คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เช็คชำระหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9777/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จต่อศาลในคดีแพ่งเกี่ยวกับเช็คชำระหนี้ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความในคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายเพื่อ ชำระหนี้ค่าสินค้าปุ๋ยที่ซื้อไปจากโจทก์ว่าเป็นเช็คที่จำเลยออกให้เป็นค้ำประกันเป็นเช็คไม่มีมูลหนี้และจำเลยได้ชำระ ค่าสินค้าให้โจทก์แล้วแต่โจทก์ยังออกใบเสร็จรับเงินให้ไม่ครบ ทั้ง ๆ ที่เช็คดังกล่าวจำเลยออกเช็คชำระหนี้ค่าสินค้าปุ๋ยให้โจทก์เช่นนี้ คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นความเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดี จำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7979/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช็คชำระหนี้ที่ไม่สมบูรณ์: การพิสูจน์เจตนาและองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
ผู้เสียหายให้จำเลยลงลายมือชื่อในสัญญากู้ยืมเงินในฐานะผู้กู้ไว้โดยยังมิได้กรอกข้อความและให้จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อเป็นประกันว่า เมื่อถึงกำหนดชำระเงินตามเช็คจำเลยจะต้องชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายได้กรอกข้อความในสัญญากู้ยืมเงินขณะไปแจ้งความดำเนินคดีกับจำเลยหลังจากผู้เสียหายได้ให้จำเลยยืมเงินไปแล้ว ซึ่งเห็นได้ว่าการกู้ยืมเงินกันแต่ละครั้งขณะลงลายมือชื่อไม่มีข้อความว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไปเป็นจำนวนเท่าใดและจะต้องรับผิดต่อโจทก์อย่างใด เอกสารลงลายมือชื่อของจำเลยที่ไม่ปรากฏความรับผิดหรือการเป็นหนี้ของจำเลย จึงหาใช่เป็นหลักฐานที่จะใช้ฟ้องร้องบังคับจำเลยได้ไม่ ฉะนั้น หนี้ตามสัญญากู้ที่โจทก์ฟ้องจึงไม่อาจบังคับจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7909/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คชำระหนี้กู้ยืม แม้ดอกเบี้ยเกินอัตรากฎหมาย ก็ไม่กระทบสิทธิเรียกร้องเงินต้น การออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชีเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
หนี้ต้นเงินกู้ยืมที่จำเลยออกเช็คพิพาทสั่งจ่ายให้แก่โจทก์กับดอกเบี้ยของต้นเงินกู้ยืมเป็นหนี้คนละส่วนแยกต่างหากจากกันได้แม้จำนวนดอกเบี้ยที่โจทก์เรียกเก็บจากจำเลยจะเกินจากอัตราที่กฎหมายกำหนดหรือเป็นการคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยก็คงมีผลแต่เพียงว่าโจทก์สิ้นสิทธิในการได้รับดอกเบี้ยที่คิดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดหรือไม่อาจคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยเท่านั้นแต่หาได้สิ้นสิทธิที่จะได้รับต้นเงินกู้ยืมไม่ และหากจำเลยชำระดอกเบี้ยไปแล้วก็หาอาจที่จะเรียกคืนหรือนำไปหักจากต้นเงินกู้ยืมได้ไม่ เมื่อเช็คพิพาทที่จำเลยออกมิได้รวมดอกเบี้ยที่มิชอบเข้าไว้ด้วยการออกเช็คพิพาทของจำเลยจึงเป็นการออกเช็คชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย เมื่อเช็คดังกล่าวไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้เพราะขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7909/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คชำระหนี้แยกต่างหาก แม้ดอกเบี้ยผิดกฎหมายก็ไม่กระทบสิทธิรับต้นเงิน การออกเช็คจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
