พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1163/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแยกความผิดฐานครอบครองอีเฟดรีนและเมทแอมเฟตามีนผสม: ศาลฎีกาชี้ขาดการลงโทษกรรมเดียว
จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกมีอีเฟดรีนจำนวน 1,273 เม็ด อันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อขาย และเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด เป็นการกระทำความผิดต่อ พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ฯ และเป็นการกระทำกรรมเดียวอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งมีอัตราโทษเท่ากัน ต้องรับโทษฐานร่วมกันมีอีเฟดรีนไว้ในครอบครองเพื่อขาย กระทงหนึ่งแล้ว ส่วนของกลางอีกจำนวน 727 เม็ด ซึ่งเป็นอีเฟดรีนผสมอยู่กับเมทแอมเฟตามีนนั้น แม้ผลการตรวจพิสูจน์จะสามารถคำนวณน้ำหนักสารบริสุทธิ์ของอีเฟดรีนและเมทแอมเฟตามีนแยกต่างหากออกจากกันได้ แต่การที่ของกลางแต่ละเม็ดเป็นเมทแอมเฟตามีนผสมด้วยอีเฟดรีนก็เพื่อวัตถุประสงค์ให้เป็นเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เมทแอมเฟตามีนที่มีอีเฟดรีนผสมอยู่จึงเป็นวัตถุอันเดียว การร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อขายและเพื่อจำหน่ายซึ่งอีเฟดรีนผสมอยู่กับเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ. มาตรา 90
เงื่อนไขที่เป็นองค์ประกอบความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฯ มาตรา 15 วรรคสอง ตามกฎหมายเดิมเป็นคุณแก่จำเลยที่ 2 มากกว่ามาตรา 15 วรรคสาม (2) ของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฯ ที่แก้ไขใหม่ กรณีบทความผิดดังกล่าวจึงต้องใช้กฎหมายเดิมซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับ ตาม ป.อ. มาตรา 3
เงื่อนไขที่เป็นองค์ประกอบความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฯ มาตรา 15 วรรคสอง ตามกฎหมายเดิมเป็นคุณแก่จำเลยที่ 2 มากกว่ามาตรา 15 วรรคสาม (2) ของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฯ ที่แก้ไขใหม่ กรณีบทความผิดดังกล่าวจึงต้องใช้กฎหมายเดิมซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับ ตาม ป.อ. มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2710/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีน: มีไว้เพื่อจำหน่าย พิจารณาจากปริมาณทรัพย์สินและพฤติการณ์
++ เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ++
++ ความผิดต่อพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
++ ความผิดต่อพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ++
++
++ ทดสอบการทำงานในระบบ CW เพื่อค้นหาข้อมูลทาง online ++
++ ย่อข้อกฎหมายอย่างไม่เป็นทางการ
++ พิมพ์จากสำเนาชุดพิเศษ ++
++
++
++ เมทแอมเฟตามีนที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้เป็นของกลางนอกจากจะบรรจุไว้ในซองพลาสติก ซึ่งมีลักษณะแบ่งแยกไว้จำเพาะแล้ว และยังมีจำนวนถึง 1,140 เม็ด มากเกินกว่าที่จำเลยจะนำมาเสพเอง ส่วนอีเฟดรีนก็มีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม ถือว่าเป็นจำนวนมาก และยังเป็นวัตถุดิบที่ใช้สำหรับผลิตเมทแอมเฟตามีนอีกด้วย ของกลางทั้งสองรายการล้วนเป็นของผิดกฎหมายส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีวัตถุประสงค์จะนำไปใช้ในทางไม่สุจริต โดยเฉพาะอีเฟดรีนที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้นั้นส่วนหนึ่งอยู่ในถุงพลาสติกซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสีดำสำหรับใช้สะพายรวมอยู่ด้วยกับอาวุธปืนของจำเลย จากโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอน และอีเฟดรีนอีกส่วนหนึ่งอยู่ในกล่องกระดาษบรรจุในถุงหิ้วได้มาจากโซฟานอกห้องนอน ดังนี้ อีเฟดรีนทั้งสองจำนวน จำเลยย่อมรู้เห็นเพราะอยู่ในวิสัยที่จำเลยสามารถค้นหาพบอย่างง่ายดาย เจ้าพนักงานตำรวจยังได้ยึดทรัพย์สินอย่างอื่นของจำเลยอีกจำนวนมาก อาทิ รถยนต์ 4 คัน นาฬิกาข้อมือ ฝังเพชร สร้อยคอทองคำฝังเพชร และแหวนทองคำ เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็นทรัพย์สินที่มีค่าและราคาแพงตลอดทั้งมีสมุดฝากเงินของธนาคารถึง 5 แห่ง กับบันทึกข้อความสั่งให้จ่ายเงินนับสิบล้านบาท เก็บซุกซ่อนอยู่ในห้องพักคอนโดมิเนียมที่จำเลยเช่าอยู่กับภริยาลำพัง2 คน หรือรถยนต์ราคาแพงที่จอดไว้ที่ลานจอดรถ ทรัพย์สินเหล่านั้นทั้งหมดเมื่อมาเปรียบเทียบกับอาชีพการงานของจำเลยเกินกว่าฐานะตามที่ควรจะเป็น ส่อแสดงให้เห็นว่าการได้มาซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวมีพิรุธและไม่สุจริต พฤติการณ์ดังที่กล่าวมาเบื้องต้นและจากการสืบทราบของเจ้าพนักงานตำรวจว่าจำเลยมีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ย่อมมีน้ำหนักมั่นคงฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนของกลางไว้เพื่อจำหน่าย โจทก์หาจำต้องมีประจักษ์พยานให้เห็นว่า จำเลยเป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดให้โทษมาก่อนเกิดเหตุไม่
โทรศัพท์เคลื่อนที่และวิทยุติดตามตัวของกลาง จำเลยได้นำมาใช้เป็นอุปกรณ์สื่อสารให้ได้รับผลในการกระทำความผิดนอกเหนือจากการใช้สื่อสารตามปกติธุระของจำเลย ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 29, 30 ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจให้ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่และวิทยุติดตามตัวของกลางเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชอบแล้ว
++ ความผิดต่อพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
++ ความผิดต่อพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ++
++
++ ทดสอบการทำงานในระบบ CW เพื่อค้นหาข้อมูลทาง online ++
++ ย่อข้อกฎหมายอย่างไม่เป็นทางการ
++ พิมพ์จากสำเนาชุดพิเศษ ++
++
++
++ เมทแอมเฟตามีนที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้เป็นของกลางนอกจากจะบรรจุไว้ในซองพลาสติก ซึ่งมีลักษณะแบ่งแยกไว้จำเพาะแล้ว และยังมีจำนวนถึง 1,140 เม็ด มากเกินกว่าที่จำเลยจะนำมาเสพเอง ส่วนอีเฟดรีนก็มีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม ถือว่าเป็นจำนวนมาก และยังเป็นวัตถุดิบที่ใช้สำหรับผลิตเมทแอมเฟตามีนอีกด้วย ของกลางทั้งสองรายการล้วนเป็นของผิดกฎหมายส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีวัตถุประสงค์จะนำไปใช้ในทางไม่สุจริต โดยเฉพาะอีเฟดรีนที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้นั้นส่วนหนึ่งอยู่ในถุงพลาสติกซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสีดำสำหรับใช้สะพายรวมอยู่ด้วยกับอาวุธปืนของจำเลย จากโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอน และอีเฟดรีนอีกส่วนหนึ่งอยู่ในกล่องกระดาษบรรจุในถุงหิ้วได้มาจากโซฟานอกห้องนอน ดังนี้ อีเฟดรีนทั้งสองจำนวน จำเลยย่อมรู้เห็นเพราะอยู่ในวิสัยที่จำเลยสามารถค้นหาพบอย่างง่ายดาย เจ้าพนักงานตำรวจยังได้ยึดทรัพย์สินอย่างอื่นของจำเลยอีกจำนวนมาก อาทิ รถยนต์ 4 คัน นาฬิกาข้อมือ ฝังเพชร สร้อยคอทองคำฝังเพชร และแหวนทองคำ เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็นทรัพย์สินที่มีค่าและราคาแพงตลอดทั้งมีสมุดฝากเงินของธนาคารถึง 5 แห่ง กับบันทึกข้อความสั่งให้จ่ายเงินนับสิบล้านบาท เก็บซุกซ่อนอยู่ในห้องพักคอนโดมิเนียมที่จำเลยเช่าอยู่กับภริยาลำพัง2 คน หรือรถยนต์ราคาแพงที่จอดไว้ที่ลานจอดรถ ทรัพย์สินเหล่านั้นทั้งหมดเมื่อมาเปรียบเทียบกับอาชีพการงานของจำเลยเกินกว่าฐานะตามที่ควรจะเป็น ส่อแสดงให้เห็นว่าการได้มาซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวมีพิรุธและไม่สุจริต พฤติการณ์ดังที่กล่าวมาเบื้องต้นและจากการสืบทราบของเจ้าพนักงานตำรวจว่าจำเลยมีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ย่อมมีน้ำหนักมั่นคงฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนของกลางไว้เพื่อจำหน่าย โจทก์หาจำต้องมีประจักษ์พยานให้เห็นว่า จำเลยเป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดให้โทษมาก่อนเกิดเหตุไม่
โทรศัพท์เคลื่อนที่และวิทยุติดตามตัวของกลาง จำเลยได้นำมาใช้เป็นอุปกรณ์สื่อสารให้ได้รับผลในการกระทำความผิดนอกเหนือจากการใช้สื่อสารตามปกติธุระของจำเลย ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 29, 30 ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจให้ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่และวิทยุติดตามตัวของกลางเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6617/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีเฮโรอีนและอีเฟดรีนครอบครอง: วัตถุผสมเป็นอันเดียวกัน ความผิดกรรมเดียว
เฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ของกลางทั้ง2ก้อนแต่ละก้อนถูกผสมด้วยอีเฟดรีนบางส่วนเข้าด้วย จึงเป็นวัตถุอันเดียวกัน การที่จำเลยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์และอีเฟดรีนดังกล่าวเป็นการกระทำคราวเดียวกัน หาใช่เป็นความผิดหลายกรรมไม่ ต้องลงโทษฐานมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท - การผลิตและครอบครองอีเฟดรีนเพื่อขาย - ไม่เป็นฟ้องซ้ำ - คำรับสารภาพไม่เป็นประโยชน์
จำเลยผลิตอีเฟดรีนและมีอีเฟดรีนที่ได้ผลิตขึ้นตามฟ้องไว้ในครอบครองเพื่อขาย เมื่ออีเฟดรีนที่จำเลยกับพวกร่วมกันผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายเป็นจำนวนเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันขายยาอีเฟดรีนผสมคาเฟอีนจำนวน 30,394 เม็ด อันเป็นยาแผนปัจจุบัน และเป็นยาอันตรายที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาตามกฎหมาย เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 มาตรา4, 12, 72, 79, 101, 122, 126 ซึ่งแตกต่างจากคดีนี้ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานผลิตและขายอีเฟดรีน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เป็นความผิดตามพ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 4, 5, 6, 13 ทวิ,62, 89, 106, 116 อันมีองค์ประกอบของความผิดแตกต่างกัน และของกลางก็เป็นคนละจำนวนกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อโจทก์มีทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร รวมทั้งวัตถุพยานพอรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม คำรับของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ศาลในการพิจารณา จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันขายยาอีเฟดรีนผสมคาเฟอีนจำนวน 30,394 เม็ด อันเป็นยาแผนปัจจุบัน และเป็นยาอันตรายที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาตามกฎหมาย เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 มาตรา4, 12, 72, 79, 101, 122, 126 ซึ่งแตกต่างจากคดีนี้ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานผลิตและขายอีเฟดรีน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เป็นความผิดตามพ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 4, 5, 6, 13 ทวิ,62, 89, 106, 116 อันมีองค์ประกอบของความผิดแตกต่างกัน และของกลางก็เป็นคนละจำนวนกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อโจทก์มีทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร รวมทั้งวัตถุพยานพอรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม คำรับของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ศาลในการพิจารณา จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท-ฟ้องซ้ำ: คดีอีเฟดรีน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันขายอีเฟดรีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยการร่วมกันมีอีเฟดรีนที่จำเลยกับพวกร่วมกันผลิตจำนวนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อขาย จำหน่าย จ่าย แจกให้แก่ผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่และไม่ได้รับการยกเว้นใด ๆ ตามกฎหมาย เมื่ออีเฟดรีน ที่จำเลยกับพวกร่วมกันผลิตและมีไว้ในครอบครอง เพื่อขายเป็นจำนวนเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็น ความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันขายยาอีเฟดรีนผสมคาเฟอีน อันเป็นยาแผนปัจจุบันและเป็นยาอันตรายที่มิได้ ขึ้นทะเบียนตำรับยาตามกฎหมายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ซึ่งแตกต่างจากคดีนี้ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ฐานผลิตและขายอีเฟดรีน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 อันมีองค์ประกอบของความผิดแตกต่างกันและของกลาง ก็เป็นคนละจำนวนกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท - อีเฟดรีน - ฟ้องซ้ำ - คำรับในชั้นจับกุม
จำเลยผลิตอีเฟดรีนและมีอีเฟดรีน ที่ได้ผลิตขึ้นตามฟ้อง ไว้ในครอบครองเพื่อขาย เมื่ออีเฟดรีน ที่จำเลยกับพวกร่วมกัน ผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายเป็นจำนวนเดียวกัน การกระทำ ของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันขายยา อีเฟดรีนผสมคาเฟอีน จำนวน 30,394 เม็ด อันเป็นยาแผนปัจจุบัน และเป็นยาอันตรายที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาตาม กฎหมาย เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 4,12,72,79,101,122,126 ซึ่งแตกต่างจากคดีนี้ ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานผลิตและขายอีเฟดรีน ซึ่ง เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4,5,6,13 ทวิ,62,89,106,116 อันมีองค์ประกอบของความผิด แตกต่างกัน และของกลางก็เป็นคนละจำนวนกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้ จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ เมื่อโจทก์มีทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร รวมทั้งวัตถุ พยานพอรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด แม้จำเลย จะให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม คำรับของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์ แก่ศาลในการพิจารณา จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5176/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนเพื่อจำหน่าย และความผิดกรรมเดียวจากยาเสพติดประเภท 1
การมีเมทแอมเฟตามีน2,000เม็ดและอีเฟดรีน 4,600 เม็ด โดยไม่ปรากฏเหตุผลความจำเป็นอย่างอื่น ผิดปกติวิสัยที่จะมีไว้เพื่อเสพเอง ทั้งมีการแบ่งบรรจุในถุงพลาสติก4 ถุง ถุงละ 200 เม็ด เท่า ๆ กัน ประกอบกับในขณะจับกุมจำเลยที่ 1 รับสารภาพว่ามีวัตถุออกฤทธิ์ไว้เพื่อขาย จึงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีน ไว้เพื่อขายจริง
ในระหว่างพิจารณาคดีมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขบังคับใช้แล้วและมีผลให้เมทแอมเฟตามีนไม่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อไป แต่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน ไว้ในครอบครองเกินปริมาณเพื่อขาย และมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกันจับได้พร้อมกัน แม้วัตถุแห่งการกระทำความผิดต่างชนิดกันแต่ก็เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ด้วยกัน จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
ความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 มีโทษหนักกว่าความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อขายตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 89 ดังนั้นจึงต้องนำกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิดซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยลงโทษแก่จำเลยทั้งสอง
การมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนไว้ในครอบครองเพื่อขายในขณะเดียวกันย่อมเป็นความผิดกรรมเดียว และเป็นกรรมเดียวกับการมีไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีกำหนด
ในระหว่างพิจารณาคดีมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขบังคับใช้แล้วและมีผลให้เมทแอมเฟตามีนไม่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อไป แต่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน ไว้ในครอบครองเกินปริมาณเพื่อขาย และมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกันจับได้พร้อมกัน แม้วัตถุแห่งการกระทำความผิดต่างชนิดกันแต่ก็เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ด้วยกัน จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
ความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 มีโทษหนักกว่าความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อขายตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 89 ดังนั้นจึงต้องนำกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิดซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยลงโทษแก่จำเลยทั้งสอง
การมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนไว้ในครอบครองเพื่อขายในขณะเดียวกันย่อมเป็นความผิดกรรมเดียว และเป็นกรรมเดียวกับการมีไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีกำหนด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6707/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนผสมอีเฟดรีนเป็นกรรมเดียว
จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 780 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และได้จำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไปทั้งหมด เจ้าพนักงานตำรวจจับได้พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนทั้งหมดเป็นของกลาง ผลการตรวจพิสูจน์ของกลางทั้ง 780เม็ด พบว่ามีปริมาณเมทแอมเฟตามีนคำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 10.783 กรัมและมีปริมาณอีเฟดรีนคำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 0.618 กรัม โดยของกลางแต่ละเม็ดมีส่วนผสมของเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีน ดังนี้ เมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งหมดแต่ละเม็ดถูกผสมด้วยอีเฟดรีนบางส่วนก็เพื่อวัตถุประสงค์ให้เป็นเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เมทแอมเฟตามีนที่มีอีเฟดรีนผสมอยู่จึงเป็นวัตถุอันเดียว การที่จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไปเป็นการกระทำคราวเดียวกัน จึงเป็นการกระทำผิดเพียงกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6707/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติดผสม (เมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีน) ถือเป็นกรรมเดียว แม้มีส่วนผสมหลายชนิด
จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 780 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และได้จำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไปทั้งหมดเจ้าพนักงานตำรวจจับได้พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนทั้งหมดเป็นของกลาง ผลการตรวจพิสูจน์ของกลางทั้ง 780 เม็ดพบว่ามีปริมาณเมทแอมเฟตามีนคำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 10.783 กรัม และมีปริมาณอีเฟดรีนคำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 0.618 กรัม โดยของกลางแต่ละเม็ดมีส่วนผสมของเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีน ดังนี้ เมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งหมดแต่ละเม็ดถูกผสมด้วยอีเฟดรีนบางส่วนก็เพื่อวัตถุประสงค์ให้เป็นเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เมทแอมเฟตามีนที่มีอีเฟดรีนผสมอยู่จึงเป็นวัตถุอันเดียว การที่จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไปเป็นการกระทำคราวเดียวกัน จึงเป็นการกระทำผิด เพียงกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5891/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 เมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีวัตถุแห่งการกระทำความผิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตในวาระเดียวกันและจับได้พร้อมกันแม้วัตถุแห่งการกระทำความผิดต่างชนิดกันแต่ต่างก็เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนจึงเป็นความผิดต่อบทกฎหมายมาตราเดียวกันตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา6,62วรรคหนึ่ง,106วรรคหนึ่งจึงต้องลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนเพียงกรรมเดียว ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง