พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4136/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีทหารกองเกินหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ต้องระบุหมายนัดและการขัดขืนอย่างชัดเจน
การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 20 โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องให้ปรากฏถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับเวลา สถานที่ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี และมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 19 ด้วยและหากโจทก์ฟ้องด้วยวาจามีข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ศาลก็จะบันทึกคำฟ้องของโจทก์ให้ได้ใจความแห่งข้อหาไว้เป็นหลักฐานเพื่อพิพากษาคดีนั้นต่อไป
การที่จะถือว่าทหารกองเกินหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้ารับราชการทหารกองประจำการตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2499 มาตรา 45 ต้องเป็นการหลีกเลี่ยงขัดขืนหมายนัดของนายอำเภอตามมาตรา 34 ด้วย ดังนั้น องค์ประกอบความผิดตามมาตรา 45 จึงประกอบด้วยนายอำเภอออกหมายนัด จำเลยรับหมายนัดแล้วและมีการขัดขืนหมายนั้น แต่บันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยซึ่งเป็นทหารกองเกินและถูกคัดเลือกให้เข้ากองประจำการในผลัดที่ 1/2540 ในวันที่ 5 เมษายน 2540 แต่หลีกเลี่ยงขัดขืนไม่ไปรายงานตัวตามกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยมิได้บรรยายฟ้องว่า กำหนดให้ไปรายงานตัวได้เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพราะไม่ปรากฏว่านายอำเภอได้ออกหมายนัด และจำเลยได้รับหมายนัดแล้ว เมื่อฟ้องโจทก์ขาดองค์ประกอบความผิดตามบทมาตราดังกล่าว จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ และปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 และ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4
การที่จะถือว่าทหารกองเกินหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้ารับราชการทหารกองประจำการตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2499 มาตรา 45 ต้องเป็นการหลีกเลี่ยงขัดขืนหมายนัดของนายอำเภอตามมาตรา 34 ด้วย ดังนั้น องค์ประกอบความผิดตามมาตรา 45 จึงประกอบด้วยนายอำเภอออกหมายนัด จำเลยรับหมายนัดแล้วและมีการขัดขืนหมายนั้น แต่บันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยซึ่งเป็นทหารกองเกินและถูกคัดเลือกให้เข้ากองประจำการในผลัดที่ 1/2540 ในวันที่ 5 เมษายน 2540 แต่หลีกเลี่ยงขัดขืนไม่ไปรายงานตัวตามกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยมิได้บรรยายฟ้องว่า กำหนดให้ไปรายงานตัวได้เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพราะไม่ปรากฏว่านายอำเภอได้ออกหมายนัด และจำเลยได้รับหมายนัดแล้ว เมื่อฟ้องโจทก์ขาดองค์ประกอบความผิดตามบทมาตราดังกล่าว จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ และปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 และ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9306/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริตเรียกรับเงินจากทหารกองเกินเพื่อช่วยเหลือหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร มีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานเขตภายใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าเขตเมื่อหัวหน้าเขตเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลย โดยนัยแห่ง พ.ร.บ.รับราชการทหารพ.ศ.2497 มาตรา 28 จัตวา (2) หัวหน้าเขตย่อมมีอำนาจออกคำสั่งแต่งตั้งจำเลยให้เป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ช่วยเหลือคณะกรรมการตรวจเลือกทหารกองเกินภายในท้องที่เขตส่งเข้าเป็นทหารกองประจำการได้ และถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตาม ป.อ.ที่จะต้องปฎิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 นอกเหนือจากการปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเสมียนสัสดีเขต ซึ่งเป็นหน้าที่ตามปกติอีกหน้าที่หนึ่งดังนั้น การที่จำเลยเรียกและรับเงินจากบรรดาทหารกองเกินผู้ได้รับหมายเรียกให้เข้ารับการตรวจเลือกเข้ารับราชการทหารกองประจำการ เป็นการตอบแทนในการที่จำเลยรับจะทำการช่วยเหลือมิให้บรรดาทหารกองเกินเหล่านั้นต้องเข้ารับการตรวจเลือกและไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการ จำเลยย่อมมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตาม ป.อ.มาตรา 149