หนี้ต้นเงินกู้ยืมจำนวน 500,000 บาท ที่จำเลยออกเช็คพิพาทสั่งจ่ายให้แก่โจทก์กับดอกเบี้ยของต้นเงินกู้ยืมดังกล่าวอีกจำนวน7,500 บาท เป็นหนี้คนละส่วนแยกต่างหากจากกันได้ แม้จำนวนดอกเบี้ยที่โจทก์เรียกเก็บจากจำเลยจะเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดหรือเป็นการคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยก็คงมีผลแต่เพียงว่าโจทก์สิ้นสิทธิในการได้รับดอกเบี้ยที่คิดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดหรือไม่อาจคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยเท่านั้นแต่หาได้สิ้นสิทธิที่จะได้รับต้นเงินกู้ยืมไม่ และหากจำเลยชำระดอกเบี้ยไปแล้วก็หาอาจที่จะเรียกคืนหรือนำไปหักจากต้นเงินกู้ยืมได้ไม่ เมื่อเช็คพิพาทที่จำเลยออกมิได้รวมดอกเบี้ยที่มิชอบเข้าไว้ด้วย การออกเช็คพิพาทของจำเลยจึงเป็นการออกเช็คชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4181/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงหนี้และการออกเช็คชำระหนี้ใหม่ ย่อมทำให้จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
แม้เดิมจำเลยจะออกเช็คพิพาทเพื่อประกันหนี้ตามบันทึกข้อตกลงอันมีผลให้จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 4 ก็ตาม แต่เมื่อ โจทก์ร่วมกับจำเลยตกลงยกเลิกบันทึกข้อตกลงดังกล่าวเสีย แล้วทำ บันทึกข้อตกลงกันใหม่ โดยตกลงให้นำเช็คพิพาทมาชำระหนี้ก็ต้องถือว่าจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ตามบันทึกข้อตกลงใหม่ อันเป็นหนี้ ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายแล้ว กรณีหาใช่โจทก์ร่วมกับ จำเลยตกลงกันใหม่เพื่อไม่ให้คดีอาญาระงับไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9121/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมหนี้กู้ยืมและการออกเช็คชำระหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมาย
ตาม ป.พ.พ.มาตรา 653 วรรคหนึ่ง เป็นกรณีที่หนี้เงินจำนวนดังกล่าวไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง แต่สำหรับคดีนี้โจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือคือเอกสารหมาย จ.1 มาแสดง และจำเลยนำสืบรับว่าได้กู้ยืมเงินจำนวนดังกล่าวจากผู้เสียหายจริง สัญญากู้ยืมเงินอาจจะรวมเงินจำนวนที่กู้ยืมกันในครั้งก่อน ๆ มารวมไว้ในสัญญากู้ยืมเงินฉบับเดียวกันได้ ไม่มีกฎหมายห้ามดังนั้น การที่ผู้เสียหายนำเงินจำนวน 700,000 บาท ที่ให้จำเลยกู้ยืมไปเมื่อวันที่11 เมษายน 2537 มารวมกับเงินจำนวน 800,000 บาท ที่ให้จำเลยกู้ยืมอีกเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2537 รวมเป็นเงิน 1,500,000 บาท จึงชอบที่จะทำได้และเป็นหนี้ที่อาจบังคับได้ตามกฎหมาย หากผู้เสียหายนำหลักฐานการกู้ยืมเงินตามเอกสารหมาย จ.1 มาฟ้องเรียกเงินจำนวนดังกล่าวในทางแพ่ง จำเลยก็อาจจะต้องรับผิดตามจำนวนที่ปรากฏในเอกสารนั้น เมื่อจำเลยทำหลักฐานการกู้ยืมตามเอกสารหมาย จ.1 แล้วในวันเดียวกันจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวนเดียวกันกับที่กู้ยืมโดยลงวันที่ล่วงหน้าไว้ตรงกับกำหนดที่จะต้องชำระคืนหนี้เงินที่กู้ยืมนั้นจึงเป็นการออกเช็คชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9121/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คชำระหนี้ที่อาจบังคับได้ แม้ไม่มีหลักฐานหนังสือ แต่จำเลยออกเช็คในขณะที่ไม่มีเงินในบัญชี
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา653วรรคหนึ่งเป็นกรณีหนึ่งหนี้เงินจำนวนดังกล่าวไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งแต่สำหรับคดีนี้โจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือเอกสารหมายจ.1มาแสดงและจำเลยนำสืบรับว่าได้กู้ยืมเงินจำนวนดังกล่าวจากผู้เสียหายจริงสัญญากู้ยืมเงินอาจจะรวมเงินจำนวนที่กู้ยืมกันในครั้งก่อนๆมารวมไว้ในสัญญากู้ยืมเงินฉบับเดียวกันได้ไม่มีกฎหมายห้ามดังนั้นการที่ผู้เสียหายนำเงินจำนวน700,000บาทที่ให้จำเลยกู้ยืมไปเมื่อวันที่11เมษายน2537มารวมกับเงินจำนวน800,000บาทที่ให้จำเลยกู้ยืมอีกเมื่อวันที่21เมษายน2537รวมเป็นเงิน1,500,000บาทจึงชอบที่จะทำได้และเป็นหนี้ที่อาจบังคับได้ตามกฎหมายหากผู้เสียหายนำหลักฐานการกู้ยืมเงินตามเอกสารหมายจ.1มาฟ้องเรียกเงินจำนวนดังกล่าวในทางแพ่งจำเลยก็อาจจะต้องรับผิดตามจำนวนที่ปรากฏในเอกสารนั้นเมื่อจำเลยทำหลักฐานการกู้ยืมตามเอกสารหมายจ.1แล้วในวันเดียวกันจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวนเดียวกันกับที่กู้ยืมโดยลงวันที่ล่วงหน้าไว้ตรงกับกำหนดที่จะต้องชำระคืนหนี้เงินที่กู้ยืมนั้นจึงเป็นการออกเช็คชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9058/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม & สิทธิฟ้องคดี – เช็คชำระหนี้จากสัญญาแต่งตั้งตัวแทน – อนุญาโตตุลาการไม่ตัดสิทธิฟ้อง
โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คที่จำเลยมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ถึงแม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายฟ้องว่าชำระหนี้อะไร ก็เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยในเรื่องการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ ให้มีอำนาจในการตกลงข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามสัญญาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายสินค้า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลหนี้ตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้ว่าหนี้ตามเช็คเกิดจากสัญญาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายสินค้าและจำเลยไม่ยอมตกลงชำระหนี้ตามเช็คแก่โจทก์ เพราะค้างชำระหนี้โจทก์ไม่ถึงจำนวนตามเช็ค แสดงว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์เกี่ยวกับการชำระหนี้ตามเช็คเท่านั้น ทั้งข้อสัญญาดังกล่าวบอกแต่เพียงว่า เมื่ออนุญาโตตุลาการได้ทำการตกลงข้อขัดแย้งแล้วให้ถือว่าข้อตกลงนั้นสิ้นสุดและยอมรับกันเท่านั้น ไม่มีข้อความใดบังคับว่าคู่กรณีจำต้องมอบข้อพิพาทในอนุญาโตตุลาการทุกกรณีไป จึงไม่เป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3722/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คชำระหนี้ที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ: ไม่เข้าความผิด พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงิน100,000บาทเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์โดยจำเลยได้บันทึกด้วยว่าได้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่จำเลยได้กู้ยืมจากโจทก์โดยทำบันทึกดังกล่าวภายหลังที่ออกเช็คชำระหนี้แก่โจทก์แล้วแม้กระทำในวันเดียวกันก็ตามดังนี้แม้จำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จริงแต่หนี้นั้นไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมายจึงขาดองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้ที่เกิดจากการไกล่เกลี่ยคดีอาญา มีผลเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เช็คชำระหนี้ตามสัญญามีผลผูกพัน
แม้เอกสารที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ จะใช้ชื่อว่า หนังสือรับสภาพหนี้แต่การทำหนังสือดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่โจทก์ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย และโจทก์เข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการศาลทหารกรุงเทพดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยที่ออกเช็คชำระหนี้แก่โจทก์และโจทก์ไม่ได้รับเงินตามเช็ค เมื่อมีการไกล่เกลี่ย โจทก์และจำเลยตกลงในยอดหนี้ใหม่กันได้ จำเลยตกลงชำระหนี้ให้โจทก์เป็นเช็ครวม 37 ฉบับ โจทก์จึงถอนคำร้องทุกข์ในคดีอาญาดังกล่าว กรณีเป็นที่เห็นได้ชัดว่า หนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวเป็นข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยเพื่อที่จะระงับข้อพิพาทที่มีขึ้นตามมูลหนี้ซึ่งโจทก์และจำเลยได้พิพาทกันจนมีการดำเนินคดีอาญาให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน เอกสารดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอม-ยอมความตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 เมื่อเช็คพิพาทที่นำมาฟ้องคดีนี้เป็นคดีที่จำเลยชำระหนี้ตามมูลหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ และเมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงมิใช่การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินและเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราอันเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่จำเลยนำสืบต่อสู้
of 3