัญญัติมาตรา 55(4)และมาตรา 71(1)(2) ต้องอยู่ในเงื่อนไขของมาตรา 21 ดังนั้นเมื่อโจทก์ขับขี่รถมาถึงสี่แยกที่เกิดเหตุ โจทก์ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาจราจรและเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้ หากปรากฏว่าสี่แยกด้านที่โจทก์ขับขี่รถมามีป้ายสัญญาณจราจรให้หยุดเพื่อดูความปลอดภัย แต่โจทก์กลับขับขี่รถแล่นออกไปโดยไม่ได้หยุดและชนกับรถที่จำเลยที่ 1 ขับขี่แล่นผ่านสี่แยกจากอีกด้านหนึ่งด้วยความเร็วสูง แม้ว่าเป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 แต่ก็นับว่าโจทก์มีส่วนประมาทด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2689/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถบริเวณสี่แยกไม่มีสัญญาณไฟ ผู้ขับต้องรอให้รถที่ถึงก่อนผ่านไป
สี่แยกที่เกิดเหตุไม่มีสัญญาณไฟจราจร และรถของจำเลยกับรถของ ป. แล่นมาคนละทางแล้วชนกันตรงบริเวณสี่แยก ปรากฏว่ารถของ ป. แล่นมาถึงสี่แยกก่อน จำเลยจึงจะต้องหยุดหรือชะลอรถของจำเลยแล้วปล่อยให้รถของ ป.ผ่านไปก่อน แต่จำเลยกลับขับรถต่อไปจนเกิดเหตุชนกันขึ้น ดังนี้ ถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายขับรถโดยประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2689/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถบริเวณสี่แยกไม่มีสัญญาณไฟ ผู้ถึงก่อนมีสิทธิก่อน
สี่แยกที่เกิดเหตุไม่มีสัญญาณไฟจราจร และรถของจำเลยกับรถของ ป. แล่นมาคนละทางแล้วชนกันตรงบริเวณสี่แยก ปรากฏว่ารถของ ป. แล่นมาถึงสี่แยกก่อน จำเลยจึงจะต้องหยุดหรือชะลอรถของจำเลยแล้วปล่อยให้รถของ ป.ผ่านไปก่อน แต่จำเลยกลับขับรถต่อไปจนเกิดเหตุชนกันขึ้น ดังนี้ ถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายขับรถโดยประมาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3825/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถที่สี่แยกหมู่บ้าน การลดความเร็วและให้สัญญาณเสียงสำคัญต่อความปลอดภัย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถมาถึงสี่แยกก่อนจำเลยที่ 1 หรือขับรถผ่านสี่แยกจนตัวรถเลยถึงถึงกลางสี่แยกไปแล้ว แม้จำเลยที่ 2 จะขับรถอยู่ด้านซ้ายของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71(2)
การขับรถในกรณีที่ผู้ขับขี่ต่างขับรถอยู่ในถนนซอยในหมู่บ้านและกำลังจะผ่านสี่แยก ซึ่งทั้งสี่มุมเป็นบ้านพักอาศัยซึ่งรั้วบ้านสูงจนผู้ขับขี่ไม่สามารถเห็นรถที่อยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ผู้ขับขี่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 70 ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถเข้าใกล้ทางร่วม ทางแยกทางข้ามเส้นให้หยุดหรือวงเวียน ต้องลดความเร็วของรถ" ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ขับรถผ่านสี่แยกดังกล่าวโดยมิได้ลดความเร็วของรถและมิได้ให้แตรสัญญาณก่อนขับรถผ่านสี่แยก ทั้งที่บริเวณสี่แยก ไม่มีเครื่องหมายการจราจร และไม่สามารถเห็นรถซึ่งอยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ถือว่าเป็นการขับรถโดยประมาท เมื่อรถซึ่งจำเลยที่ 2ขับชนกับรถซึ่งจำเลยที่ 1 ขับตรงสี่แยกเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 ย่อมมีความผิด