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่ออกบัตรประชาชนและเกณฑ์ทหาร: การฟ้องจำเลยที่ไม่มีอำนาจและพ้นตำแหน่ง
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้มีสัญชาติไทยได้ยื่นคำร้องต่อจำเลยที่ 1 ที่ 2ซึ่งดำรงตำแหน่งนายอำเภอ น. และสัสดีอำเภอ น. ตามลำดับ เพื่อขอบัตรประจำตัวประชาชนและขอลงชื่อโจทก์ในบัญชีทหารกองเกิน จำเลยทั้งสองอ้างว่าโจทก์มิใช่ผู้มีสัญชาติไทยและไม่จัดการให้ ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสัญชาติไทย ให้จำเลยออกบัตรประจำตัวประชาชนให้โจทก์ ลงชื่อโจทก์ในบัญชีทหารกองเกินและออกใบสำคัญทหารกองเกินให้โจทก์ ดังนี้ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าพนักงานตรวจบัตร ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2519 ออกตามความในพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชนและกฎกระทรวง ฉบับที่ 40 ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร กำหนดให้อำนาจหน้าที่ในการออกบัตรประจำตัวประชาชน อำนาจในการลงชื่อในบัญชีทหารกองเกินกับออกใบสำคัญทหารกองเกินเป็นของนายอำเภอท้องที่ หาใช่สัสดีอำเภอไม่จำเลยที่ 2 จึงไม่มีอำนาจหน้าที่กระทำการตามที่โจทก์ขอในฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 1 ได้ความว่าโจทก์ฟ้องภายหลังจากที่จำเลยที่ 1 พ้นตำแหน่งนายอำเภอ น. แล้ว และโจทก์มิได้ฟ้องนายอำเภอ น. แต่ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นส่วนตัว เมื่อขณะฟ้องจำเลยที่ 1 ไม่อาจปฏิบัติตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ ศาลจึงมิอาจพิพากษาบังคับจำเลยทั้งสองหรือนายอำเภอ น. ซึ่งมิได้ถูกฟ้องคำขอที่ขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์เป็นผู้มีสัญชาติไทยเพื่อที่จะบังคับให้จำเลยทั้งสองออกบัตรประจำตัวประชาชนและออกใบสำคัญทหารกองเกินให้ จึงตกไปอยู่ในตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งเจ็บป่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร: ความรับผิดทางอาญา
จำเลยเป็นทหารกองเกินได้รับหมายเรียกให้ไปให้คณะกรรมการตรวจคัดเลือกเข้ารับราชการทหาร ถึงวันคัดเลือกจำเลยป่วย จึงให้บิดาไปแจ้งต่อคณะกรรมการแทน ด้วยความเข้าใจผิดของบิดา ได้ไปแจ้งต่อสัสดีอำเภอโดยเชื่อว่าเป็นบุคคลที่ควรรับแจ้ง แม้ความจริงจะปรากฏว่าสัสดีอำเภอมิใช่กรรมการคัดเลือกก็ตาม ก็ไม่ใช่ความผิดของจำเลยจึงเอาผิดแก่จำเลยฐานหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารโดยอ้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานะบุตรคนต่างด้าว ศาลฎีกาพิพากษายืนว่าเป็นการขัดขืน
การที่ไม่ไปตามหมายเกณฑ์ตรวจคัดเลือกเข้ารับราชการทหาร เพราะเข้าใจผิดว่าบิดาเป็นคนต่างด้าว และตรงกับประกาศทางราชการว่าไม่ต้องเข้ารับราชการทหารนั้น ย่อมถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงขัดขืนการเกณฑ์
เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดซึ่งจะลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ศาลจะใช้ดุลยพินิจให้รอการกำหนดไว้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี ก็ได้
เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดซึ่งจะลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ศาลจะใช้ดุลยพินิจให้รอการกำหนดไว้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี ก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารด้วยความเข้าใจผิด ศาลฎีกาพิพากษายืนตามกฎหมายเดิมและปัจจุบันว่าเป็นการขัดขืน
