คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หักเงินเดือน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2554/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อผิดนัด & ค้ำประกัน: เจ้าหนี้มีสิทธิหักเงินเดือนผู้ค้ำประกันได้
สัญญาเช่าซื้อที่ ส. ทำไว้ต่อจำเลยซึ่งโจทก์เป็นผู้ค้ำประกันอย่างลูกหนี้ร่วมได้กำหนดเวลาชำระราคาค่าเช่าซื้อเป็นรายเดือนติดต่อกันทุกวันสุดท้ายของเดือนรวม 18 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนที่ระบุไว้ อันเป็นการกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้แน่นอนแล้ว เมื่อ ส. ไม่ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อตามกำหนดเวลาดังกล่าวจึงได้ชื่อว่าตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนเลย จำเลยชอบที่จะเรียกให้โจทก์ชำระหนี้ได้นับแต่ ส. ผิดนัด แม้ตามสัญญาค้ำประกันสัญญาเช่าซื้อระบุว่า หาก ส.ยังมีเงินพึงได้จากจำเลย จำเลยต้องหักเงินค่าเช่าซื้อจากรายได้ของ ส.หากไม่สามารถหักได้ส. มีหน้าที่ต้องนำเงินค่าเช่าซื้อไปชำระ ถ้าไม่ชำระจึงจะได้ชื่อว่าส. ตกเป็นผู้ผิดนัดก็ตาม ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นเพียงข้อตกลงเกี่ยวกับวิธีการชำระหนี้ระหว่าง ส. และจำเลยเท่านั้น เมื่อกำหนดเวลาชำระหนี้คงเป็นไปตามสัญญาเช่าซื้อซึ่ง ส. จะต้องชำระหนี้ตามกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ เมื่อส.ไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาส. ย่อมตกเป็นผู้ผิดนัด และตามสัญญาค้ำประกันระบุไว้ว่า ถ้า ส.ผู้เช่าซื้อผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่งผู้ค้ำประกันยอมชำระหนี้ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระอยู่ โดยยอมให้หักจากเงินรายได้ทุกประเภทของโจทก์ที่จะพึงได้รับจากจำเลยเป็นรายเดือนติดต่อกันทุกเดือนในอัตราและจำนวนเดือนแทนผู้เช่าซื้อได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบล่วงหน้า ฉะนั้นจำเลยจึงมีสิทธิหักเงินเดือนของโจทก์ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อที่ ส. ค้างชำระได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6328/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอเฉลี่ยทรัพย์ในกรณีสัญญาประนีประนอมยอมความและการหักเงินเดือนชำระหนี้
เงินที่ผู้ร้องขอเฉลี่ยเป็นเงินที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาลโดยจำเลยยอมให้การรถไฟแห่งประเทศไทยมอบหรือหักเงินเดือนของจำเลยทุกเดือน เดือนละ 5,000 บาทชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนกว่าจะครบ หลังจาก ศาลพิพากษาตามยอม โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีหนังสือแจ้งให้การรถไฟแห่งประเทศไทยหักเงินเดือนของจำเลยส่งมา ดังนั้นเงินจำนวนดังกล่าวจึงเป็นเงินที่การรถไฟแห่งประเทศไทยส่งไปยังศาลเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ มิใช่เงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินเดือนของจำเลยไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3793/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้หักเงินเดือนชดใช้หนี้ ไม่ใช่การโอนสิทธิเรียกร้อง สิทธิรับเงินเดือนข้าราชการโอนไม่ได้
บุคคลภายนอกทำหนังสือยินยอมให้หักเงินเดือนส่งใช้หนี้แก่จำเลย มีผลเท่ากับมอบอำนาจให้จำเลยรับเงินเดือนแทน ไม่ใช่การโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่จำเลย เพราะสิทธิรับเงินเดือนของข้าราชการโอนกันไม่ได้ โจทก์จึงขออายัดเงินตามหนังสือยินยอมดังกล่าวไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาในคดีแรงงาน การหักเงินเดือนเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย
การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ห้ามจำเลยหักเงินเดือนของโจทก์ไว้ก่อนมีคำพิพากษา เป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยกระทำต่อไปซึ่งการกระทำที่ถูกฟ้องร้อง อันโจทก์อาจยื่นคำร้องขอได้ตามกฎหมาย เมื่อคำฟ้องของโจทก์มีเหตุสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 (2) มาใช้ได้ และตามคำฟ้อง คำให้การ คำร้องและคำคัดค้านของโจทก์จำเลยรับกัน ข้อเท็จจริงได้ความครบถ้วนตามมาตรา 255 (1) (2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว ศาลฎีกาสั่งห้ามจำเลยหักเงินเดือนโจทก์เพื่อชดใช้ค่าเสียหายเป็นการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนให้ศาลแรงงานกลางทำการไต่สวนพยานหลักฐานของคู่ความต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฝ่ายเดียวในการยินยอมให้หักเงินเดือน: สิทธิของนายจ้างในการชดใช้ค่าเสียหายจากลูกจ้าง
โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยได้ยินยอมลงชื่อในเอกสารที่มีใจความว่าโจทก์สัญญาว่าจะไม่ประพฤติการต่าง ๆ ให้เป็นที่เสียหายต่อจำเลย หากทำให้จำเลยเสียหายยอมให้จำเลยหักเอาจากเงินที่โจทก์มีสิทธิได้รับจากจำเลยได้ ไม่มีข้อความตอนใดที่แสดงว่าโจทก์จะเรียกร้องสิ่งใดจากจำเลยได้บ้าง และไม่มีกฎหมายบังคับว่าความยินยอมของลูกจ้างเช่นนี้จะต้องทำตามแบบอย่างไร ดังนั้นเพียงแต่โจทก์แสดงเจตนาฝ่ายเดียวก็เป็นการเพียงพอที่จะทำให้จำเลยมีสิทธิหักเงินเดือนของโจทก์มาชดใช้เงินค่าอาหารและค่าอุปกรณ์การเรียนของบุตรที่โจทก์เบิกไปโดยไม่มีสิทธิได้ โดยจำเลยไม่จำเป็นต้องลงชื่อในเอกสารดังกล่าวด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3478/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกคืนเงินช่วยเหลือการศึกษาที่ไม่ถูกต้อง และการหักเงินเดือนชดใช้ ไม่ขัดต่อกฎหมายแรงงาน
โจทก์เป็นพนักงานธนาคารออมสิน จำเลยได้เบิกเงินค่าเล่าเรียนจากจำเลยไปโดยไม่มีสิทธิ จำเลยย่อมมีสิทธิเรียกคืนได้ตามระเบียบวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุตรและการยืมเงินทดรองสิทธิเรียกร้องเงินของจำเลยที่จ่ายให้โจทก์ไปโดยไม่ถูกต้องดังกล่าวคืนนั้นไม่ใช่สิทธิเรียกร้องที่ยังมีข้อต่อสู้อยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 344 จำเลยมีสิทธิหักเงินเดือนโจทก์เพื่อชดใช้เงินซึ่งโจทก์เบิกไปโดยมิชอบได้ไม่ขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2478/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักเงินเดือนชดใช้หนี้จากการเบียดบังยักยอก และสิทธิในการฟ้องแย้งเรียกเงินคืนจากนายจ้าง
บริษัทโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพนักงานของโจทก์ได้เบียดบังยักยอกเอาเงินของโจทก์ไป โจทก์ได้หักเงินเดือน เงินโบนัส และเงินสะสม ซึ่งจำเลยที่ 1 มีสิทธิได้จากโจทก์เอาชำระหนี้บางส่วนแล้ว จึงขอให้ชำระเงินที่เหลือให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธว่ามิได้เบียดบังยักยอกเงินของโจทก์ คดีจึงมีประเด็นจะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ได้เบียดบังยักยอกเงินของโจทก์หรือไม่ เป็นจำนวนเท่าใด ที่จำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งขอให้บังคับให้โจทก์ส่งมอบคืนเงินของจำเลยที่ 1 ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องว่าเป็นของจำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์หักเอาไว้ชำระหนี้นั้นจึงเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณา ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์จ่ายเงินชดเชยให้จำเลยที่ 1 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 6) และคืนเงินที่จำเลยที่ 1 ได้วางเป็นประกันกับโจทก์ก่อนเข้ารับตำแหน่งเป็นพนักงานขายปลีกของโจทก์นั้น เป็นเรื่องที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 มีสิทธิได้รับเงินชดเชยจากโจทก์หรือไม่เป็นจำนวนเท่าใด จำเลยที่ 1 ได้วางเงินประกันไว้กับโจทก์หรือไม่เป็นจำนวนเท่าใด ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมจึงไม่รับฟ้องแย้งส่วนนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2478/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักเงินเดือนชำระหนี้จากการเบียดบังยักยอก และสิทธิเรียกร้องเงินชดเชยจากนายจ้าง ฟ้องแย้งเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
บริษัทโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพนักงานของโจทก์ได้เบียดบังยักยอกเอาเงินของโจทก์ไป โจทก์ได้หักเงินเดือน เงินโบนัส และเงินสะสม ซึ่งจำเลยที่ 1 มีสิทธิได้จากโจทก์เอาชำระหนี้บางส่วนแล้ว จึงขอให้ชำระเงินที่เหลือให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธว่ามิได้เบียดบังยักยอกเงินของโจทก์ คดีจึงมีประเด็นจะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ได้เบียดบังยักยอกเงินของโจทก์หรือไม่ เป็นจำนวนเท่าใด ที่จำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งขอให้บังคับให้โจทก์ส่งมอบคืนเงินของจำเลยที่ 1 ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องว่าเป็นของจำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์หักเอาไว้ชำระหนี้นั้นจึงเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณา ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์จ่ายเงินชดเชยให้จำเลยที่ 1 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 6) และคืนเงินที่จำเลยที่ 1ได้วางเป็นประกันกับโจทก์ก่อนเข้ารับตำแหน่งเป็นพนักงานขายปลีกของโจทก์นั้น เป็นเรื่องที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 มีสิทธิได้รับเงินชดเชยจากโจทก์หรือไม่เป็นจำนวนเท่าใด จำเลยที่ 1 ได้วางเงินประกันไว้กับโจทก์หรือไม่เป็นจำนวนเท่าใด ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมจึงไม่รับฟ้องแย้งส่วนนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงเงินยืมราชการเป็นความผิดอาญา แม้มีการหักเงินเดือนคืน
การที่จำเลยร่วมกันแสดงข้อความอันเป็นเท็จ เป็นเหตุให้ได้เงินยืมของทางราชการไป อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาโดยครบถ้วนแล้ว การที่จำเลยทำสัญญายืมเงินให้กรมตำรวจไว้ตามระเบียบ ตลอดจนเมื่อเรื่องปรากฏความจริงขึ้น และจำเลยมิได้ส่งใช้เงินคืนกรมตำรวจ กรมตำรวจจึงได้หักเงินเดือนจำเลยใช้เงินยืม ก็เป็นเรื่องภายหลัง การที่หลอกลวงได้รับเงินยืมสำเร็จไปก่อนแล้ว เมื่อเรื่องปรากฏความจริงขึ้นภายหลัง กรมตำรวจจึงถือปฏิบัติไปตามสัญญายืมอันเป็นความรับผิดที่จำเลยมีอยู่ในทางแพ่งควบคู่กับความรับผิดทางอาญา หาทำให้การที่จำเลยร่วมกระทำผิดทางอาญากลับไม่เป็นความผิดไปอีกไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 806/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้: จำเลยมีสิทธิตามสัญญา แม้ไม่ฟ้องแย้ง
โจทก์พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีฟ้องบังคับให้เทศบาลจำเลยจ่ายเงินเดือนเงินสะสมและค่าป่วยการสมาชิกสภาเทศบาลซึ่งโจทก์มีสิทธิจะได้รับ จำเลยให้การและแถลงว่าการที่ไม่จ่ายเงินตามฟ้องให้โจทก์เพราะโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ตามใบยืม โดยมีข้อสัญยากันไว้ว่าในการยืมเงิน ถ้าไม่ใช้ก็ยมอให้หักเงินเดือนหรือเงินอื่นใดของผู้ยืมใช้จนครบได้ โจทก์แถลงรับว่าได้มีข้อสัญญาระบุความตกลงยินยอมกันไว้เช่นนั้นจริง แต่เถียงว่าได้ชำระหนี้สินแก่จำเลยหมดแล้วแม่มีติดค้าง ดังนี้ ถ้าหากโจทก์ยังมีหนี้สินติดอยู่จริงดังจำเลยต่อสู้ จำเลยย่อมมีสิทธิตามสัญญาที่จะหัดเงินตามฟ้องเพื่อชำระาหนี้ได้หาจำต้องฟ้องแย้งขอหักหนี้เข้ามาอีกไม่
of 2