การขับรถในกรณีที่ผู้ขับขี่ต่างขับรถอยู่ในถนนซอยในหมู่บ้านและกำลังจะผ่านสี่แยก ซึ่งทั้งสี่มุมเป็นบ้านพักอาศัยซึ่งรั้วบ้านสูงจนผู้ขับขี่ไม่สามารถเห็นรถที่อยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ผู้ขับขี่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 70 ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถเข้าใกล้ทางร่วม ทางแยกทางข้ามเส้นให้หยุดหรือวงเวียน ต้องลดความเร็วของรถ" ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ขับรถผ่านสี่แยกดังกล่าวโดยมิได้ลดความเร็วของรถและมิได้ให้แตรสัญญาณก่อนขับรถผ่านสี่แยก ทั้งที่บริเวณสี่แยก ไม่มีเครื่องหมายการจราจร และไม่สามารถเห็นรถซึ่งอยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ถือว่าเป็นการขับรถโดยประมาท เมื่อรถซึ่งจำเลยที่ 2ขับชนกับรถซึ่งจำเลยที่ 1 ขับตรงสี่แยกเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 ย่อมมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3825/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถที่สี่แยก การลดความเร็วและให้สัญญาณเสียงเพื่อความปลอดภัย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถมาถึงสี่แยกก่อน จำเลยที่1หรือขับรถผ่านสี่แยกจนตัวรถเลยถึงถึงกลางสี่แยกไปแล้ว แม้จำเลยที่ 2 จะขับรถอยู่ด้านซ้ายของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 71(2) การขับรถในกรณีที่ผู้ขับขี่ต่างขับรถอยู่ในถนนซอยในหมู่บ้าน และกำลังจะผ่านสี่แยก ซึ่งทั้งสี่มุมเป็นบ้านพักอาศัยซึ่งรั้วบ้านสูง จนผู้ขับขี่ไม่สามารถเห็นรถที่อยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ผู้ขับขี่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 70ซึ่งบัญญัติว่า 'ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถเข้าใกล้ทางร่วม ทางแยกทางข้ามเส้นให้หยุดหรือวงเวียน ต้องลดความเร็วของรถ'ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ขับรถผ่านสี่แยกดังกล่าวโดยมิได้ลดความเร็ว ของรถและมิได้ให้แตรสัญญาณก่อนขับรถผ่านสี่แยกทั้งที่บริเวณสี่แยก ไม่มีเครื่องหมายการจราจรและไม่สามารถเห็นรถซึ่งอยู่ในทางร่วมทางแยก ด้านอื่น ถือว่าเป็นการขับรถโดยประมาทเมื่อรถซึ่งจำเลยที่ 2ขับชนกับรถ ซึ่งจำเลยที่1ขับตรงสี่แยกเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย และถึงแก่ความตาย จำเลยที่2 ย่อมมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 722/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถที่สี่แยกและการรับผิดในทางการที่จ้าง แม้เปลี่ยนเส้นทาง
แม้ตรงสี่แยกในทางของรถคันหนึ่งจะมีป้ายให้หยุดก็ตามแต่เมื่อไม่มีรถอื่นในทางสายที่ตัดผ่านหน้า หรือหากมีแต่ยังอยู่ในระยะห่างแล้ว รถคันที่อยู่ในทางป้ายให้หยุดก็ไม่จำต้องรอให้รถอื่นนั้นผ่านไปเสียก่อนในเมื่อเห็นว่าจะผ่านไปได้โดยปลอดภัย
การที่ลูกจ้างขับรถยนต์ไปส่งของตามคำสั่งของนายจ้างเสร็จแล้วขับรถไปธุระส่วนตัวโดยนายจ้างไม่ทราบ จากนั้นจึงขับรถจะกลับมาที่ร้านนายจ้างโดยเปลี่ยนเส้นทางขากลับระหว่างทางไปชนรถของผู้อื่นเสียหายซึ่งเป็นการละเมิดเช่นนี้ ถือว่ายังเป็นการกระทำในทางการที่จ้าง
การที่ลูกจ้างขับรถยนต์ไปส่งของตามคำสั่งของนายจ้างเสร็จแล้วขับรถไปธุระส่วนตัวโดยนายจ้างไม่ทราบ จากนั้นจึงขับรถจะกลับมาที่ร้านนายจ้างโดยเปลี่ยนเส้นทางขากลับระหว่างทางไปชนรถของผู้อื่นเสียหายซึ่งเป็นการละเมิดเช่นนี้ ถือว่ายังเป็นการกระทำในทางการที่จ้าง