คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจตนาลักทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7880/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์: การคืนทรัพย์สินที่ขโมยมาไม่ใช่การแสดงเจตนาตั้งแต่แรก
หลังจากจำเลยทั้งสองร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 และที่ 3 แล้ว จำเลยทั้งสองหลบหนีไป โดยจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ 4 ไปด้วย หลังเกิดเหตุ 2 วัน พบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ 4 จอดอยู่ที่ป้อมตำรวจ หากจำเลยทั้งสองมีเจตนาจะเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ 4 ไปโดยทุจริตก็สามารถทำได้ แต่จำเลยที่ 2 กลับไปจอดไว้ที่ป้อมตำรวจ แสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาเพียงใช้รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ 4 เป็นยานพาหนะหลบหนีเท่านั้น หาได้มีเจตนาเอาไปโดยทุจริตไม่ จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์โต้แย้งข้อเท็จจริงเรื่องเจตนาลักทรัพย์ ย่อมเป็นอุทธรณ์ที่ชอบ แม้ไม่ได้โต้เถียงดุลพินิจพยาน
แม้จำเลยจะไม่ได้อุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังคำเบิกความของ จ. และ ว. ประจักษ์พยานโจทก์ว่ามีข้อพิรุธหรือไม่น่าเชื่อถืออย่างไรแต่การที่จำเลยอุทธรณ์โดยกล่าวว่าการที่ ป. ได้โยนถาดทองเหลืองออกมาจากกุฏิของผู้เสียหายเพื่อให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความเกรงกลัว และเพื่อที่จะเปิดทางหลบหนีไป ทั้งเมื่อ ป. หลบหนีไปก็มิได้มาเอา ถาดทองเหลืองนั้นไปด้วย ป. มิได้มีเจตนายึดถือเอาถาดทองเหลือง เป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต ป. จึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ ทำให้จำเลยซึ่งร่วมไปกับ ป. ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ไปด้วยนั้น ย่อมเห็นได้ว่าอุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่ง นำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว แม้จำเลยจะให้การปฏิเสธโดยนำสืบอ้างฐานที่อยู่จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์ ในข้อนี้ได้ หาใช่เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นแต่ประการใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1948/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์ไม่ปรากฏ ศาลลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ แต่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาได้ความว่า จำเลยใช้ค้อนทุบกระจก ด้านข้าง ตู้ เอ.ที.เอ็ม. ของธนาคารผู้เสียหายแตกเสียหาย อันเป็นความผิดฐานทำให้ เสียทรัพย์ และจำเลยไม่มี เจตนาลักทรัพย์ แต่การที่จำเลยนำสืบรับว่าได้ใช้ค้อนทุบ กระจกผู้เสียหายแตกได้รับความเสียหายเพื่อระบาย ความเครียด จำเลยจึงมิได้หลงต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลย ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามที่ทางพิจารณาได้ความนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1942/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์เป็นสาระสำคัญของการปล้นทรัพย์ การข่มขืนใจต่างหากที่เข้าข่ายความผิดฐานข่มขืนใจ
จำเลยและพวกกับผู้เสียหายทั้งสี่เป็นนักศึกษาต่างสถาบันซึ่งมีเรื่องยกพวกทำร้ายร่างกายกันเป็นประจำในขณะที่สวมเครื่องแบบนักศึกษาแม้ไม่เคยรู้จักกันจำเลยกับพวกมีอาวุธปืนมีดและก้อนหินขู่บังคับผู้เสียหายทั้งสี่ให้ถอดเสื้อฝึกงานและหัวเข็มขัดซึ่งมีราคาเพียงเล็กน้อยที่ผู้เสียหายทั้งสี่สวมใส่อยู่ให้จำเลยและพวกผู้เสียหายทั้งสี่กลัวจึงยอมทำตามโดยเสื้อฝึกงานและหัวเข็มขัดดังกล่าวเป็นของใช้สำหรับนักศึกษาในสถานศึกษาของผู้เสียหายทั้งสี่ใช้เท่านั้นจำเลยและพวกย่อมไม่สามารถนำเสื้อฝึกงานและหัวเข็มขัดดังกล่าวไปใช้หรือแสวงหาประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินได้จึงเป็นการกระทำโดยมิได้มุ่งประสงค์ต่อผลในการจะแสวงหาประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าวโดยแท้จริงมิได้มีเจตนาเอาทรัพย์สินดังกล่าวไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่นหากแต่เป็นการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ทำไปด้วยความคะนองตามนิสัยวัยรุ่นที่ความประพฤติไม่เรียบร้อยเพื่อหยามศักดิ์ศรีของนักศึกษาต่างสถานศึกษาเท่านั้นเป็นการกระทำที่ขาดเจตนา ลักทรัพย์จึงไม่เป็นความผิดฐาน ปล้นทรัพย์ แต่เป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสี่ให้กระทำตามที่จำเลยและพวกประสงค์โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของผู้เสียหายทั้งสี่อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา309วรรคสองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานปล้นทรัพย์จึงต้องลงโทษจำเลยตามที่พิจารณาได้ความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย และพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา เมื่อศาลฎีกายกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 และฟังว่า การกระทำของจำเลยที่ 3 ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ แม้จำเลยที่ 3 มิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 3 ได้ เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213,225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4673/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์-ปล้นทรัพย์: การทำร้ายร่างกายและทิ้งรถผู้เสียหาย ไม่ถึงเจตนาปล้นทรัพย์ เพิ่มโทษซ้ำ
จำเลยทั้งสี่ชักชวนกันด้วยความคึกคะนองเนื่องจากมึนเมาสุราว่า จะดักทำร้ายผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา เมื่อผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายแล้วนำเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปทิ้งในคลอง โดยที่ไม่ได้มีการพูดจาหรือตกลงกันว่าจะมาเอาในภายหลัง แสดงว่าจำเลยทั้งสี่มีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายโดยมิได้ประสงค์ต่อทรัพย์ เพราะมิได้มีการกระทำที่ส่อให้เห็นว่าจำเลยทั้งสี่มีเจตนาจะเอาไปเป็นของตนเองอันเป็นการแสดงเจตนาทุจริตเกี่ยวกับทรัพย์ที่เอาไป จำเลยทั้งสี่จึงไม่มีเจตนาลักทรัพย์การกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงไม่เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ จำเลยที่ 1 เคยต้องโทษจำคุกฐานรับของโจร และภายในเวลา 3 ปีนับแต่วันพ้นโทษ จำเลยที่ 1 มากระทำผิดคดีนี้ฐานทำร้ายร่างกายจึงเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93 ไม่ได้ แต่เพิ่มโทษได้ตามมาตรา 92 แม้โจทก์จะขอเพิ่มโทษตามมาตรา 93 โดยไม่ได้ขอมาตรา 92 มาด้วย ก็ชอบที่จะเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 92ซึ่งเป็นบทที่เบากว่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์หลังวิวาท: การกระทำหลังเสื้อหล่นพื้นบ่งชี้เจตนา
จำเลยกับพวกและผู้เสียหายกับพวกวิวาทชกกันเพราะเหตุไม่ชอบหน้ากัน เสื้อที่พาดไว้ที่ไหล่ผู้เสียหายตกลงที่พื้น โดยจำเลยมิได้กระชากยื้อแย่งจากตัวผู้เสียหาย แล้วจำเลยหยิบเอาเสื้อของผู้เสียหายวิ่งหนีไปขึ้นรถประจำทางภายหลังที่การชกต่อยกันสิ้นสุดลงแล้ว เช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาลักเอาเสื้อดังกล่าวภายหลังที่เสื้อตกลงที่พื้นแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์และฐานใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตาม ป.อ. มาตรา 334 และ 391 หาใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์ไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2055/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในผลผลิตจากต้นไม้บนที่ดินพิพาท - เจตนาลักทรัพย์ - การครอบครอง
ต้นมะม่วงที่จำเลยสอยเอาผลปลูกอยู่ในที่ดินที่กำลังพิพาทในเรื่องสิทธิกันอยู่ระหวางจำเลยกับผู้เสียหาย โดยจำเลยเป็นเป็นฝ่ายครอบครองที่ดินนั้น เมื่อมีผู้ไปห้ามจำเลยก็เถียงว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลย ดังนี้ จำเลยหามีเจตนาลักมะม่วงนั้นไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์ - การนำทรัพย์ผู้อื่นไปใช้ชั่วคราวเพื่อจัดงานศพ - ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
จำเลยเอาไม้ที่ปูพื้นเรือนของโจทก์ร่วม 8 แผ่น ไปปูบนร่องสวนเพื่อใช้จัดงานศพชั่วคราว มิได้มีเจตนาเอาไปเลย ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์ ปืนของผู้เสียหาย การต่อสู้ขัดขวางการจับกุม และการส่งต่อปืนให้บิดา ไม่ถือว่ามีความผิดฐานลักทรัพย์
ผู้เสียหายเป็นนายตรวจสรรพสามิต จับจำเลยที่ 2 ในข้อหามีสุราผิดกฎหมายขณะหาไปจวนถึงหน้าร้านจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ล้วงปืนพกของผู้เสียหายด้วยเจตนาต่อสู้ขัดขวางการจับกุม มิได้มีเจตนาลัก แล้ววิ่งหนีไปส่งปืนให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นบิดา เป็นเวลากระทันหันในทันทีทันใด ไม่มีพฤติการณ์ให้รู้มาก่อนว่าจำเลยที่ 2 ถูกจับแล้วหนีมา ผู้เสียหายไม่แต่งเครื่องแบบ ทั้งไม่ได้แจ้งให้ทราบว่าปืนนั้นเป็นของตน การที่ผู้เสียหายเข้าแย่งปืนจำเลยที่ 1 ไม่ยอมให้นั้นน่าจะเพื่อมิให้เกิดเหตุร้ายเท่านั้น การที่จำเลยเอาปืนไว้ภายหลังจากที่ผู้เสียหายไปแจ้งความ ไม่พอถือว่ามีเจตนาทุจริตลักเอาปืนนั้นไว้ แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะต่อสู้คดีว่ามิได้เอาปืนไว้และผู้เสียหายยังไม่ได้ปืนคืน ก็ไม่พอบ่งว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ แต่ศาลมีอำนาจสั่งให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคาปืนแก่ผู้เสียหายได้
of 2