คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจตนาครอบครอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 29 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7259/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย แม้เป็นเพียงผู้รับจ้างขนส่ง ถือเป็นความผิดสำเร็จตาม พ.ร.บ. ยาเสพติด
โจทก์ฟ้องจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง , 102 ประกอบ ป.อ. มาตรา 83 จำคุกจำเลย 25 ปี แม้จำเลยจะอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาเพียงอย่างเดียว และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่ฎีกาของจำเลยแปลว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้องอันเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลอุทธรณ์ จำเลยก็ยกขึ้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
การที่จำเลยซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในตัวจำเลยย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยเจตนายึดถือ เมทแอมเฟตามีนดังกล่าว แม้จำเลยจะรับจ้างนำเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบให้แก่ผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ก็ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางแล้ว
พ.ร.บ. บัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า การผลิต นำเข้า ส่งออก หรือ มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่า ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย บทบัญญัติดังกล่าวเป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาด เมื่อเมทแอมเฟ-ตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 8,200 เม็ด น้ำหนัก 712.93 กรัม ที่จำเลยมีไว้ในครอบครอง คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 158.615 กรัม ถือได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้ว
การมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นความผิดสำเร็จตลอดเวลาที่มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง แม้จำเลยจะเป็นผู้รับจ้างนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปส่งที่จุดหมายปลายทาง แต่จำเลยถูกจับเสียก่อน ก็ต้องถือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้วหาใช่เป็นเพียงการพยายามกระทำความผิดไม่
พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคสอง มีอัตราโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วางโทษจำคุกตลอดชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี เป็นการลงโทษขั้นต่ำตามกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินหลังขายฝากและการเปลี่ยนแปลงเจตนาครอบครอง จำเลยได้มาโดยสุจริตหรือไม่
ในการชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเรื่องนิติกรรมอำพรางไว้เป็นประเด็นข้อพิพาท เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งต้องถือว่าสละประเด็นข้อนี้และโจทก์จะอุทธรณ์ในปัญหาดังกล่าวนี้ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 โจทก์ได้นำที่ดินพิพาทขายฝากให้แก่ว. มีกำหนดระยะเวลาในการไถ่ถอน 1 ปี สิทธิครอบครองจึงตกอยู่กับว. ตั้งแต่วันจดทะเบียนขายฝาก โจทก์คงมีแต่สิทธิไถ่ทรัพย์สินคืน ภายในกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 491 ครบกำหนด 1 ปีแล้ว โจทก์ไม่ไถ่ทรัพย์คืน สิทธิครอบครอง ในที่ดินพิพาทย่อมตกเป็นของว. โดยเด็ดขาด โจทก์ผู้ขายฝากเป็นเพียงผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนว.ผู้ซื้อฝากเท่านั้นการที่โจทก์เพียงแต่นำป้ายไปปักประกาศในที่ดินพิพาทว่า เป็นของโจทก์ และห้ามบุคคลภายนอกเกี่ยวข้อง หาเป็นการแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือครอบครอง แทนว. ไม่ เนื่องจากไม่มีการบอกกล่าวไปยังว. ผู้มีสิทธิครอบครอง โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ขอให้ขับไล่จำเลย ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์มิใช่ผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินที่พิพาท คดีจึงไม่จำต้อง วินิจฉัยประเด็นตามคำให้การของจำเลยที่ว่า จำเลยซื้อที่ดิน พิพาทจากผู้มีชื่อโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 หรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินให้บุตรโดยไม่ทำตามฟอร์มและเจตนาครอบครองของทายาท ทำให้สิทธิในที่ดินยังไม่สมบูรณ์
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด การที่ผู้ตายยกที่ดินพิพาทให้ผู้ร้อง ซึ่งทายาทคนหนึ่งของผู้ตาย แต่มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่สมบูรณ์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 525 เมื่อการยกให้ไม่สมบูรณ์ ต่อมาเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายและไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้แสดงเจตนาไปยังทายาทคนอื่นว่าผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อตนเอง การครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้องจึงเป็นการครอบครองแทนทายาทคนอื่นด้วย
คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามป.พ.พ.มาตรา 1382 จึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความมรดกที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5965/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: การขอไถ่ถอนไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเจตนาครอบครอง
ฝ่ายจำเลยเคยขอไถ่ถอนการขายฝากก่อนครบกำหนด แต่โจทก์ ไม่ยอมให้ไถ่เป็นกรณีโจทก์ผิดสัญญา ไม่อาจถือได้ว่าจำเลย บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือโดยจะเอาที่ดินพิพาท เป็นของจำเลยเองแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินต่อเนื่องและเจตนาครอบครอง: ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในคดีที่มีทุนทรัพย์น้อย
โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยเข้าไปปั้นคันนาในที่พิพาทแล้วออกไปไม่ยุ่งเกี่ยวกับที่พิพาทอีก ระยะเวลาหลังจากนั้นมาจึงมิใช่การครอบครองหรือแย่งการครอบครองตามกฎหมาย แม้ต่อมาจำเลยจะเข้าไปตัดฟันต้นชาด จำเลยก็ไม่ได้ครอบครองต่อเนื่องนับจากเข้าไปปั้นคันนา จำเลยมีเจตนารบกวนเพื่อให้โจทก์ดำเนินคดี แต่มิใช่เจตนาครอบครองที่พิพาทเพื่อตน ถือไม่ได้ว่าเป็นการครอบครองตามกฎหมาย เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน 50,000 บาทจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: การกระทำต่อเนื่องและเจตนาครอบครองที่พิพาท
โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยเข้าไปปั้นคันนาในที่พิพาทแล้วออกไปไม่ยุ่งเกี่ยวกับที่พิพาทอีกระยะเวลาหลังจากนั้นมาจึงมิใช่การครอบครองหรือแย่งการครอบครองตามกฎหมายแม้ต่อมาจำเลยจะเข้าไปตัดฟันต้นชาดจำเลยก็ไม่ได้ครอบครองต่อเนื่องนับจากเข้าไปปั้นคันนาจำเลยมีเจตนารบกวนเพื่อให้โจทก์ดำเนินคดีแต่มิใช่เจตนาครอบครองที่พิพาทเพื่อตนถือไม่ได้ว่าเป็นการครอบครองตามกฎหมายเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน50,000บาทจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5985/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: การเปลี่ยนแปลงเจตนาครอบครองจากอาศัยสิทธิผู้อื่นเป็นเจ้าของ และการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์
เจ้าของโฉนดที่ดินพิพาทได้จำนำโฉนดที่ดินพิพาทไว้แก่บุคคลอื่นการที่ มารดา ของผู้คัดค้านซึ่งอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินได้ไถ่โฉนดที่ดินพิพาทแทนเจ้าของโฉนดยังไม่อาจฟังว่าเป็นการแสดงเจตนาเปลี่ยนแปลงการครอบครองที่ดินพิพาทจากการอาศัยสิทธิของผู้อื่นเป็นการครอบครองเพื่อตนเอง เพราะอาจเป็นการไถ่โดยเจตนาที่จะอาศัยอยู่ในที่ดินพิพาทต่อไป ถือว่ามารดาของผู้คัดค้านและผู้คัดค้านครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินดังนั้นแม้ว่าจะครอบครองมานานเพียงใด ผู้คัดค้านย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4997/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองแทนกัน-มรดก: การครอบครองที่ดินโดยเจตนาเป็นเจ้าของร่วมกัน และสิทธิในมรดก, การโอนที่ดิน
การครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 1 นับแต่ ค. ผู้เป็นบิดาถึงแก่ความตายตลอดมาจนถึงการขอออกโฉนด เป็นชื่อ ของจำเลยที่ 1และทำการแบ่งมรดกกันเป็นการเจตนาครอบครองแทนผู้อื่น ในฐานะที่เป็นเจ้าของร่วมกันระหว่างโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 กับจำเลยที่ 1หาใช่เป็นการยึดถือครอบครองไว้ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวไม่แม้จะครอบครองมานานกว่า 10 ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382 ส่วนที่จำเลยที่ 2 เข้ามาอยู่ในที่พิพาทเป็นการอาศัยสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับโอนก็หาได้กรรมสิทธิ์ไม่ และการที่โจทก์ทั้งสามฟ้องขอแบ่งมรดกที่ดินจากจำเลยที่ 2 จึงเป็นเรื่องโจทก์ขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมมิใช่เป็นการฟ้องเรียกให้แบ่งมรดก จำเลยที่ 2ย่อมไม่อาจยกเอาเรื่องอายุความมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754มาปรับแก่คดีได้ ตามมาตรา 60 วรรคหนึ่ง แห่ง ป. ที่ดิน ที่บัญญัติว่า เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งประการใดแล้วให้แจ้งคู่กรณีทราบและให้ฝ่ายที่ไม่พอใจไปดำเนินการฟ้องหรือร้องต่อศาลภายในกำหนด60 วันนั้น เป็นเรื่องการให้ฝ่ายที่ไม่พอใจต้องไปดำเนินการทางศาลถ้า พ้นกำหนด 60 วันแล้วเจ้าพนักงานที่ดินก็มีอำนาจปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าราชการได้ดัง ที่กล่าวไว้ในวรรคสามของมาตรานี้หาใช่เป็นการจำกัดอำนาจการฟ้องแต่อย่างใดไม่ คดีก่อนแม้โจทก์จะฟ้องว่าที่ดินพิพาทเป็นมรดกของ ค.ให้บังคับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันแบ่งให้แก่โจทก์ แต่คดีนั้นศาลยกฟ้องเพราะปรากฏในวันชี้สองสถานว่าจำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 ไปแล้ว สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับตามคำขอได้ซึ่งเท่ากับการยกฟ้องเพราะฟ้องโจทก์บกพร่องโดยมิได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดี ฟ้องโจทก์ที่ขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในคดีนี้จึงมิได้เป็นการฟ้องซ้ำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3962/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของผู้อื่น และการเปลี่ยนแปลงเจตนาการครอบครอง ส่งผลต่อสิทธิในที่ดิน
โจทก์เข้ามาอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยต่อมาจำเลยมอบอำนาจให้ บ.ยื่นคำขอออกโฉนดและมอบให้ดูแลที่ดินพิพาทแทน เมื่อ บ.นำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดที่ดินพิพาทโจทก์ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่ บ. และทำหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินคัดค้านการรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินดังกล่าว เมื่อ บ.ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานว่าโจทก์เข้ามาปลูกบ้านในที่ดินของจำเลย และเจ้าพนักงานเรียกคู่กรณีมาเจรจาโจทก์ก็อ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวถือได้ว่า เป็นการบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือที่ดินพิพาทไว้แทนจำเลยมาเป็นยึดถือเพื่อตนเองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 และนับตั้งแต่วันดังกล่าวจนถึงวันฟ้องแย้งเกิน 1 ปีแล้วจำเลยจึงหมดสิทธิที่จะเรียกที่ดินพิพาทคืนจากโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาครอบครองที่ดินสำคัญกว่าระยะเวลา หากไม่มีเจตนาเป็นเจ้าของ แม้ครอบครองนานก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์
ในคดีพิพาทเรื่องที่ดิน เมื่อผู้ร้องและผู้คัดค้านตกลงกันว่าหากเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดแล้ว ปรากฏว่าฝ่ายใดรุกล้ำก็ให้คืนที่ดินพิพาทให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเช่นนี้ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีเจตนาจะครอบครองที่ดินอย่างเป็นเจ้าของเฉพาะที่เป็นส่วนของผู้ร้องเท่านั้น หากเป็นของบุคคลอื่นผู้ร้องก็ไม่มีเจตนาจะครอบครองและยึดถือเป็นของตน ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและเปิดเผยเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท
of 3