การที่ไม่ไปตามที่หมายเกณฑ์ตรวจคัดเลือกเข้ารับราชการทหารเพราะเข้าใจผิดว่าบิดาเป็นคนต่างด้าว และตรงกับประกาศทางราชการว่าไม่ต้องเข้ารับราชการทหารนั้น ย่อมถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงขัดขืนการเกณฑ์
เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดซึ่งจะลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ศาลจะใช้ดุลพินิจให้รอการกำหนดโทษไว้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี ก็ได้
เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดซึ่งจะลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ศาลจะใช้ดุลพินิจให้รอการกำหนดโทษไว้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี ก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารด้วยความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานะบุคคล แม้มีเหตุผลแต่ไม่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย
การที่ไม่ไปตามที่หมายเกณฑ์ตรวจคัดเลือกเข้ารับราชการทหารเพราะเข้าใจผิดว่าบิดาเป็นคนต่างด้าว และตรงกับประกาศทางราชการว่าไม่ต้องเข้ารับราชการทหารนั้น ย่อมถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงขัดขืนการเกณฑ์
เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดซึ่งจะลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ศาลจะใช้ดุลพินิจให้รอการกำหนดโทษไว้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี ก็ได้
เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดซึ่งจะลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ศาลจะใช้ดุลพินิจให้รอการกำหนดโทษไว้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี ก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินรวม, การครอบครองเพื่อหลีกเลี่ยงเกณฑ์ทหารไม่ถือเป็นการให้, จักษุพิการยังมีความสามารถดำเนินคดี
กองทรัพย์สินของตระกูลไม่ใช่นิติบุคคล จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินใดๆ ไม่ได้
ญาติๆ ลงชื่อจำเลยในโฉนดเพื่อคุ้มครองมิให้ต้องถูกเกณฑ์ทหารนั้นไม่ถือว่าเป็นการให้จริงจัง จำเลยคงเป็นผู้แทนของพวกญาติ ที่ดินไม่ตกเป็นกรรมสิทธิของจำเลย
บุคคลจักษุพิการ ซึ่งศาลยังไม่ได้สั่งว่า เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ยังคงมีความสามารถดำเนินคดีในศาลได้ เช่นบุคคลทั้งหลาย
ญาติๆ ลงชื่อจำเลยในโฉนดเพื่อคุ้มครองมิให้ต้องถูกเกณฑ์ทหารนั้นไม่ถือว่าเป็นการให้จริงจัง จำเลยคงเป็นผู้แทนของพวกญาติ ที่ดินไม่ตกเป็นกรรมสิทธิของจำเลย
บุคคลจักษุพิการ ซึ่งศาลยังไม่ได้สั่งว่า เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ยังคงมีความสามารถดำเนินคดีในศาลได้ เช่นบุคคลทั้งหลาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วม, การครอบครองเพื่อหลีกเลี่ยงเกณฑ์ทหาร ไม่ถือเป็นกรรมสิทธิ์, จักษุพิการยังมีความสามารถดำเนินคดี
กองทรัพย์สินของตระกูลไม่ใช่นิติบุคคล จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินใด ๆไม่ได้
ญาติๆลงชื่อจำเลยในโฉนดเพื่อคุ้มครองมิให้ต้องถูกเกณฑ์ทหารนั้นไม่ถือว่าเป็นการให้จริงจัง จำเลยคงเป็นผู้แทนของพวกญาติ ที่ดินไม่ตกเป็นกรรมสิทธิของจำเลย
บุคคลจักษุพิการ ซึ่งศาลยังไม่ได้สั่งว่า เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ยังคงมีความสามารถดำเนินคดีในศาลได้เช่นบุคคลทั้งหลาย
ญาติๆลงชื่อจำเลยในโฉนดเพื่อคุ้มครองมิให้ต้องถูกเกณฑ์ทหารนั้นไม่ถือว่าเป็นการให้จริงจัง จำเลยคงเป็นผู้แทนของพวกญาติ ที่ดินไม่ตกเป็นกรรมสิทธิของจำเลย
บุคคลจักษุพิการ ซึ่งศาลยังไม่ได้สั่งว่า เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ยังคงมีความสามารถดำเนินคดีในศาลได้เช่นบุคคลทั้งหลาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร: ปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยมีเจตนาหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง